เปิดประวัติ “แพทองธาร ชินวัตร” ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร เกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2529 ชื่อเล่นว่า อิ๊ง แต่ที่บ้านจะเรียกว่า “อุ๊งอิ๊ง” สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และ โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย

ปี พ.ศ.2547 ได้สอบเข้าศึกษาคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในสาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ในขณะอยู่ในช่วงมรสุมเอนทรานซ์ อิ๊งและเพื่อนโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยอีก 10 คน กระจายทำงานร้านแมคโดนัลด์ 2 สาขา เพื่อเงินตอบแทนชั่วโมงละ 23.75 บาท ซึ่ง แพทองธาร เข้าทำงานที่ สาขาดิสคัฟเวอรี่ ที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เปิดเผยได้ และไม่เปิดเผยอีกนับ 10 ตามไปดูแม้กระทั่งระหว่างเข้าห้องน้ำ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“ทักษิณ-คุณหญิงอ้อ” สู่ “อุ๊งอิ๊ง” สายเลือดนักสู้ สมัยทำงานแมคโดนัลด์

หลังสำเร็จการศึกษาจากรั้วจามจุรี อิ๊ง เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ในสาขาวิชา Msc International Hotel Management ที่มหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ และกลับมาดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว โดยเป็นประธานเจ้าหน้าที่ด้านบริหาร กลุ่มธุรกิจโรงแรม บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด กรรมการบริษัทธุรกิจในเครือโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ, โรงแรม เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ และสนามกอล์ฟอัลไพน์ โรงแรมเอสซี ปาร์ค

มีทรัพย์สินในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ณ วันที่ 12 มีนาคม 2564 ถึง 29.04% จำนวน 1,216,149,870 หุ้น ตีมูลค่าจากมูลค่าหุ้นบริษัทนี้ประมาณ 4 พันล้านบาท (4,341,655,035 บาท)

ปี 2562 อิ๊ง สมรสกับ ปิฎก สุขสวัสดิ์ อดีตนักบินหนุ่ม เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ณ โรงแรมโรสวูด ฮ่องกง โดยมีทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเป็นประธานในพิธี

มีบุตรสาว 1 คน คือ ธิธาร สุขสวัสดิ์ และมีบุตรชาย 1 คน คือ พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ ซึ่ง เธอได้ตั้งชื่อลูกคนเล็กตามคุณตา และอุ้มท้องระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง

กับเส้นทางการเมืองของ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร นั้น ได้เข้ามามีบทบาทในเส้นทางการเมืองอย่างจริงจังในปี พ.ศ.2564 เมื่อ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศลาออก และเปิดตัวแพทองธารเป็นประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรค ต่อมาที่ประชุมของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2565 ก็ได้รับตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

จากนั้นในเดือนมกราคม พ.ศ.2566 เธอประกาศพร้อมที่จะเป็น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย อีกทั้งระบุพร้อมจะจับมือกับทุกพรรคหากมีความคิดเรื่องนโยบายตรงกัน ก่อนที่ปี 2565 เธอจะเข้ามารับตำแหน่ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

(Photo by Jack TAYLOR / AFP)

5 เม.ย.2566 พรรคเพื่อไทยเสนอชื่ออุ๊งอิ๊ง แพทองธาร อยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกับเศรษฐา และนายชัยเกษม นิติสิริ เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ บนเวทีที่ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี

ในช่วงที่ นายเศรษฐา ทวีสิน ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งให้แพทองธารเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และรองประธานกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติอีกตำแหน่งหนึ่ง

และเมื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ประชุมพรรคได้มีมติเลือก อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ นับเป็นผู้หญิงคนแรกที่นั่งตำแหน่งดังกล่าวของพรรค และเป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 8 ของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2566

“สิ่งที่ดิฉันอยากจะบอกกับตัวเองและทุกๆ คนว่า เราตายังคงดูดาว เท้ายังคงติดดิน ยืนหยัดอยู่ข้างประชาชนอย่างเข้มแข็งมั่นคง เพราะพรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน” แพทองธารว่าไว้

และล่าสุด อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ยังได้เข้าศึกษาที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต หรือมินิ วปอ. รุ่นที่ 1 ซึ่งเพิ่งจะเดินทางไปดูงานที่เซี่ยงไฮ้ ในวันที่มีการตัดสินสถานภาพการเป็นนายกฯ ของ เศรษฐา ทวีสิน พอดี

16 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00 น. จะเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์การเมือง ของตระกูลชินวัตร ที่จะโหวตเลือก “แพทองธาร ชินวัตร” โดยมติ กก.บห. พรรคเพื่อไทย ซึ่งจะทำให้เธอ กลายเป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุด ในประเทศไทย ด้วยวัยเพียง 37 ปี