ถ้าน้องไม่มีเพื่อน พี่จะเป็นเพื่อนของน้องเอง! | ท้อฟฟี่ แบรดชอว์

ท้อฟฟี่ แบรดชอว์https://www.facebook.com/toffybradshawwriter

1

ถ้าจะอธิบายคำว่า “Empathy” หรือเอาใจเขามาใส่ใจเราว่าเป็นอย่างไร ผมอยากให้ลองอ่านเรื่องนี้ดูครับ

Brody Ridder กำลังจะเรียนจบเกรด 6 แต่ชีวิตวัยประถมของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

Brody มักจะถูกเพื่อนๆ รังแกเสมอ แม้กระทั่งพอจะเรียนจบที่เพื่อนๆ ก็ปฏิเสธที่จะเซ็น Year Book หรือหนังสือรุ่นให้กับ Brody มีแค่เพื่อน 2 คน ครู 2 คน และตัวเขาที่เซ็นหนังสือให้กับตัวเอง

“หวังว่านายจะมีเพื่อนมากกว่านี้นะ” Brody เขียนข้อความนี้ให้กับตัวเองในหนังสือรุ่น

“หวังว่านายจะมีเพื่อนมากกว่านี้นะ” Brody เขียนข้อความนี้ให้กับตัวเองในหนังสือรุ่น

 

2

Brody เคยถูกบูลลี่จนครอบครัวต้องพาเขาย้ายมาโรงเรียนแห่งใหม่ตอนเกรด 5

แต่ต่อให้ย้ายโรงเรียนแล้ว Brody ก็ยังคงถูกรังแก โดนล้อเลียน และถูกทิ้งให้ต้องโดดเดี่ยวเสมอ

การที่เพื่อนๆ ไม่เซ็นหนังสือ Yearbook ให้กับ Brody ยิ่งเป็นการทำร้ายความรู้สึกของ Brody มากกว่าเดิม

พราะเท่ากับว่าเป็นการปฏิเสธการมีอยู่ของเขาในฐานะเพื่อนร่วมรุ่น

 

3

Cassandra Ridder แม่ของ Brody เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกชายแล้วหัวใจแทบสลาย เธอรู้ว่าที่ผ่านมา Brody ต้องเจอกับอะไรมาบ้าง และในฐานะแม่ ไม่มีอะไรเจ็บปวดไปกว่าการเห็นลูกรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า

เธอนำรูปข้อความที่ Brody เขียนให้ตัวเองในสมุด Year Book ที่ปราศจากลายเซ็นของเพื่อนๆ โพสต์ลงใน Facebook Group ของกลุ่มพ่อแม่ในโรงเรียน เผื่อว่าพ่อแม่จะเปิดอกคุยกับลูกๆ เรื่องการบูลลี่ที่โรงเรียน

และหลังจากนั้น ความมหัศจรรย์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น

 

4

พ่อแม่ที่รู้เรื่องราวของ Brody ได้เล่าเรื่องของเขาให้ลูกๆ ฟัง

แม้พวกรุ่นพี่จะไม่รู้จัก Brody แต่พวกเขาสัมผัสได้ว่า Brody จะรู้สึกอย่างไร

Joanna Cooper รุ่นพี่จากเกรด 11 ได้รับข้อความจากพ่อแม่ของเธอที่ส่งรูป Yearbook ของ Brody มาให้ เธอนึกถึงตัวเองตอนที่อายุเท่า Brody และเข้าใจความรู้สึกได้ดีว่า การได้ลายเซ็นของเพื่อนๆ ใน Year Book มีความหมายว่าเรามีเพื่อน เรามีตัวตนอยู่ในรุ่น

การจบการศึกษาไปโดยที่ Year Book ว่างเปล่านั้นคือบาดแผลที่ร้ายแรงมากของวัยเด็ก

เธอจึงตัดสินใจรวบรวมเพื่อนๆ ไปช่วยเซ็น Year Book ให้ Brody

“การที่ Brody ต้องถูกปฏิเสธ มันทำให้ฉันเจ็บปวดไปด้วย ไม่มีเด็กคนไหนสมควรต้องรู้สึกแบบนั้น” Joanna บอก

