เทพไท เสนพงศ์ : อดีตนักการเมืองตัวตึง ในวัน “ตกผลึก” ความคิด (มากขึ้น)

เป็นเวลามากกว่า 2 เดือนแล้ว ที่นาย เทพไท เสนพงศ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ หลายสมัย ผู้ไม่เคยสอบตก ได้รับการพักโทษ หลังถูกศาลพิพากษาให้จำคุก 2 ปี และตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี จากกรณีทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช กรณีจัดเลี้ยงอาหารซึ่งถูกร้องว่าจูงใจผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง

แม้จะไม่มีสิทธิ์ทางการเมือง ลงเลือกตั้งไม่ได้  แต่ไม่กี่วันที่ออกจากเรือนจำ นายเทพไทก็เริ่มต้นด้วยการแสดงความเห็นวิจารณ์การเมือง ตามความสนใจของเขาทันที

เป็นช่วงเวลาที่ดี  Matichon Weekly จึงถือโอกาสนี้นัดหมายพูดคุยกับเขา เพื่อให้เขาเล่าประสบการณ์ส่วนตัวขณะอยู่ในเรือนจำ ว่าพบเจออะไรมา บทเรียนชีวิตที่ได้ กระทั่งมุมมองทางการเมือง หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญของประเทศ ในการเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา

 

  • ชีวิตหลังออกจากเรือนจำ ข้อคิด บทเรียน? 

คนทั่วไปอาจจะรู้สึกว่าเข้าเรือนจำคือความตกต่ำ แต่ถ้าคิดแบบนั้นผมว่ามันก็ทำให้เราเครียด

เราต้องคิดบวก ผมคิดว่าการเข้าไปอยู่ในเรือนจำของผม มันทำให้ผมรู้จักชีวิตมากขึ้น เข้าใจชีวิตมากขึ้น ผมเข้าไปในเรือนจำก็สามารถเข้าไปทำประโยชน์ได้ ในเรือนจำนี่หัวคะแนนผมทั้งนั้น คนเคยรู้จักทั้งสิ้น เรือนจำนครศรีธรรมราชมันอยู่ในเขตเลือกตั้งผม ผู้ต้องขังส่วนใหญ่คนในพื้นที่ เหมือนเราไปเยี่ยมเยียน ไปพูดคุย แลกเปลี่ยนความเห็น ที่ทำประโยชน์ได้ตรงนั้นคือเป็นวิทยากรให้เขา เพราะเรือนจำประเทศไทยคือการเอาคนไปขังไว้ เหมือนขังเป็ด ขังแพะ เขาออกมาก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แล้วก็ตกโลก เขาก็ต้องกลับไปทำสิ่งผิดอีก เข้าสู้เรือนจำอีก เราเข้าไปก็ไปทำประโยชน์ให้เขา เป็นวิทยากรให้เขา ว่าถ้าออกไปแล้วต้องทำอะไรได้บ้าง  โลกมันไปถึงไหนแล้ว ฉะนั้นการเข้าเรือนจำของผม ผมรู้สึกไม่เครียดนะ ได้ใกล้ชิด สัมผัสกับคนกลุ่มหนึ่ง

  • เห็นแต่งเพลงคุกมีไว้ขังคนจนยอดวิวหลักแสน แล้วคุกมีไว้ขังคนจนจริงไหม?

ก็จริงนะ ผมก็คิดว่าสภาพในเรือนจำ คนไม่มีเส้นสาย ฐานะลำบาก ก็อยู่แบบลำบากมาก ผมอยู่ที่นั่นมา บางคน 6-7 ปี ไม่มีญาติมาเยี่ยมเลย แล้ว 6-7 ปีมันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในนั้น เขาก็ไม่มี เขาก็ต้องทำงาน รับจ้างคนในคุกด้วยกัน แล้วก็ให้คนในคุกซื้อของให้ คือแลกเป็นของอะไรแบบนี้ ซึ่งมันก็เป็นคนจนอ่ะ คนที่ฐานะดีหน่อย ก็ได้รับการดูแลที่ดีขึ้น ตามลำดับ อันนี้เราไม่ได้เทียบกับคุณทักษิณนะ กรณีคุณทักษิณนั่นเทวดาอยู่แล้ว เขาไม่ติดคุกเลย แต่คนที่คุกถ้าฐานะดีหน่อย ชีวิตก็จะดีขึ้น การดูแลเอาใจใส่ก็จะดีขึ้น 

คนจนติดคุก ออกมาแล้ว ก็มีสิทธิกลับเข้าไปติดอีกง่ายมากๆ เพราะเขาออกมาแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร การจำคุกในเรือนจำประเทศไทยเขาไม่ได้แยก ผมอยากเสนอว่ามันควรจะแยกเรื่องแดน ของนักโทษ อย่างเช่นนักโทษทั่วไป กับนักโทษยาเสพติด ถ้าเอานักโทษทั่วไปไปขังรวมกับนักโทษยาเสพติด มันทำให้มีการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความเห็นกัน สร้างเครือข่ายคอนเน็กชั่นกัน ออกมาก็ค้ายากันเยอะแยะไปหมด เพราะคนเหล่านี้เข้าไปในคดีวิ่งราวทรัพย์อย่างนี้ ลักทรัพย์เล็กๆน้อยๆ แต่พอเข้าไปในเรือนจำไปเจอพ่อค้ารายใหญ่ นักโทษคดียาเสพติด ก็มีการสร้างคอนเน็กชั่น ออกจากคุกไปก็รับจ้างเดินยาให้ ออกมาก็โดนคดียาโดยปริยาย เยอะเลยแบบนี้ อันนี้ผมว่ามันต้องแยก โทษทั่วไป โทษยาเสพติด โทษที่กระทำผิดต่อหน้าที่ 

 

  • ความตั้งใจทางการเมืองหลังจากนี้

ผมถูกศาลตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้ว จริงๆก็เป็นประเด็นเหมือนกันนะ การตัดสิทธิทางการเมือง ผมคิดว่าจริงๆควรตัดสิทธิเฉพาะการไปรับตำแหน่งทางการเมือง แต่นี่เมืองไทยนี่ตัดสิทธิหมดเลย ไปใช้สิทธิเลือกตั้งก็ไม่ได้ ไปอะไรก็ไม่ได้เลย สิทธิเลือกตั้งมันเป็นสิทธิที่ติดตัวคนไทยมา เขาควรมีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง 

