ชัดแล้ว! “ภูมิธรรม” อัด ใช้คำสั่งม.44 ยึดทรัพย์ “ยิ่งลักษณ์” กระทำโดยมิชอบ

วันที่ 4 เมษายน นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และเลขานุการ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โพสข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ศาลปกครองกลางคืนความยุติธรรมให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ซึ่งให้อดีตนายกฯ ต้องชดใช้สินไหมทดแทนเป็นเงิน 35,000 ล้านบาท และให้เพิกถอน
คำสั่งของกรมบังคับคดี ที่ออกคำสั่งหรือประกาศใดๆ ที่ดำเนินการเกี่ยวกับการยึดอายัด

และการขายทอดตลาดทรัพย์สินของน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยศาลชี้ว่า คำสั่งที่เอาผิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง คำวินิจฉัย ชี้ชัดว่า อดีตนายกฯ ไม่ต้องรับผิดในคดีรับจำนำข้าว คำสั่งกระทรวงการคลังไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นธรรมแก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีพยานหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว

อีกทั้งโครงการรับจำนำข้าว เป็นโครงการที่ได้ดำเนินการตามที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา ถือเป็นนโยบายสาธารณะขนาดใหญ่ ใช้เงินมาก แต่ก็ยังดำเนินการอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง ที่ผ่านการตรวจสอบ และ การวิเคราะห์ ดูแลของหน่วยงานระดับชาติ เช่น สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง ซึ่งถือได้ว่าได้ดำเนินการภายในกรอบวงเงินที่ขอไว้ อย่างถูกต้อง

อีกทั้งถือเป็นการดำเนินการในฐานะผู้กำหนดนโยบาย ที่ได้รับการสนับสนุนผ่านการเลือกต้ังมาจากประชาชน เห็นได้ชัดเจนว่า การพยายามเอาผิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในเรื่องดังกล่าว เป็นการกระทำที่ พยายามใช้เป็นข้ออ้าง เพื่อเข้ามายึดอำนาจ ในปี 2557 โดยมุ่งหวัง ทำลาย รัฐบาล ประชาธิปไตย ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า การดำเนินการเอาผิดและยึดอายัดทรัพย์สินของอดีตนายกฯ นั้น เป็นการ กระทำที่เร่งรัดเร่งรีบถึงขนาดใช้มาตรา 44 ออกมาคุ้มครองเจ้าหน้าที่โดยเหตุที่ฝ่ายราชการประจำ ทราบแต่เบื้องต้นแล้วว่า ไม่เคยมีแนวทางแนวปฏิบัติให้กระทำเช่นนี้มาก่อน

แต่รัฐบาลฝ่ายผู้มีอำนาจ ก็พยายามจัดการถึงขนาดมีรายงานการประชุมออกมาว่าไม่ต้องคำนึงถึงความยุติธรรม การใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ซึ่งเป็นอำนาจล้นพ้นของผู้กระทำรัฐประหาร ออกเป็นคำสั่งเพื่อให้ นิรโทษกรรม ล่วงหน้า เพื่อช่วยฝ่ายราชการ ที่ดำเนินการยึด อายัดทรัพย์ในครั้งนี้ ให้พ้นผิด เรื่องการละเมิดหากมีการฟ้องร้องเอาผิด กรณีนี้จึงถือเป็นการกระทำ ที่มิชอบ ของผู้มีอำนาจ อย่างแท้จริง เป็นการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบ และขาดสำนึกทางจริยธรรม

ดังนั้น ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบควรต้องทำสิ่งผิดพลาดที่ผ่านมาแล้วให้ถูกต้องความยุติธรรมในบ้านเมืองเราถูกตั้งคำถามเรื่องสองมาตรฐาน ที่ไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายมาเป็นเวลานานนับตั้งแต่มีการรัฐประหาร ความเสียหายจากทำลายหลักการนิติธรรม นั้นส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการกระทำต่อผู้นำรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงต้องคืนความยุติธรรม ให้ผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบโดยเร็ว ดีกว่าพยายาม จะดันทุรังและคิดหาเหตุผล แก้เกี้ยว ไม่รู้จบ เพื่อพยายาม อธิบายการกระทำ ที่ผิดพลาดในอดีตที่ผ่านมา

“คิดผิด คิดใหม่ได้ สง่างามกว่าการดันทุรัง หาแง่มุมทางกฎหมาย มาอธิบายเพื่อปกป้องการกระทำที่บิดเบือนหลักการที่ถูกต้อง หยุดบิดเบือนกฎหมายเพื่อกลบเกลื่อนความผิดที่เคยกระทำ ประเทศเราเสียหายด้วยการกระทำเช่นนี้มามากพอแล้ว” นายภูมิธรรม กล่าว