ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 - 10 ธันวาคม 2563 |
---|---|
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต cars@khaosod.co.th
ซิตี้ ‘แฮทช์แบ็ก’ – ‘อี:เอชอีวี’
‘ฮอนด้า’ รุกเดือดตลาดรถเล็ก
สิ้นสุดการรอคอยเสียที เมื่อฮอนด้าเปิดตัวอีโคคาร์รุ่นใหม่ต่อยอดความสำเร็จของ “ซิตี้” ด้วย “ซิตี้ แฮทช์แบ็ก” 5 ประตู และ “ซิตี้ อี:เอชอีวี” รถไฮบริดพลังงานลูกผสมน้ำมัน-ไฟฟ้า
ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย อีกหนึ่งฐานใหญ่ในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า
และเป็นครั้งแรกเช่นกันที่รถ “อีโคคาร์” มีพลังงานไฮบริดเป็นทางเลือก ที่สำคัญทั้ง 2 รุ่นตั้งราคามาได้ “น่าโดน” เหลือเกิน
ทำให้ตลาดรถยนต์เมืองไทยช่วงโค้งสุดท้าย คึกคักขึ้นมาทันที
ฮอนด้า “ซิตี้ แฮทช์แบ็ก” แม้จะเป็นรถ 5 ประตู และบอดี้ใกล้เคียงกับ “ฮอนด้า แจ๊ซ” ที่ครองใจวัยรุ่นชาวไทยมายาวนานข้ามทศวรรษ แต่ไม่ได้มาทำตลาดแทนแบบเต็มตัว เพราะฮอนด้าต้องการเปิดเซ็กเมนต์ใหม่ขึ้นมาในเมืองไทย อีกทั้งแจ๊ซยังขายดิบขายดียอดไม่มีตก
หน้าตาด้านหน้าใกล้เคียงกับซิตี้ 4 ประตู เด่นด้วยกระจังหน้าแบบโครเมียม ไฟหน้าแบบโปรเจ็กเตอร์พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
เสาอากาศแบบครีบฉลาม ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารหรูหราสวยงามในโทนสีดำ มาพร้อมเบาะหนัง (เฉพาะรุ่น SV) คอนโซลหน้าแบบ Piano Black มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสง
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วแบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
ส่วนรุ่นท็อป “RS” เปิดตัวออกมาพร้อมกันไม่ต้องรอให้เสียเวลา ประดับชุดแต่งสไตล์สปอร์ต กระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS
กันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ต ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกแบบ LED
กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว
สปอยเลอร์หลังตกแต่งสีดำแบบสปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ RS และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว
ด้านในเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งแถบสีแดง มาพร้อมพนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว
เพิ่ม “ฮอนด้า คอนเน็กต์” (Honda CONNECT)
เบาะนั่ง อัลตร้า ซีต แยกพับแบบ 60:40 พับได้ราบเรียบ และสามารถยกเบาะนั่งขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับบรรทุกสิ่งของที่มีความสูง
ขุมพลังบล๊อกเดียวกับ “ซิตี้” DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ขนาด 1.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที
ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร
สะดวกสบายด้วยมีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด
โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานไอเสียยูโร 5 (EURO 5) ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 100 กรัม/กิโลเมตร รองรับน้ำมัน E20
เทคโนโลยีความปลอดภัย โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) และกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) เป็นต้น
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น
RS 749,000 บาท
SV 675,000 บาท
S+ 599,000 บาท
เมื่อเทียบรุ่นต่อรุ่นถือว่าแพงกว่าซิตี้ 4 ประตูเพียง 1 หมื่นบาท ยกเว้นรุ่นต่ำสุดคือ S+ ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ราคาอยู่ตรงกลางระหว่างซิตี้รุ่น S และ V
ส่วนซิตี้ อี:เอชอีวี RS เป็นครั้งแรกในเซ็กเมนต์ซิตี้คาร์และอีโคคาร์ของประเทศไทย ที่มีรถพลังงาน Full Hybrid มาเป็นตัวเลือก
ภาพรวมไม่ต่างจากซิตี้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ โลโก้ฮอนด้าสีฟ้า (H Mark) และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย เสริมความสปอร์ตในสไตล์ RS รอบคัน ด้วยกระจังหน้าและสปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black ไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam : AHB) พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตพร้อมไฟเลี้ยวในตัว มาพร้อมล้ออัลลอย 16 นิ้วดีไซน์สปอร์ต
ห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะหนังกลับดีไซน์สปอร์ตตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
ฟังก์ชั่นการใช้งานระดับพรีเมียม เช่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศตอนหลัง พร้อมช่องจ่ายไฟสำรอง 2 ตำแหน่ง
มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อม Google Maps พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI
ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมต (Remote Engine Start) ฯลฯ
หัวใจหลักระบบขับเคลื่อนถอดแบบมาจากรุ่นใหญ่อย่างแอคคอร์ด เพียงแต่ย่อส่วนลงมา ด้วยนวัตกรรม Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว
ระบบเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งเป็นระบบ Full Hybrid แรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0-3,000 รอบต่อนาที
อัตราการประหยัดน้ำมัน 27.8 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 85 กรัม/กิโลเมตร สามารถรองรับน้ำมัน E20
ด้วยเป็นรุ่นท็อปของซิตี้ งานเทคโนโลยีจึงจัดเต็ม อาทิ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนซิ่ง (Honda SENSING)
ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ
ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน, กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ, ระบบเบรกมือไฟฟ้า ระบบ Auto Brake Hold ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
และเทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ “ฮอนด้า คอนเน็กต์” (Honda CONNECT)
ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ รับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
พร้อมด้วยโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร สูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
บริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง (Honda 24hr Roadside Assistance) ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
มีให้เลือกรุ่นเดียว ราคา 839,000 บาท