ถ้าถูกศาลตัดสิทธิไม่ให้มีตำแหน่งการเมือง ลงอบต.ไม่ได้ เป็น สส.ไม่ได้ อันนี้ผมเข้าใจ แต่หลักการตัดสิทธิ ไม่ให้ไปลงคะแนนเลือกตั้ง อันนี้ไม่แน่ใจว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือเปล่า? อันนี้ก็เป็นประเด็นที่ผมสนใจ

เราเอาสิทธิอะไรไปตัดสิทธิที่มันมาจากความเป็นคนไทยของเขา ตัดสิทธิเรื่องดำรงตำแหน่ง อันนี้ยังเข้าใจได้ ไม่มีปัญหา

 

  • เหตุชุลมุนการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ สะท้อนอะไร

พรรคประชาธิปัตย์มันมีการต่อสู้ทางความคิดกันของคนในพรรค 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มดั้งเดิมที่ยังเชื่อมั่นว่า ถ้าสู้ในเชิงอุดมการณ์ของพรรค ก็จะสามารถพลิกฟื้นกลับมาได้ กลับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เชื่ออย่างนั้นแล้ว แต่เชื่อในการใช้ทุน มีตังค์เท่านั้นถึงจะทำให้กลับมาเป็น สส.ได้ 

ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาประชาธิปัตย์ไม่ได้สู้ในเชิงอุดมการณ์เลย เพราะประชาธิปัตย์ล้มเหลวไปตั้งแต่วันตัดสินใจเข้าร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ ทำให้จุดยืนประชาธิปไตยของพรรคประชาธิปัตย์มันถึงจุดจบ ไม่สามารถขายได้ ทำให้ต้องไปสู้ในสนามด้วยการใช้ทุน ก็ต้องหันหาคนที่ซัพพอร์ตเรื่องทุนได้มานำพรรค มันเลยเกิดการต่อสู้กันสองกลุ่ม แล้ววิธีคิดของพรรคประชาธิปัตย์ในการโหวตเลือกหัวหน้าพรรคก็ให้น้ำหนักกับ สส.มาก เป็น 70 ต่อ 30 เพราะตอนนั้นเราไม่เคยมีวิธีคิดว่าจะเลือกสส.แค่ 20 กว่าคน เงื่อนไขนี้ไม่เคยแก้ ทำให้การเลือกตั้งล่าสุด กลุ่มดั้งเดิมที่มีอยู่ 3 ถึง 4 คน เลยแพ้ กลุ่มที่สองก็ชนะไป เป็นที่มาว่าทำไมประชาธิปัตย์อยากเป็นรัฐบาล ทั้งที่สู้กันเอาเป็นเอาตายมาก่อน เพราะยุคนี้เขาไม่ได้มีวิธีคิดเรื่องการทำพรรคการเมืองเป็นขั้ว แต่มันเป็นยุคของการทำ “พรรคอะไหล่” ใครเป็นรัฐบาลก็เข้าไปร่วมได้ เป็นแบบพรรคภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ทางไหนขึ้นก็ได้หมด 

 

  • อนาคตพรรคประชาธิปัตย์ / จะไปร่วมรัฐบาลไหม ถ้าร่วมจะเป็นไง 

เข้าร่วมแน่นอนอยู่แล้ว จะร่วมตลอดเวลา ดูพฤติกรรมสิ ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลแกนนำกลุ่มเขาก็บินไปพบคุณทักษิณ กลับมา พรรคก็มีมติไม่ยกมือให้คุณเศรษฐา กลุ่มนี้เขาก็แหวกมติไปยกมือให้คุณเศรษฐา ทั้งๆที่คะแนนของคุณเศรษฐา ก็มีเหลือเฟืออยู่แล้ว เขาอ้างว่าเพื่อให้ประเทศชาติไปได้ทั้งที่มันไม่เกี่ยว แต่ก็ยังตกขบวนไปอีก ซึ่งท่าทีของแกนนำกลุ่มวันนี้เขาก็ยังทอดไมตรีกับรัฐบาล ไม่ได้แตกหักแบบประชาธิปัตย์ในอดีต คือถ้าคุณเป็นฝ่ายค้านจริง ฝ่ายค้านมืออาชีพแบบประชาธิปัตย์ดั้งเดิม คุณต้องดุดัน เอาจริงเอาจังมากกว่านี้ ประชาธิปัตย์มันต้องชัดในอุดมการณ์

แต่ประชาธิปัตย์ช่วงหลัง คุณคืออะไรกันแน่ คุณสู้กับใคร? สู้กับเผด็จการทหาร ใช่ไหม? สู้กับทุนสามาณย์ แต่วันนี้มันไม่ใช่ พอคุณอภิสิทธิ์ ประกาศไม่เอาการสืบทอดอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ พอเลือกตั้งเสร็จคุณก็มีมติจะไปร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ จนคุณอภิสิทธิ์ ต้องออก อันนี้คุณเสียหลักการอยู่แล้ว 

พออยู่ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ คุณก็เป็นนั่งร้านให้กับพล.อ.ประยุทธ์ คุณเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่มีบทบาทอะไรโดดเด่น ขณะที่กระแสสังคมเขาไม่ยอมรับรัฐบาล เขายอมรับฝ่ายค้าน แต่คุณเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายรัฐบาล เพราะฉะนั้นคุณก็ตกต่ำ จุดขายของคุณคืออุดมการณ์แต่วันนี้คุณไม่มีอุดมการณ์มาขาย วันนี้คุณเอาเรื่องทุนไปสู้แล้วจะสู้เขาได้ยังไง ประชาธิปัตย์เติบโตมากับการขายความคิดเหมือนกับก้าวไกลในวันนี้ คือคุณไม่ต้องใช้เงิน แต่ขายความคิด ถ้าคนชอบคุณ เขาก็จะเลือก ยุบสภากี่ครั้งก็ยุบไปเลย ไม่สน  แต่ในขณะนี้คือคุณมาทำในสิ่งที่คุณไม่ถนัด มาเดินในเกมที่ไม่ถนัดคุณก็จบเลย ก็แพ้ราบคาบ ไม่ถึงกับสูญพันธุ์ แต่มันโตไม่ได้

