“โดนัลด์ ทรัมป์” รถไฟที่กำลังจะตกราง?

AFP

โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา วัย 70 ปี ดูจะเป็นกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับโอกาสของเขาในการเผชิญหน้ากับ ฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้

และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ปกปิดเก็บงำในเรื่องนี้

ในการกล่าวปราศรัยหาเสียงต่อผู้นำทางศาสนาคริสต์ในรัฐฟลอริดา ซึ่งถือเป็น “สวิงสเตต” หรือรัฐที่ไม่ได้มีความโน้มเอียงไปทางให้การสนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่งอย่างชัดเจน มีอย่างน้อย 9 ครั้ง ที่ทรัมป์เรียกร้องให้คนเหล่านี้บอกกับบรรดาสาวกของพวกเขาให้ลงคะแนนให้กับตน

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะทีมงานหาเสียงของทรัมป์ยังคงประสบความยากลำบากในการเปลี่ยนแปลงสูตรสำเร็จแห่งชัยชนะในการเลือกตั้งขั้นต้น มาเป็นเครื่องจักรหาเสียงที่ไร้เทียมทานในระดับชาติ

ในระหว่างการเลือกตั้งขั้นต้นชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกัน มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์จากย่านแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก ผู้หุนหันพลันแล่น ปฏิเสธคำแนะนำและวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่บอกให้เขา มี “ความเป็นประธานาธิบดี” มากกว่านี้ หยุดพูดจาสบประมาทดูหมิ่นจาบจ้วงคู่แข่ง และตระเตรียมคำกล่าวปราศรัยให้ดีขึ้น

ปรากฏว่า ยุทธศาสตร์นอกคอกของทรัมป์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เขาเอาชนะคู่แข่งจำนวนมากได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ท่ามกลางความประหลาดใจของแทบทุกคนก็ว่าได้

 

ทว่า นับตั้งแต่ได้เป็นตัวแทนพรรคอย่างเป็นทางการ ทรัมป์ได้รับการร้องขอจากทีมงานที่ปรึกษาและผู้ช่วยให้กล่าวคำปราศรัยที่เน้นให้ความสำคัญกับนโยบายมากยิ่งขึ้นโดยใช้เทเลพรอมเตอร์ หรือหน้าจอที่มีตัววิ่งสำหรับบอกบทพูด

แต่เห็นได้ชัดว่าทรัมป์รู้สึกอึดอัดรำคาญใจกับข้อจำกัดดังกล่าว และเริ่มออกนอกบทอย่างรวดเร็ว หลักฐานคือการก้าวพลาดเป็นรายวันมาตลอดกว่า 2 สัปดาห์ ทั้งเรื่องรัสเซีย พ่อแม่ของทหารมุสลิมอเมริกันที่เสียชีวิตในสงคราม เรื่องปืนและฮิลลารี รวมถึงเรื่องกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) และประธานาธิบดี บารัค โอบามา

ทรัมป์ยังคงประสบความล้มเหลวในการวางยุทธศาสตร์หาเสียงจากการก้าวพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า โดยบอกว่าเขายังเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตน

เขาเดินทางไปปราศรัยหาเสียงตามสถานที่ต่างๆ แบบดูเหมือนไม่มีเหตุผลรองรับ บางครั้งไปในรัฐที่เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถเอาชนะได้

ทรัมป์มีคำสัญญาที่ให้ไว้ในการหาเสียงจำนวนไม่น้อย ทั้งสร้างกำแพงกั้นตลอดแนวชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ควบคุมผู้ลี้ภัยเข้าเมือง กำจัดไอเอสให้สิ้นซาก และนำตำแหน่งงานในภาคอุตสาหกรรมกลับสู่อเมริกา

แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาบอกว่า การเอาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีจำเป็นต้องใช้มากกว่าแค่คำขวัญในการหาเสียงที่จับใจ


ทีมหาเสียงของฮิลลารีได้ออกแบบยุทธศาสตร์ที่เน้นให้ความสำคัญกับการรวบรวมเสียงสนับสนุนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งผิวสีและฮิสปานิก รวมไปถึงการเอาชนะใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นชนชั้นแรงงานผิวขาวในรัฐสวิงสเตต อย่างเพนซิลเวเนียและโอไฮโอ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญไปสู่ชัยชนะ