เมื่อเพื่อนๆ ของน้องไม่เซ็น พวกพี่จะเซ็นเอง

 

5

รุ่นพี่หลายรุ่นทั้งโรงเรียนต่างชวนกันรวมตัวเมื่อทราบเรื่องราวความเจ็บปวดของ Brody

Simone Lightfoot รุ่นพี่ชั้นเกรด 11 ได้เห็นภาพ Year Book ของ Brody ก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน เธอบอกตัวเองทันทีว่าต้องชวนเพื่อนๆ ไปช่วย Brody

“ตอนเด็กๆ ฉันก็เคยถูกบูลลี่อย่างหนัก ถ้าฉันจะทำอะไรสักเล็กน้อยเพื่อช่วยน้องได้ ฉันก็อยากจะทำ” Simone บอก

เช่นเดียวกับ Maya Gregory รุ่นพี่เกรด 8 ที่รู้ดีว่า Brody จะรู้สึกอย่างไร

“ตอนที่ฉันอายุเท่าเขา ฉันก็เคยถูกรังแก แต่ในตอนนั้นไม่มีใครช่วยเหลือฉันเลย ดังนั้น ฉันเลยอยากช่วยให้เขาให้ได้” Maya บอก

เรื่องราวของ Brody เป็นที่พูดถึงไปทั่วทั้งโรงเรียนอย่างรวดเร็ว และวงจรแห่งการช่วยเหลือก็ขยายตัวใหญ่ขึ้น

 

6

รุ่นพี่พากันเขียนข้อความใน Year Book ให้ Brody ด้วยความปรารถนาดี

“Brody น้องเป็นเด็กที่มีความเมตตา น้องเป็นที่รัก อย่าไปฟังคนที่มาว่าน้องนะ โชคดีกับการขึ้นเกรด 7 นะ มันจะเจ๋งกว่าตอนนี้เยอะเลย น้องจะมีเพื่อนใหม่ๆ เต็มไปหมด สนุกกับชีวิตนะ อย่าโฟกัสที่อะไรลบๆ ส่งข้อความหรือโทรมาหาพี่ได้เลยถ้ารู้สึกว่าต้องการคุยกับใคร พี่จะอยู่กับน้องเอง” รุ่นพี่ที่ลงชื่อว่า Katie เขียนไว้

“เฮ้! บัดดี้! อย่าเปลี่ยนตัวเองนะ อย่าท้อล่ะ” รุ่นพี่ที่ลงชื่อว่า Aydun A. เขียนไว้

ฯลฯ

ภายในวันเดียว รุ่นพี่รวมตัวกันนับ 100 คนเพื่อเซ็น Year Book ให้ Brody และยังมอบของขวัญกับเบอร์โทรศัพท์ไว้ติดต่อหาก Brody ถูกรังแกหรือมีเรื่องไม่สบายใจ

“มันทำให้ผมรู้สึกไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป” Brody บอก

 

7

การรวมตัวกันของรุ่นพี่เพื่อช่วย Brody ส่งผลให้เพื่อนๆ รุ่นเดียวกับ Brody ที่เคยปฏิเสธเขา รู้สึกผิดและเป็นฝ่ายกลับมาหา Brody เพื่อเซ็น Year Book

รุ่นพี่เองก็ไม่ใช่แค่เซ็น Year Book แล้วจบกันไป แต่กลายเป็นว่า รุ่นพี่อยากทำความรู้จักกับ Brody มากขึ้น และกลายมาเป็นพี่น้องกันจริงๆ

Maya Gregory รุ่นพี่เกรด 8 ที่เคยถูกบูลลี่มาเหมือนกัน ชวน Brody ไปกินไอศกรีมกับเพื่อนๆ ของเธอ เธอเข้าใจหัวอกเหยื่อบูลลี่อย่าง Brody ดี เธอในฐานะรุ่นพี่จึงพยายามมอบทัศนคติที่ดีให้กับรุ่นน้องอย่าง Brody เพื่อเอาไว้ใช้ในชีวิต

มีคำหนึ่งที่เธอมอบให้กับ Brody ที่ผมเชื่อว่า เราเอาไปใช้ได้เหมือนกันครับ

“Whoever is trying to bring you down is already below you”

