เผยแพร่ |
---|
ปล่อย บุญทรง พ้นเรือนจำ…
บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ต้องขังคดีจำนำข้าว เข้าเกณฑ์พักการลงโทษ เจ้าหน้าที่คุมประพฤติติดใส่กำไล EM กลับบ้านเชียงใหม่
มีรายงานข่าวว่า เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 2 ธันวาคม เจ้าหน้าที่จาก สำนักงานคุมประพฤติ 7 กทม. เดินทางไปที่ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อติดกำไร EM ให้กับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ที่ได้รับการอภัยโทษและครบกำหนดเข้าเงื่อนไขการพักโทษในวันนี้
หลังจากนั้นนายบุญทรงได้ออกจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในเวลา 10.00 น. โดยแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่คุมประพฤติว่าจะขอโอนย้ายไปคุมประพฤติที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะเดินทางไปในวันพรุ่งนี้ 3 ธ.ค.67 และเข้ารายงานตัวกับทางคุมประพฤติจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 4 ธ.ค.67
สำหรับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อายุ 64 ปี เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษา ปี 2560 กำหนดโทษ 48 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี 2564 ในรอบแรก เหลือวันต้องโทษจำคุก 16 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี 2564 ในรอบสอง เหลือวันต้องโทษ 10 ปี จะพ้นโทษ 21 เม.ย.2571
ทั้งนี้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ จะถูกคุมประพฤติอีก 3 ปี 5 เดือน
ชีวิตการเมืองกับพรรคเพื่อไทย
สำหรับนาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ สังกัดพรรคเพื่อไทย รวมถึงเป็นคนสนิทของเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตแกนนำกลุ่มวังบัวบาน
บุญทรง เริ่มต้นชีวิตการทำงาน เป็นนักธุรกิจด้านอุตสาหกรรม เคยเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างปี พ.ศ. 2540 ถึง พ.ศ. 2543
ต่อมาได้เข้ามาทำงานการเมืองโดยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 สังกัดพรรคไทยรักไทย โดยชนะนางบุศรา โพธิสุข จากพรรคประชาธิปัตย์ และร้อยเอกหญิง ดร.เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ จากพรรคความหวังใหม่จากนั้นได้ย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย โดยที่นายบุญทรง เป็นสมาชิกกลุ่มวังบัวบานที่มีความสนิทสนมกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย
ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ สมัยที่ 4 และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ต่อมาในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต่อมาในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556 เขาถูกปรับออกจากตำแหน่ง
เจอคุกอ่วมจากนโยบายจำนำข้าว
บุญทรง ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมีนโยบายสำคัญคือ โครงการรับจำนำข้าว
ผลจากการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทำให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ชี้มูลความผิดเขา พร้อมกับนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวกรวม 21 ราย เมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558 กรณีการทุจริตต่อหน้าที่ในการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในโครงการรับจำนำข้าว
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาคดี หมายเลขดำที่ อม. 25/2558 คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ให้จำคุกนายบุญทรง 42 ปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างจำคุก โดยเขาได้รับพระราชทานอภัยโทษลดวันต้องโทษในช่วงต้นปี พ.ศ. 2564 เหลือโทษ 16 ปี และได้รับพระราชทานอภัยโทษอีกครั้งในวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ. 2564 เหลือโทษจำคุก 10 ปี และจะพ้นโทษในวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2571
ลูกชายทิ้งเพื่อไทยซบพลังประชารัฐ
เมื่อปี 2561 นายเดชณัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ ลูกชายนายบุญทรง ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลของการลาออกจากพรรคเพื่อไทย เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เพราะพ่อของตนถูกทนายความของอดีตนายกรัฐมนตรีโจมตีให้เสียหาย ทั้งที่ตั้งแต่พ่อของตนติดคุกไม่เคยมีข่าวเลย แต่เมื่อพ่อของตนต้องการรักษาตัว กลับมีข่าวนำไปเชื่อมโยงกับคดีต่างๆ จนกระทบต่อการรักษาอาการป่วย เมื่อมีความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นภายในพรรคเพื่อไทยเอง เกรงว่า การเดินหน้าในทางการเมืองจะมีปัญหา ตนนั่งคิดอยู่นานและตัดสินใจว่า ถอยออกมาก้าวหนึ่งดีกว่า จึงตัดสินใจเข้ามาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพ่อของตนทราบและเคารพการตัดสินใจครั้งนี้ และพร้อมจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ในเขตเดิมของพ่อตนเอง
ต่อมาวันที่ 25 พ.ย. 2565 นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ ลูกชายของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ซึ่งอยู่ลำดับที่ 28 ของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะสามารถขยับขึ้นดำรงตำแหน่ง ส.ส. แทน ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
แต่ในการเลือกตั้งปี 2566 นายเดชนัฐวิทย์ ก็กลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ แต่ก็แพ้การเลือกตั้ง
จนกระทั่งปลายปี 2567 เกิดข่าวดีครั้งใหญ่ขึ้นกับตระกูล เตริยาภิรมย์