ถ้าบอกว่าถ้าไม่ทำแบบนั้นจะแพ้ ต้องหาเลขาฯพรรค รวยๆ หาหัวหน้าพรรคที่มีคอนเน็คชั่นระดมทุนได้เยอะๆ มันไม่จริง ผมไปคุย ดูที่ก้าวไกล ผมว่าก้าวไกลใช้เงินไม่กี่ตังหรอก ผมก็รู้จักแกนนำก้าวไกล เขาใช้ไม่กี่ตังทำไมเขาชนะได้ เพราะเขาขายอุดมการณ์ไง เขาชัดเรื่องจุดยืนของเขาไง แต่ประชาธิปัตย์วันนี้คุณเหมือนเป็ด จะบินก็ไม่ได้ จะว่ายน้ำก็ไม่เก่ง ครึ่งๆกลางๆ อุดมการณ์ก็จะเอา ทุนก็จะเอา ก็สู้เขาไม่ได้ 

ตอนเลือกตั้งปี 2562 ที่ผมชนะเลือกตั้งมาได้ผมก็ขายอุดมการณ์นั้น แต่ว่าผมก็เกือบตาย เหนื่อยที่สุดตั้งแต่ผมลงเลือกตั้งมาทุกครั้งพูดได้เลย ใช้ทุนประมาณ 1.3 ล้านบาท ไม่เกิน 1.5 ล้านตามที่กฏหมายกำหนดด้วยนะ เป็นเงินค่าน้ำชากาแฟบ้าง 

แต่ยุคนี้ไปดูได้เลย คนนึงต้อง 80 60 40 มันเยอะมาก ภาคใต้นี่ซื้อกันแหลกลาญ ซื้อกันจนเป็นเรื่องปกติเอาแบบนี้ดีกว่า กกต.ยังทำอะไรไม่ได้เลยวันนี้ มีพรรคก้าวไกลที่ผมไม่เคยได้ยินคนมาบอกว่าซื้อเสียง ส่วน สส.คนไหนที่บอกว่าตัวเองไม่ซื้อเสียง เรียงหน้ามาหาผมเลย เดียวจะพาไปสาบาน ซื้อทั้งน้านนนแหละ ผมรู้…. 

ปี 2566 ซื้อเสียงเยอะที่สุด เปิดเผยที่สุด เพราะความล้มเหลวของ กกต. จับใครไม่ได้ จริงๆ ล้มเหลวมาตั้งแต่ปี 2562 ซื้อเสียงมากแต่จับใครก็ไม่ได้ ไปจับได้คนใส่ซองถวายพระ ทำบุญงานศพ แบบนี้ก็จบ ปัจจัยหรือสิ่งที่เลวร้ายของการเลือกตั้งมันคือการซื้อเสียง เนี่ยเขาจดชื่อกันยิ่งกว่าโพยหวยอีก คุณไปจับสิ มันจับไม่ได้ พอจับไม่ได้ทุกคนก็ย่ามใจ ยิ่งพูดเรื่องเลือกตั้งเสร็จแล้วปล่อยผีหนึ่งปี แบบนี้เสร็จ แบบนี้หมูๆของนักเลือกตั้งเลย เพราะซื้อให้ได้ไปก่อน แล้วค่อยไปวิ่ง ดีกว่าแพ้ เพราะแพ้แล้วไม่มีสิทธิวิ่ง แล้วตอนนี้ไปจับใคร ไปจับพวกสอบตก เฮ้ออออออ…. มันไม่มีประโยชน์คุณไปจัดการพวกสอบได้ก่อนโน่น เขาต้องไปยกมือโหวต ยกมือเลือกประธานสภา ยกมือนายกฯ ยกมือรัฐมนตรี ยกมือประธานกมธ. คุณจัดไปเลย  

 

  • สมมติถ้าคุณเทพไท ไม่ได้ถูกจำคุก แล้วลงเลือกตั้งช่วงกลางปี 66 ที่ผ่านมา คิดว่าตัวเองจะชนะไหม?

 ผมสอบตก ผมสอบตก เพราะผมไม่ซื้อเสียงไง

 

  • แต่คุณเทพไทบอกก้าวไกลไม่ซื้อเสียงเขาก็ยังได้?

ก็ผมอยู่ในนามประชาธิปัตย์ แล้วจะไปขายอะไร… ผมจะเอาอะไรไปขาย ใช่ไหมหล่ะ คะแนนตัวบุคคลผม ไม่สามารถทะลุมาได้ไง ไอ้ผู้แทนที่มันได้ๆมา คุณไปดูคะแนนพรรคสิ จังหวัดนึงได้ ส.ส.เขตมา 6 คน แต่คะแนนพรรคไม่ถึงแสน อ้าวคุณดูสิ แสดงว่าเจาะเอาแต่ตัวเอง ทิ้งพรรคไง  ในขณะที่พรรคก้าวไกล ภาคใต้ เขาได้ที่ 1 ของภาคใต้ มันชัดไง  บังเอิญพรรคก้าวไกลตัวเขาไม่เด่น เขาไม่มีโอกาสคัดตัวเด่นๆ น้ำหนักมันเลยไปอยู่กับพรรคมากกว่า กับ 2. นักเลือกตั้งเขาไปเจาะ รักลุงตู่ใช่ไหม ใบนึงก็เลือกลุงตู่ไป แต่อีกใบแบบเขตผมขอ เช่นเดียวกัน รักพรรคก้าวไกลก็ใบนึง อีกใบก็มาเลือกสส.เขต 

 

