สมัยเด็ก ๆ ผมเคยคิดเล่น ๆ ว่า มันคงจะดีถ้าเราสามารถเดินเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต หยิบของที่อยากกิน แล้วเดินออกมาเลย โดยไม่ต้องจ่ายตังค์ มันเป็นความคิดแบบเด็ก ๆ ที่พอจะทราบดีว่าปลายทางคงโดนตำรวจจับ แม้ไอเดียนั้นจะไม่เป็นเรื่องจริงเสียทั้งหมด แต่ในวันนี้เขาก็มีซุปเปอร์มาร์เก็ตแบบนั้นในโลกนี้แล้วครับ

ก่อนจะเล่าถึงการไปซื้อของสุดล้ำนี้ ขอเล่าถึงที่มาของ Amazon Fresh ก่อน ซึ่งทุกท่านน่าจะคุ้นเคยแล้ว ว่า Amazon คือยักษ์ใหญ่ E-Commerce ของอเมริกาและครอบคลุมหลายประเทศทั่วโลก ใครจะช็อปปิ้งออนไลน์ ก็ต่างซื้อของจาก Amazon เหมือนพวกเราเพลิดเพลินกับการสั่งของทาง Shopee และ Lazada กันนี่แหละครับ

ผมไม่ขอลงลึกถึงประวัติของ Amazon ที่เริ่มจากขายแค่หนังสือออนไลน์ ซึ่งกว่าจะยิ่งใหญ่มาได้ ก็ผ่านอุปสรรคมาพอสมควร จนหลังจากประสบความสำเร็จจากการค้าออนไลน์ ในปี 2007 เขาได้ตั้งร้าน Amazon Fresh ขึ้น สำหรับให้สมาชิกสั่งของซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วบริการส่งถึงมืออย่างรวดเร็ว

วันเวลาผ่านไป เทคโนโลยีได้พัฒนาต่อเนื่อง บวกกับวิกฤตโควิดที่ทำให้คนไม่ค่อยอย่างยุ่งกับคนเหมือนเคย จึงค่อย ๆ มีระบบใหม่ ๆ มาเปลี่ยนประสบการณ์การจับจ่ายของผู้คน

Just Walk Out หรือ “แค่เดินออกมา” คือเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ Amazon ได้นำมาใช้กับทั้งร้านสะดวกซื้อ Amazon Go และ ล่าสุดตั้งแต่ปี 2020 กับซุปเปอร์มาร์เก็ต Amazon Fresh ของเขา ซึ่งทำให้การไปช๊อปปิ้งซุปเปอร์ของเราง่ายขึ้นมาก เพราะเราแค่เดินเข้าไป หยิบของที่ต้องการ แล้วเดินออกมาเลย!

อย่าเพิ่งดีใจครับ นี่ไม่ใช่ร้านการกุศล แม้จะหยิบแล้วแค่เดินออกมา แต่เขาก็ตามมาคิดเงินคุณอยู่ดี ความสะดวกคือการไม่ต้องต่อแถวจ่ายเงิน ไม่ต้องจับเงิน ไม่ต้องมีแคชเชียร์และช่องจ่ายเงิน ไม่ต้องสัมผัสกันให้ติดเชื้อโรคต่าง ๆ นา ๆ และแน่นอนว่าไม่ได้ฟรี เพราะก่อนเข้าทุกคนต้องแสกน QR โค๊ดของตัวเองก่อน

ในบัญชี Amazon ของทุกคนจะมีการผูกเลขบัตรเครดิตไว้อยู่แล้ว เขาก็จะใช้ข้อมูลตรงนั้นเวลาตามคิดเงินเรา ซึ่งถ้าใครจะเข้าไปซื้อของ ก่อนเข้าต้องเอา QR โค๊ดของบัญชีตัวเองสแกนเข้าไป ระบบฉลาดขนาดหากเรามากับคนที่ไม่มีบัญชีของที่นี่ เราสามารถเอาบัญชีของเราสแกนให้เข้ามาได้ แม้แยกกันเดิน แยกกันออก บิลจะมาเก็บที่คนสแกนให้เข้าอย่างแม่นยำ

