วิกฤตประชากรลดฮวบ ปัญหาที่รอไม่ได้ของ ‘ญี่ปุ่น’

(Photo by Richard A. Brooks / AFP)

“ญี่ปุ่น” ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเกิดที่น้อยมาก

โดยเมื่อปีที่ผ่านมา อัตราการเกิดของญี่ปุ่นลดลงเป็นประวัติการณ์ โดยมีอัตราการเกิดที่ต่ำกว่า 800,000 คนเป็นครั้งแรก

และยังมีแนวโน้มว่าจะลดลงไปอีกเรื่อยๆ

ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับทั่วโลก เหมือนกับประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ อันเนื่องมาจากความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ถดถอยที่เกิดขึ้นขณะนี้

แม้ว่าญี่ปุ่นจะมีความพยายามในการกระตุ้นให้ประชาชนมีลูกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสนอโบนัสเป็นเงินสดให้ และสิทธิประโยชน์อื่นๆ สำหรับครอบครัวที่มีลูก ทั้งการให้เงินแก่ผู้ตั้งครรภ์ เด็กแรกเกิด และการดูแลสุขภาพของเด็ก โดยเสนอเงินช่วยเพิ่มมากขึ้น ด้วยหวังว่าจะช่วยให้การตัดสินใจมีลูกง่ายขึ้น

แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยทำให้คนญี่ปุ่นอยากมีลูกกันมากขึ้น ด้วยค่าครองชีพที่สูง และเงินเดือนที่ไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ ทำให้ชาวญี่ปุ่นคิดมากเกี่ยวกับการมีลูก ที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เพิ่มขึ้น

 

ผลสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ โดย ยู่หวา ป๊อปปูเลชั่น รีเสิร์ช พบว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีค่าเลี้ยงดูบุตรที่แพงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองเพียงจีน และเกาหลีใต้เท่านั้น

ขณะที่การสำรวจความคิดเห็นของวัยรุ่น โดยมูลนิธินิปปอน พบว่า 36.9% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งชายหญิง ระบุว่าไม่อยากเลี้ยงลูก และ 35.1% ระบุว่าไม่อยากสูญเสียความเป็นอิสระ

ขณะที่ประเด็นอัตราการเกิดที่ลดลงในญี่ปุ่น มี 74.1% ระบุว่า เป็นเพราะวิกฤตทางเศรษฐกิจ ส่วนอุปสรรคในการมีลูกที่สำคัญที่สุด คือ “ภาระทางการเงิน”

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่า นโยบายสนับสนุนการมีลูกของรัฐบาลญี่ปุ่น ดูจะเป็นการพุ่งเป้าไปที่ครอบครัวที่มีลูกอยู่แล้ว มากกว่าการสนับสนุนให้คนหนุ่มสาวเริ่มต้นชีวิตครอบครัว เพื่อนำไปสู่การมีลูก

 

ปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีประชากรอยู่กว่า 125 ล้านคน โดยในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา จำนวนประชากรได้ลดลงเรื่อยๆ และคาดว่า ประชากรจะลดลงไปเหลือ 86.7 ล้านคน ภายในปี ค.ศ.2060 ซึ่งจำนวนประชากรที่ลดลง และประชากรสูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น เกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ

ปัญหาจำนวนประชากรที่เกิดน้อยลงเรื่อยๆ ถึงขั้นทำให้นายฟุมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ต้องออกมาแถลงเป็นนโยบาย ในการเปิดสมัยประชุมรัฐสภาว่า จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อจัดการกับอัตราการเกิดที่ลดลงในญี่ปุ่น

และว่า นี่จะเป็นโอกาสเดียวเท่านั้นที่จะหยุดปัญหาประชากรหดตัว ที่ถือว่าเป็นวิกฤตที่ไม่สามารถรอได้อีกต่อไป

ทั้งนี้ นายคิชิดะกล่าวว่า จะเสนอแผนการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นสำหรับนโยบายกระตุ้นการมีลูกเป็น 2 เท่า ภายในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ รวมถึงการให้ทุนการศึกษา และในเดือนเมษายนนี้จะตั้งหน่วยงานใหม่ด้านเด็กและครอบครัวขึ้นมา เพื่อกำกับดูแลเรื่องนี้

นายคิชิดะบอกว่า สถานการณ์ของญี่ปุ่นตอนนี้ เรียกได้ว่าอยู่ในภาวะเสี่ยงที่สังคมอาจะไม่สามารถรักษากลไกการทำหน้าที่ตามปกติได้อีก

และเชื่อมั่นว่า เงินที่ทุ่มไปกับนโยบายการส่งเสริมการเลี้ยงดูบุตรนั้น เป็นการลงทุนที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพื่ออนาคตของประเทศ และให้คำมั่นว่า จะสร้างเศรษฐกิจและสังคม ที่คำนึงถึงเด็กเป็นอันดับแรก

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะพยายามหาทางกระตุ้นให้คนมามีลูกกันมากขึ้น ด้วยการเพิ่มเงินช่วยเหลือต่างๆ นานา

หากแต่ถ้าสภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดี แถมยังมีแนวโน้มแย่กันทั่วโลกแบบนี้ ก็ไม่น่าจะเปลี่ยนใจให้คนหันมามีลูกกันได้

ขณะที่ประเทศอื่นๆ ก็มีปัญหาอัตราการเกิดที่ลดลงหลายประเทศ

รวมถึงประเทศจีน ที่มีประชากรอยู่กว่า 1,400 ล้านคน และเพิ่งมีรายงานว่า เมื่อปีที่ผ่านมา จีนมีจำนวนประชากร “ลดลง” เป็นครั้งแรก ในรอบกว่า 60 ปี!!