  • รู้สึกยังไง ตอนเห็นผลเลือกตั้ง ก้าวไกลแลนด์สไลด์ภูเก็ต

คือจริงๆ บังเอิญว่าภูเก็ตเนี่ย แชมป์เก่าตัวเขาไม่แข็ง มันเลยทำให้พรรคก้าวไกลแทรกขึ้นมาได้ แต่ว่าจังหวัดอื่น แต่จังหวัดอื่นพรรคอื่น ตัวอดีตสส.เขาแข็ง ที่ภูเก็ต ตัวผู้สมัครของก้าวไกลเองก็ไม่แข็ง คนไม่รู้จัก ที่ภูเก็ตคนเก่า เขาได้มาด้วยกระแสลุงตู่ไง ตัวเขาก็ไม่เก่ง พอรอบนี้กระแสลุงตู่ไม่มา กระแสก้าวไกลมา ก้าวไกลก็ได้ 

 

  • มุมมองต่อรัฐบาลปัจจุบัน

ผมคิดว่าเป็นครม.ลูกผสม แล้วก็สร้างความสับสนให้กับกองเชียร์ทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายเสื้อแดง เสื้อเหลือง หรือ กปปส. สับสนหมดเลย เพราะแต่ละฝ่ายเขาก็มีกองเชียร์ แต่สุดท้ายถูกจับมารวมกัน โดยการกลัวผีก้าวไกลไง คือทำยังไงก็ได้ อย่าให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาลอ่ะ 

เพื่อไทยก็กูทำยังไงก็ได้ขอให้กูเป็นรัฐบาล คะแนนต่ำก็ไม่เป็นไร อาศัยอยู่สักสี่ปีสร้างผลงานกู้คืนมา ฝ่ายรัฐบาลเก่าก็กูอยากร่วมรัฐบาล ร่วมกับเพื่อไทยไม่เป็นไรหรอก อย่าให้มีก้าวไกล เลยตั้งเงื่อนไขไง ตอนแรกไม่ให้มี 112 ถ้ามีนโยบายแก้ 112  ไม่เอา  พอโอเค กลัวว่าก้าวไกลจะถอย 112 เดี๋ยวจะเป็นรัฐบาล ก็เลยปฏิเสธถ้ามีก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วยก็ไม่เอา มันก็เลยจบ ก้าวไกลมาเป็นฝ่ายค้านไง ความรู้สึกตอนนี้ก็คือเขาเป็นรัฐบาลลูกผสม เป็นรัฐบาลจับฉ่าย รวมกันหลายๆพรรค หลายๆกลุ่ม ซึ่งอันนี้ผมคิดว่าคนก็ให้โอกาส แต่กองเชียร์มันกลืนไม่เข้า คายไม่ออก ผมเห็นกองเชียร์ สื่อบางช่องที่ไม่เอาคุณทักษิณ ก็ด่าคุณเศรษฐา ไม่ด่าพรรคสองลุง แต่ในขณะเดียวกันก็ไปด่าพรรคก้าวไกลที่เป็นฝ่ายค้าน อันนี้คือสับสนไง จากเมื่อก่อน คุณด่ารัฐบาล และคุณก็เชียร์ฝ่ายค้าน แต่ตอนนี้มันอะไรก็ไม่รู้ สภาพ…

 

  • จะอยู่ครบ 4 ปี แบบราบรื่นไหม?

ใครก็ตามขึ้นมาเป็นรัฐบาลเขาก็อยากอยู่ให้นานที่สุด ผลประโยชน์ร่วมกันไง พรรคเพื่อไทยยิ่งอยากอยู่ให้นานที่สุด เพราะมันเป็นเงื่อนไขในการอุ้มคุณทักษิณ วันนี้ถ้าเพื่อไทยไม่เป็นรัฐบาลคุณทักษิณนอนไม่เป็นสุขแน่ แต่วันนี้นอนหลับสบายเป็นสุข เพราะข้างล่างก็เป็นลูกน้องเขาหมด เขาจะยอมให้เพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านหรอ ให้อำนาจหลุดมือ เขาก็ไม่ยอม เขาก็ต้องอยู่ให้นานที่สุด ซื้อเวลาให้นานที่สุด

ดูเรื่องรัฐธรรมนูญ เมื่อก่อนเพื่อไทยไม่พูดแบบนี้นะ เขาจะบอกว่า “แก้เสร็จให้เร็วที่สุด รัฐธรรมนูญมาจากประชาชน ฉบับประชาชน เป็นของประชาชน”  แต่พอมาวันนี้ ไม่นะ…ไทม์ไลน์เขาสี่ปี ใช่ไหม แล้วก็มีเงื่อนไขอีก แก้ก็ได้ แต่ต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2   เสียงมันเปลี่ยนไปแล้ว เพราะเขาประนีประนอมที่จะอยู่ในอำนาจให้ยาวที่สุด ก็เป็นเรื่องปกติ 

 

  • จะประสบความสำเร็จเหมือนไทยรักไทยปี 2544-2549 ไหม? 

คือตลาดของเขา เป็นตลาดเดียวกับพรรคก้าวไกล แต่ถ้าเป็นแบบนี้เขาจะถูกก้าวไกลเบียด แน่นอนที่สุดแฟนแบบฮาร์ดคอร์ของพรรคเพื่อไทยก็มีอยู่แล้ว ไม่เปลี่ยนหรอก แต่ชนชั้่นกลาง

คนทั่วไปที่เขาเอากับเพื่อไทย วันนี้ก็มาก้าวไกลหมด 

คือคะแนนมันมี 3 ฝั่งอยู่แล้ว ตลาดอนุรักษนิยมเนี่ย ก็เลือกประชาธิปัตย์ เลือกลุงตู่ เลือกอะไรอย่างนี้นะ ในขณะที่เสรีประชาธิปไตย เขาก็เลือกตลาดของพรรคก้าวไกลของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว แต่ว่าในตลาดตรงนี้ก้าวไกลมันก้าวหน้ากว่าไง คนประเภทหัวก้าวหน้า ชนชั้นกลางเขาก็เอาทางก้าวไกล ส่วนนี้ก้าวไกลจะได้เปรียบพรรคเพื่อไทย

 

  • ก้าวไกลน่ากลัวไหม เคยกลัวก้าวไกลไหม? 