ยุทธศาสตร์ดังกล่าวเป็นการลงลึกไปสู่ระดับรากหญ้าที่เข้มแข็ง โดยมีการใช้อาสาสมัครในพื้นที่และงบประมาณในการสื่อสารที่มากมายมหาศาล

ข้อมูลจากเอบีซีนิวส์ระบุว่า ทีมหาเสียงของพรรคเดโมแครตและคณะกรรมการด้านกิจกรรมการเมือง (ซูเปอร์แพ็ก) ของฮิลลารี ใช้งบประมาณไปเกือบ 93 ล้านดอลลาร์ในการซื้อโฆษณาทางโทรทัศน์ ขณะที่กลุ่มสนับสนุนทรัมป์ที่เป็นบุคคลภายนอกใช้เงินไปเพียง 11 ล้านดอลลาร์เท่านั้น

ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ คณะกรรมการหาเสียงอย่างเป็นทางการของพรรครีพับลิกัน จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ใช้งบประมาณในการซื้อโฆษณาทางทีวีเลยแม้แต่เหรียญเดียว

ทรัมป์ ยังคงทำตัวเหมือนกับว่าเขาอยู่ในโลกที่ได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลามในการเลือกตั้งขั้นต้นชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันซึ่งมีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งราว 31 ล้านคน

ซึ่งเทียบไม่ได้กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่มีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่านั้นหลายเท่า อย่างครั้งล่าสุดเมื่อปี 2012 มีมากถึงเกือบ 130 ล้านคน

 

ถึงตอนนี้ ทรัมป์หวังว่าจะดึงคะแนนเสียงจากชนชั้นกลางที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกฝั่งไหน ซึ่งโพลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดแสดงให้เห็นว่ายังไม่ค่อยได้ผลนัก

คริสโตเฟอร์ วีเซน ศาสตราจารย์ด้านบริหารรัฐกิจแห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส แอต ออสติน (ยูที ออสติน) บอกว่า ความคาดเดาไม่ได้ของทรัมป์ถูกมองว่าเป็นข้อได้เปรียบในเรื่องที่อาจจะฟื้นความนิยมกลับมาได้ในช่วงใกล้เลือกตั้ง แต่ก็เป็นทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี เห็นได้จากเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

โพลล่าสุดของฮัฟโพสต์ระบุว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมอยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ฮิลลารีได้ 48 เปอร์เซ็นต์

แต่ไม่เพียงแค่คะแนนนิยมของทรัมป์ในระดับชาติจะร่วงลงเท่านั้น โพลล่าสุดของวอลสตรีตเจอร์นัลและเอ็นบีซีนิวส์ยังแสดงให้เห็นว่า ทรัมป์มีคะแนนตามหลังฮิลลารีในโคโลราโด ฟลอริดา นอร์ธแคโรไลนาและเวอร์จิเนีย ที่เป็นรัฐสวิงสเตต ซึ่งบ่อยครั้งเป็นกุญแจสำคัญในชัยชนะของพรรครีพับลิกัน

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานั้นเป็นการเลือกตั้งทางอ้อม วัดกันด้วยคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งหรืออิเล็กทอรัล คอลเลจ ผู้ชนะจำเป็นต้องได้คะแนนเสียงครึ่งหนึ่งคือ 270 จากทั้งหมด 538 เสียง

ผู้เชี่ยวชาญจากจุลสารการเมืองซาบาโตส์คริสตัลบอลแห่งมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียประเมินว่าฮิลลารีจะเอาชนะไปได้อย่างง่ายดายที่ 347 ต่อ 191 เสียง

ไคล์ คอนดิก บรรณาธิการบริหารของซาบาโตส์ คริสตัลบอลบอกว่า ทรัมป์ยังพอมีเวลาที่จะตีตื้นอยู่แต่ด้วยวิธีการที่ไม่มากนัก

ขึ้นอยู่กับว่าชายผู้ไม่สามารถคาดเดาได้คนนี้ จะเห็นหนทางนั้นและทำได้อีกครั้งในที่สุดหรือไม่?