แม้ระบบการคิดเงินของเขาแม่นยำมาก แต่ Just Walk Out จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากไม่มีดวงตาสวรรค์นับพันคอยมองอยู่ บนเพดานของซุปเปอร์มาร์เก็ตอัจฉริยะนี้ หากสังเกตุ จะพบว่ามีกล้องจำนวนมาก หันไปทุกทิศทาง คอยสอดส่องดูการเคลื่อนไหวของเรา ประกอบกับการทำงานของ AI ที่จะตามติดคอยดู ว่าเราหยิบอะไรมา วางอะไรคืน เอาอะไรใส่กระเป๋า ซุกกางเกงบ้าง ไม่ว่าจะทำอะไรกับของ หากเราเดินผ่านช่องเช็คเอาท์ออกมากับอะไร ระบบจะคิดเงินค่าของเหล่านั้นหมด อย่างไม่ต้องมีใครมาคอยตรวจ

เทคโนโลยีนี้ทำให้ไม่ต้องจ้างคนคิดเงิน อาจจะทำให้ดูเหมือนเครื่องจักรมาแย่งงานคน แต่อย่าลืมว่าระบบนี้ก็ต้องการแรงงานอีกประเภท ที่จะมาช่วยควบคุม ดูแล ให้มันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคิดว่าจะต้องเป็นแรงงานที่ค่าตัวเยอะขึ้นด้วย

สำหรับประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมได้มีโอกาสเข้าทั้ง Amazon Go และ Amazon Fresh ยอมรับว่าสะดวกมากทั้งสองแห่ง และใช้บริการไปหลายที หากเลือกได้ จะเลือกร้านแบบนี้ เพราะราคาถูกกว่า แถมไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวจ่าย

เมื่อผมสแกนสมาชิก Amazon เข้าไป (สมาชิกนี้คืออันเดียวกับที่ใช้สั่งของทาง Amazon ที่ใช้มานมนาน) ก็ตรงไปหยิบรถเข็นมาเข็นไปหยิบของไปเรื่อย ๆ เมื่อสำรวจราคาพบว่าราคาของน้ำส้มชนิดเดียวกัน แบรนด์เดียวกัน ที่นี่ถูกกว่าทุกที่ ก็พอจะบอกได้ว่าเขาทุบราคาลงมาได้ดีทีเดียว

ผมมาสะดุดเข้ากับแผนกขายเครื่องดื่มมึนเมา ที่ส่วนนี้เขามีการจ้างคนมาคอยตรวจบัตร ถ้าอายุไม่ถึงไม่สามาถมาหยิบเหล้าเดินออกไปได้ ซึ่งการคอยเช็ค คอยปฏิเสธคน AI คงจะไม่เก่งเท่าใช้คนด้วยกัน เลยทำให้มันไม่ได้เป็นซุปเปอร์ไร้คนไปเสียทีเดียว

นอกจากนั้นเขายังมีคนคอยจัดของและทำความสะอาดด้วยแต่ไม่มาก ซึ่งผมคิดว่าหากทุกอย่างเป็นหุ่นยนต์หมด การมาช็อปที่นี่คงเพลิดเพลินดีแท้คล้ายได้มาเที่ยวโลกอนาคต

เมื่อหยิบของต่าง ๆ จนพอใจ ผมเพียงเข็นรถเข็น ผ่านช่องแสกน QR โค๊ดออกมา แล้วเดินไปขึ้นรถขับออกไปเลย รู้สึกเสมือนได้ของฟรี แอบดีใจได้ไม่นาน จากนั้นราว 1 ชม. ก็มีแจ้งเตือนการตัดเงินตามมา ยอดถูกต้องตามที่หยิบออกมาทุกประการ

ปัจจุบันในสหรัฐอเมริกา มีซุปเปอร์ Amazon Fresh ใน 8 รัฐ และที่เมืองหลวง Washington D.C. รวม 44 สาขา ยังมีขนาดเล็กกว่ายักษ์ใหญ่ค้าปลีกแบบดั้งเดิมอย่าง Target หรือ Walmart มาก เราก็ต้องมาคอยดูกันว่าในที่สุดเทคโนโลยีจะพาให้ Amazon ชกชนะนอกเวทีไซเบอร์หรือไม่ ถ้าใครเชียร์ หากมีโอกาสมาอเมริกา อย่าลืมแวะมาทดลองการซื้อแบบ Just Walk Out กันนะครับ