ถ้าเราเป็นนักประชาธิปไตยเราต้องยอมรับเสียงของก้าวไกล เขาได้มาด้วยการขายอุดมการณ์ คุณจะมาบอกว่าเขาปั่นกระแส โลกโซเชียลอะไรก็เรื่องของเขา คุณทำอย่างไรก็ได้ คุณอย่าซื้อเสียงมาแล้วกัน ซื้อเสียงนี่คือมันโจร  ผมไม่ยอมรับ แต่ว่าเทคนิคการหาเสียงคุณหายังไงก็ได้ ถ้าคนเลือก ผมเอา ผมยอมรับ ขอให้ตรงไปตรงมา เพราะถือว่ายอมรับกติกา ยอมรับเสียงของประชาชน

ถ้าประชาชนในประเทศนี้เขาต้องการแบบที่ก้าวไกลขายเนี่ย ก็ต้องยอมรับ ไม่อย่างนั้นคุณจะเป็นประชาธิปไตยได้ไง เสียงข้างมากต้องการก้าวไกล เทให้ก้าวไกล เลือกก้าวไกลมากกว่า 14 ล้านเสียง ไม่ได้น้อยนะ แล้วผมก็มั่นใจว่า 14 ล้านเนี่ย ไม่ซื้อเสียงด้วยนะ อ่ะแล้วคุณไม่ยอมรับเขาได้ยังไง คุณมีเหตุผลอะไรที่ไม่ยอมรับเขา นี่ความรู้สึกผมนะ 

 

  • คุณทักษิณเคยบอกก้าวไกลมีกองทัพไอโอ

คือแน่นอนกระแสโซเชียลช่วยเขาอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้กำหนดว่าไม่ให้คุณทำ คุณก็ทำสิ คุณก็มีสิทธิทำ ทำไมคุณไม่ทำหล่ะ 

ก่อนหน้านี้ ในการสู้กันระหว่างประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย ตอนนั้นเพื่อไทยตั้งวอร์รูม สู้กับประชาธิปัตย์ทางโซเชียล ประชาธิปัตย์เนี่ยไม่ได้ทำเลย แต่ว่ามันมีสื่อโซเชียลตามธรรมชาติเนี่ยช่วย พวกเด็กมหาลัยอะไรเขาก็ช่วยกัน ทำกันเองทำโดยธรรรมชาติ นั่นทำให้ประชาธิปัตย์สู้กับเพื่อไทยได้ แต่วันนี้ก้าวไกลเขามีหัวคะแนนธรรมชาติเยอะ มีคนรุ่นใหม่มาช่วย โดยไม่จำเป็นต้องไปจัดตั้งองค์กร เขาก็ชนะเพื่อไทยไง เพื่อไทยจะเอาอะไรมาชนะ มีแต่รุ่นเก่าๆ แค่นั้นเอง จะไปโทษว่าเขาชนะเพราะกระแสโซเชียล อ้าว งั้นคุณก็หาเสียงในโซเชียลสิเขาไม่ได้ปิดกั้น คุณก็ปรับตัวให้เข้ายุคสมัยคุณก็สู้ได้  

 

  • ก้าวไกลจะแพ้ภัยนิติสงคราม? 

ไม่หรอก การสู้เนี่ย ถ้าไม่มีพิธา ไม่มีปิยบุตร มันก็มีคนอื่น มันเป็นเรื่องปกติในการต่อสู้เนี่ย  วันที่อนาคตใหม่ถูกยุบ ไม่มีธนาธร ไม่มีปิยบุตร ก็น่าจะจบ เราก็คิดว่าและยิ่งเปลี่ยนรัฐธรรมนูญด้วย  ทำบัตรเลือกตั้งใบเดียวด้วย ลดปาร์ตี้ลิสต์ด้วยอะไรด้วย สารพัดเลย ที่ออกมาเนี่ย กันก้าวไกลโดยเฉพาะนะ แล้วทำไมก้าวไกลมันชนะขึ้นมาได้หล่ะ 

คือก้าวไกลมันไม่ได้เอาตัวบุคคลนะ ตัวบุคคลมันไม่ได้เด่นอะไร ผู้สมัครสส.แต่ละคนแทบจะไม่รู้จักทั้งสิ้นเนี่ย มันได้เพราะกระแสทั้งนั้น  เพราะความคิดของเขา เพราะจุดยืนของเขา จุดขายของเขา นโยบายของเขาไง 

 

  • พลังอนุรักษนิยมจะต่อสู้ในศึกเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไร?

คือคุณก็ต้องขายในจุดที่สังคมยอมรับได้ เช่น คุณขายในประชาธิปไตย เอาหล่ะ คุณขายประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จุดยืนเรื่องประชาธิปไตยคุณก็ให้ชัดสิ อย่างเช่นผม ที่ผมสู้เนี่ย ที่ผมออกมาวิจารณ์รัฐบาลอยู่บ่อย ที่จริงผมกับพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้โกรธอะไรส่วนตัว ส่วนตัวสนิทด้วยซ้ำ รู้จักกันมาก่อนนานด้วย ตั้งแต่ ศอฉ. ราบ 11 แล้ว แต่ทำไมผมถึงไม่เอา เพราะผมมองว่า

1 . คุณสืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย คุณเอาเปรียบเขา คุณเขียนให้มี สว. 250 เสียง มาโหวตให้คุณได้ อันนี้คุณเอาเปรียบเขาอยู่แล้ว อันนี้ผมไม่เห็นด้วยไง ถ้าคุณเลือกตั้งชนะซึ่งคุณได้เปรียบด้วยซ้ำเพราะอยู่ในอำนาจมา แต่นี่มันเอาเปรียบตั้งแต่ในรัฐธรรมนูญ ก็เหมือนคุณวิ่งร้อยเมตรอ่ะ คู่แข่งคุณไม่อยู่ 50 เมตรแล้ว วิ่งให้ตายยังไงคุณก็ไม่ชนะ อันนี้มันก็เหมือนกัน ผมไม่เห็นด้วยก็วิจารณ์ อภิปรายในสภาก็เห็นชัดว่าผมพูดเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่ผมว่าผมไม่เอา ผมเอาอะไรที่รัฐบาลทำถูก ผมโอเค พลเอกประยุทธ์ไปเป็นองคมนตรีนี่ผมก็ทำเพลงให้ยอดวิวหลายแสนเป็นล้านเหมือนกัน คุณบริหารงาน มือสะอาด ในการอภิปรายเรื่องทุจริตคุณก็ไม่โดน อันนี้ผมเชื่อ คุณได้รับโปรดเกล้าฯเป็นองคมนตรี ผมก็สดุดีคุณไป ไม่มีปัญหา แต่ผมติดในเรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องการเข้าสู่อำนาจของคุณ แค่นั้น ผมแยกแยะออก 