ใครก็ตามที่พยายามจะทำให้คุณรู้สึกต่ำต้อย คนคนนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าคุณเสมอ

 

8

เรื่องราวของ Brody และรุ่นพี่ทำให้เราได้เรียนรู้หลายอย่าง

เรื่องแรกคือการไม่เมินเฉยต่อความเจ็บปวดของผู้อื่น และเอาใจเขามาใส่ใจเราว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร

พ่อแม่ที่รู้ว่ามีนักเรียนถูกบูลลี่นำเรื่องไปบอกลูกที่เป็นรุ่นพี่ในโรงเรียน รุ่นพี่ในโรงเรียนรู้สึกว่าต้องช่วยเหลือรุ่นน้อง เพราะไม่มีใครสมควรต้องรู้สึกเลวร้ายเช่นนั้น

บางคนไม่เคยถูกบูลลี่มาก่อน แต่สัมผัสความรู้สึกของ Brody ได้ว่าต้องเจ็บปวดมากแน่นอน จึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

เช่นเดียวกัน บางคนเคยถูกบูลลี่มาก่อนก็เจ็บปวดตาม Brody เช่นกัน เพราะรู้ดีว่าเมื่อถูกบูลลี่จะทุกข์แค่ไหน จึงไม่อยากให้ใครต้องรู้สึกแบบเดียวกัน

ถ้าเราเป็นเขา เราจะรู้สึกอย่างไร เราจะอยากได้รับการปฏิบัติแบบไหน

พอเราเอาใจเขามาใส่ใจเรา สัมผัสความรู้สึกของผู้อื่นได้ การช่วยเหลือจึงเกิดขึ้นตามมา

 

9

เรื่องที่ 2 คือเราได้เห็นพลังของการช่วยเหลือกัน

รุ่นพี่พากันรวมตัวเพื่อนๆ ไปช่วยเหลือ Brody ทำให้การช่วยเหลือยิ่งมีพลังมากขึ้น

มีคนมาช่วย Brody คนเดียวก็ว่ายิ่งใหญ่แล้ว แต่นี่รวมตัวกันมาเป็นร้อยแบบเพื่อนชวนเพื่อนกันมา

มันทำให้เห็นว่า มนุษย์เชื่อมโยงกันได้หมดด้วย “การให้”

เมื่อมีเป้าหมายเดียวกันว่า จะทำให้รุ่นน้องคนนี้ไม่จบการศึกษาไปด้วยความรู้สึกเดียวดาย และมีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไปให้ได้

การรวมตัวช่วยเหลือกันแบบทุ่มเทสุดใจจึงเกิดขึ้น

 

10

เรื่องที่ 3 ที่สำคัญมากๆ คือความยั่งยืนของการช่วยเหลือ

รุ่นพี่ไม่ได้คิดแค่เซ็น Year Book ให้ก็จบ แต่มาทำความรู้จักกับ Brody และรับ Brody เข้ามาอยู่ในชีวิตด้วย

รุ่นพี่ทำให้ Brody รู้ว่าเขาไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป ถ้ามีปัญหา เขาสามารถบอกกับรุ่นพี่ รุ่นพี่จะปกป้องและช่วยเหลือเขา

รุ่นพี่ยังให้ Words of wisdom กับ Brody ปลูกฝังสิ่งดีๆ กับรุ่นน้อง ทั้งผ่านข้อความใน Year Book พูดคุยและรับ Brody เป็นน้องรักอีกคนในชีวิต

ไม่ใช่แค่ทำให้รู้สึกดีวันเดียวก็แยกย้ายกันไป แต่ถักทอความสัมพันธ์ให้วันต่อๆ ไปเป็นวันที่รู้สึกดีไปด้วย

แม่ของ Brody พูดถึงเรื่องราวทั้งหมดนี้ว่า

“มันทำให้ฉันยังมีความหวัง ไม่ใช่แค่กับลูกชาย แต่มีความหวังกับมนุษย์ทั้งหมด”

คุณสัมผัสได้ถึงความหวังนี้ไหมครับ? •