คืออนุรักษ์นิยม เรื่องประชาธิปไตยมันต้องมี คุณอนุรักษ์ เทิดทูลสถาบัน โอเคไม่มีปัญหาอยู่แล้ว อันนี้มันคู่สังคมไทยอยู่แล้ว ทุกคนก็ยอมรับ แต่ไม่ใช่คุณหลับหูหลับตา เอาประเภทโหนกระแส โหนเจ้าอ่ะ พูดกันง่ายๆ โหนเจ้าแล้วมาทำลายเขา อย่างนี้ไม่ได้หรอก 

เออ คือจริงๆสังคมไทยมันมีสองกลุ่ม แบบที่เขาบอก พวกล้มเจ้า อีกกลุ่มก็พวกโหนเจ้า ไอ้ผมเนี่ย เทิดทูลสถาบันอยู่แล้ว ด้วยเหตุผลคือสถาบันต้องอยู่คู่ประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ในเรื่องอื่น เรื่องการปกครอง เรื่องประชาธิปไตย ก็ต้องให้เป็นประชาธิปไตยจริงๆ แค่นั้นเอง ความเห็นผม 

 

  • จะมีพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ที่พอจะแข่งกับก้าวไกลได้? 

อนุรักษ์นิยมใหม่ตอนนี้ก็คือเพื่อไทย แล้วก็ไปแข่งกับก้าวไกลไง  

คือพรรคเพื่อไทยแต่ก่อนมันอยู่ในขั้วเดียวกับก้าวไกล ในขั้วเสรีนิยม แต่ในวันนี้เขาทำตัวมาอยู่ฝ่ายอนุรักษ์เสียแล้ว การที่มาร่วมรัฐบาลกับพรรค 2 ลุง 3 ลุง เนี่ย มันชัดไงว่าคุณยอมเปลี่ยนสถานะ จุดยืนคุณ มาเป็นฝ่ายอนุรักษนิยม ต่อไปก็สู้กัน นี่แหละ ระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกลก็สู้กันไป  2 ขั้วนี้แหละ พรรคอื่นก็องค์ประกอบ 

แต่เลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าก้าวไกลไม่ได้เกิน 250 ก้าวไกลก็ต้องเป็นฝ่ายค้านต่อไป 

 

  • มุมมองต่อการร่างรัฐธรรมนูญ / ทำไมยื้อไม่ต้องการให้มี สสร.เลือกตั้งทั้งหมด

คือถ้าคุณยอมรับเรื่องการปกครองในระบอบประชาธิปไตย คุณก็ต้องยอมรับในระบอบตัวแทนของประชาชน ถ้าคุณต้องการให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน คุณก็ต้องให้คนร่างมาจากประชาชน ยึดโยงประชาชน สิ่งที่จะยึดโยงกับประชาชนก็คือ สสร. ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด แล้ว สสร.ก็เป็นคนร่างรัฐธรรมนูญโดยเปิดโอกาสให้เขาร่าง  เพราะฉะนั้นคุณจะมาเขียนกำหนดว่าคุณห้ามแตะต้องหมวดนั้น ห้ามแตะต้องหมวดนี้ ไอ้เขียนอย่างนี้มันคือการล็อกสเปก ซึ่งเขามาร่างเขาจะไม่แก้ก็ได้ ไอ้หมวดที่คุณว่าเขาอาจไม่แตะต้องก็ได้มันเรื่องของเขา ไม่เป็นไร ถ้าคุณเชื่อมั่นในประชาธิปไตย เชื่อมั่นในระบบตัวแทน คุณก็ต้องปล่อยเขา แค่นั้นเองครับ ถ้าเขาไปแตะต้อง มันก็มีเรื่องการทำประชามติอีก คุณก็ไปโหวตคว่ำในประชามติ มันก็จบ อ่ะถ้าเขาไปแก้หมวดที่คุณไม่อยากให้แก้ คุณก็ไปโหวตสิ เวลาถามประชามติก่อนประกาศใช้ มันก็จบ  

 

  • คุณนิกร จำนงเคยพูด เบื้องหลัง ถ้า ให้ สสร.มาจากเลือกตั้งหมดไม่ได้ มีคนกลัวก้าวไกลจะมา

คุณเชื่อมั่นในประชาชนไหมล่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นก็แต่งตั้ง (หัวเราะ)  ถ้าคนเลือกใคร อยากให้ใครมาร่าง ก็ต้องยอมรับเขา มันแค่คุณกลัว คุณอุปทานไป จริงๆคนเขาอาจจะไม่เลือกก้าวไกลก็ได้ คนที่เข้ามาอาจจะไม่ใช่ก้าวไกล ก้าวไกลอาจแพ้หมดก็ได้ ใครก็ได้ที่ประชาชนเห็นว่านี่คือตัวแทนของเขาที่จะมาร่างรัฐธรรมนูญ เขาก็เลือกมา ก็จบ 

คือถ้ามาจากเลือกตั้งทั้งหมด มันอธิบายได้ไงว่ามันยึดโยงกับประชาชน  แต่ถ้ามาจากแต่งตั้งส่วนหนึ่ง ถามว่าคุณจะเอาหลักอะไรมาอธิบายหล่ะ ทำไมต้องแต่งตั้งหล่ะ ถ้าบอกว่าต้องการแต่งตั้งพวกมืออาชีพให้มาร่าง เพราะสสร.ที่มาจากการเลือกตั้งอาจจะร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็น 

อ้าว….คุณก็ตั้งคณะอนุกรรมาธิการสิ เออ (ลากเสียงยาว) ก็คัดมาสิ ให้มายกร่างฯ แบบมืออาชีพ  ก็แค่นั้นเอง คือคุณตั้งอคติไว้ก่อน ตั้งธงไว้ก่อน มันก็จบไง คุณไม่ไว้วางใจตัวแทนของประชาชนตั้งแต่เบื้องต้น ก็….. ก็ไม่รู้จะพูดยังไง 

คือเราจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าบ้านเราเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ประชาธิปไตยที่มาจากประชาชน ยึดโยงกับประชาชน คุณพูดไม่ได้เต็มปากไง 

 

  • จากอดีตนักการเมืองตัวตึงฝ่ายค้าน แนะนำฝ่ายค้านปัจจุบันที่นำโดยก้าวไกล 

คือ 1.คุณต้องรักษาจุดยืนที่คุณให้ไว้กับประชาชน คุณก็ต้องทำให้เต็มที่  2. คุณต้องกลั่นกรองคนที่จะเข้าสู่พรรค ต้องมีระบบกลั่นกรองตรวจสอบให้มากกว่านี้  มิฉะนั้นคุณก็จะได้คนประเภทนี้  แล้วคุณก็เป็นเป้าของสังคมอยู่แล้ว คุณพลาดหน่อยเนี่ย …  มาตรฐานทางจริยธรรมของพรรคคุณ สังคมเรียกร้องสูงกว่าพรรคอื่นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องคัด ในระหว่างนี้คุณก็ต้องทำ เตรียมบุคลากร เตรียมคน ผมว่าคุณทำสองส่วนนี้ 

ตอนนี้คุณเป็นฝ่ายค้าน อย่าให้คนรู้สึกคุณค้านไม่จริง ไปฮั้วกับคุณทักษิณ เหมือนกับว่ามีการตกลงกัน มีข่าวลือจะไปจับมือกับคุณทักษิณเมื่อ สว.หมดอำนาจ แบบนี้คุณก็จบ คุณต้องแสดงตนเป็นฝ่ายค้าน ต้องทำเต็มที่ สุดฝีมือ ในขณะเดียวกันคุณก็ต้องเตรียมการที่จะมีการเลือกตั้งในอนาคต เรื่องคน พรรค นโยบาย ก็ต้องทำคู่กันไป สร้างผลงานไป  

 

  • ทางออกการเมือง คิดยังไงกับการนิรโทษกรรม? 

ถ้าคุณจะนิรโทษกรรมเพื่อการปรองดอง คุณต้องนิรโทษกรรมให้หมด คือหมายความว่า ต้องนิรโทษกรรมให้หมดทุกกลุ่ม ไม่มีข้อยกเว้น ถ้ามีข้อยกเว้นมันจะปรองดองได้ยังไง 

สมมติ คุณบอกว่าคุณนิรโทษกรรมให้กลุ่มนี้ แต่ยกเว้น 112 ไม่นิรโทษกรรมให้ อ่ะแล้วมันจะปรองดองได้ยัง คน 112 เขาก็ไม่โอเคด้วย  

หนึ่ง คุณต้องนิรโทษกรรมให้หมด พวก 112 เมื่อได้นิรโทษกรรมแล้วก็คุยกัน หลังนิรโทษกรรมแล้ว ถ้าคุณยังมีพฤติกรรมแบบเดิม โดยกฏหมายยังไม่แก้ กฏหมายเดิมเนี่ย คุณต้องยอมรับสภาพนะ  

ที่ผ่านมาคุณอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจจะกลอนพาไป อาจจะเพื่อนชักชวนก็แล้วแต่ ผมไม่ว่า… แต่เมื่อคุณจะนิรโทษกรรมให้กับทุกคน คุณก็ต้องเซ็ตซีโร่ เริ่มต้นกันใหม่ก็ว่ากันไป นับหนึ่งใหม่ มันไม่ใช่ว่าคดีนี้กูให้ คดีนี้กูไม่ให้ กลุ่มนี้ให้ กลุ่มนี้ไม่ให้ อย่างนี้มันไม่ปรองดองหรอก คนไม่ได้เขาก็ไม่ยอม แล้วมันจะปรองดองยังไง ต้องดูเจตนารมณ์ของการมี พรบ.ฉบับนี้ก่อนว่า คุณทำเพื่ออะไร ถ้าทำเพื่อช่วยคนบางคน กลุ่มบางกลุ่ม ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าต้องการทำเพื่อการปรองดอง ต้องเซ็ตซีโร่  

 

  • ดูเหมือนแนวทางเซ็ตซีโร่ ผู้มีอำนาจขณะนี้เขาไม่เอา…?

 

ถ้ารัฐบาลไม่เอา ทุกอย่างมันก็คุกรุ่นอยู่อย่างนี้ ทางการเมืองมันก็คุกรุ่น ก็สู้คดีกันไป อะไรกันไป ก็คุกรุ่น …

คือถ้าหากว่า ถ้าจะแก้ความขัดแย้ง สังคมไทย มันต้องคุย ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ปัญหาการจาบจ้วงมันน้อย เพราะต้องยอมรับว่ายุคนั้น คุณอภิสิทธิ์ก็เปิดที่จะคุยกับกลุ่มทุกกลุ่ม ว่าได้แค่ไหนยังไงกัน แต่วันนี้มันไม่คุยกับกลุ่มรุ่นใหม่เลย  กลุ่มรุ่นใหม่ประท้วงปุ๊บ ก็ปราบ…จับ  อย่างนี้มันไม่จบ  ไอ้เราไม่ใช่ว่าไม่เคยเป็นเด็ก ผมก็เคยเป็นผู้นำนักศึกษามาก่อน เคยเป็นนายกฯองค์การนักศึกษารามฯมาก่อน ผมรู้ วัยรุ่นมันคิดยังไง  มันต้องคุยอ่ะ ทุกอย่างมันต้องคุย สังคมไทยมันต้องคุย … โอเค คุณทำได้แค่นี้นะ ล้ำกว่านี้ไม่ได้นะ รัฐบาลต้องเป็นตัวกลาง เปิดเวทีปลอดภัย ที่คุยได้ ก็ให้มาคุยกัน คุณรู้หนิ…ว่านักศึกษาแกนนำๆมีกี่คน (ชี้นิ้ว) ก็เชิญมาคุย เชิญหัวโจกมาคุย ได้แค่นี้ๆๆ อันนี้ไม่ได้ๆๆ มันก็จบ 

อันนี้คุณตั้งป้อม ไม่ได้ๆๆ จับ…ปราบๆๆๆ มันก็จบ ปราบเท่าไหร่มันก็ไม่หมด มันก็มีคนขึ้นมาเรื่อย  เพราะคนรุ่นใหม่เขาเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ ถ้าไม่คุยมันจะอย่างนี้แหละ หาจุดจบไม่ได้ 

ปี 2563  ที่มีม็อบขึ้นมาจากนั้นดูเหมือนม็อบล้าลง เพราะแกนนำเขาถูกจับไปเยอะ สถานการณ์มันก็เปลี่ยนไปด้วย   มันเป็นปลายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ด้วย ก็ต้องยอมรับว่าม็อบเขาต่อต้านพบเอกประยุทธ์ เรียกร้องให้มีการร่างรัฐธรรมนูญ ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ อะไรแบบนี้ แต่มันปลายสมัยแล้ว เห็นอนาคตแล้วว่าจะมีรัฐบาลใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ก็จะมา มันก็อ่อนล้า แกนนำถูกจับ อะไรไปบ้างประกอบกันหลายๆอย่าง  

แต่ปริมาณของความไม่พอใจทางการเมือง มันไม่ได้ปรากฏบนท้องถนนให้เห็นในยุคนี้ มันอยู่ในมือถือ มันอยู่ในใจ  มันไม่มีแล้วม็อบประเภท กปปส. 250 วันนั่งกันอยู่หน่ะ ไม่มีแล้ว คนละเรื่องกันแล้ว 

 

  • ภูมิทัศน์การเมืองภาคใต้ที่เปลี่ยนไปแล้ว?

1.ภาคใต้เป็นภาคที่คนมีความคิดทางการเมืองสูง แล้วก็มีการเมืองเชิงอุดมการณ์ค่อนข้างจะเยอะ ที่ผ่านมามันสู้กันระหว่าง พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคคุณทักษิณ คนใต้ไม่เอาคุณทักษิณ คุณทักษิณพูด จังหวัดไหนไม่เลือก ไม่พัฒนา คนใต้เขาก็ไม่เลือก ก็สู้กัน ลักษณะคนใต้เขาแบบนี้ ไม่รบนาย ไม่หายจน ตั้งแต่ยุคคอมมิวนิสต์มาแล้ว 

รอบนี้ พรรคที่เชิงอุดมการณ์แบบนี้ มันไม่มีเสียแล้วอย่างเช่นประชาธิปัตย์ มันไม่แบบนั้นเสียแล้ว  ที่นายชวนออกมา พูดว่าผมไม่ทรยศต่อคนใต้ เพราะนายชวนยังซึมซับว่าคนใต้ยังไม่เอาทักษิณ ในขณะที่ ส.ส.พรรคส่วนใหญ่ จะไปร่วมกับพรรคคุณทักษิณแล้ว อันนี้อุดมการณ์ ในหัวใจของคนใต้ มันล้มเหลวโดยสิ้นเชิงอยู่แล้ว ในวันข้างหน้า คนใต้ก็จะหาพรรคการเมืองเชิงอุดมการณ์

ถามว่าพรรคการเมืองเชิงอุดมการณ์ ของคุณทักษิณยังอีกไกล ดูจากผลการเลือกตั้งที่ผ่านมานะ แต่ที่น่ากลัวที่สุดในภาคใต้วันนี้ในเชิงอุดมการณ์ก็คือพรรคก้าวไกล ที่ผมพูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าเชียร์พรรคก้าวไกล แต่ผมดูจากคะแนนปาร์ตี้ลิสต์พรรคก้าวไกลภาคใต้ ก้าวไกลเขาได้ที่หนึ่ง จากเมื่อก่อนที่ประชาธิปัตย์ได้ที่หนึ่ง ตอนนี้ประชาธิปัตย์ได้ที่สามโน่น เพราะอะไรหล่ะ เพราะคนใต้เลือกพรรคที่เป็นอุดมการณ์ เพียงแต่พรรคก้าวไกลมีปัญหาที่ทำให้คนใต้ลังเลในเรื่องของสถาบัน เลยยังไม่เลือก  ถามว่าพรรคที่จะมีโอกาสฟื้นมาได้คือประชาธิปัตย์ เพราะมีเยื่อใยอยู่แล้ว มีรากฐาน พื้นฐานเดิมอยู่แล้ว ถ้ากลับมาเป็นพรรคเชิงอุดมการณ์ คุณก็ฟื้นได้ คนก็เลือกคุณอีก แต่ถ้าไม่อุดมการณ์ ขนาดก็จะเท่ากับพรรคประชาชาติ  ผมยังไม่รู้อนาคต แต่ชั่วโมงนี้พรรคก้าวไกลมีโอกาสมากที่สุด แต่การเลือกตั้งมันอีกหลายปี อาจะมีปัจจัยอะไรเปลี่ยนแปลงอีกเยอะ  

ผมวิเคราะห์ ณ วินาทีนี้ ถ้าประชาธิปัตย์ไม่ปรับตัว  ตลาดภาคใต้จะเป็นพื้นที่เจาะทางการเมืองของหลายๆพรรค โดยหวังตลาดการซื้อเสียงนี่แหละ ภาคใต้เพิ่งซื้อเสียงรุนแรง การเลือกตั้งครั้งที่่ผ่านมา ตลาดซื้อเสียงมันก็เลยแชร์กันหลายพรรค ในขณะที่ตลาดอุดมการณ์ที่ไม่ซื้อเสียงมันมีพรรคเดียว ผลการเลือกตั้งปี 2566 มันก็เลยปรากฏให้เห็นชัด พรรคก้าวไกลได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ภาคใต้อันดับหนึ่ง