หลังเลนส์ในดงลึก / ปริญญากร วรวรรณ /’มีด’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
ช้างป่า - ในครอบครัว ช้างตัวเล็กจะได้รับการปกป้องดูแลอย่างดีตลอดเวลา ช่วงเวลาบ่ายๆ สภาพอากาศร้อนอบอ้าว ช้างจะลงมาที่ลำห้วย...

หลังเลนส์ในดงลึก/ปริญญากร วรวรรณ

‘มีด’

เดือนพฤศจิกายน

นี่คือเวลาที่ในป่าด้านตะวันตกถูกครอบคลุมด้วยสายลมหนาวอย่างสมบูรณ์

ฤดูฝนจากไปแล้วก็จริง แต่คล้ายจะทิ้งร่องรอยไว้มากมายให้ระลึกถึง ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ล้ม ดินถล่ม รวมทั้งร่องลึกๆ บนเส้นทาง

บางช่วงน้ำใต้ดินยังไหลซึม เป็นผลให้เส้นทางช่วงนั้นยังมีสภาพเป็นโคลนเละๆ

สายฝนจากไปไม่กี่วัน ต้นไม้ก็ดูเหมือนเตรียมลดการใช้น้ำเพื่อรับมือกับฤดูแล้ง ใบไม้เริ่มแห้ง อุณหภูมิลดต่ำอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง หลังจากนั้น อากาศจะอุ่นขึ้นเล็กน้อย และสายลมจะพัดแรง เหมือนมาช่วยพัดพาให้ใบไม้ร่วงหล่นจากกิ่งก้าน

ช่วงเวลานี้ตอนกลางคืน และเช้ามืด สภาพอากาศเย็นยะเยือก ท้องฟ้าคืนข้างแรม ดาวส่องประกายระยิบระยับ

ส่วนเวลากลางวัน แสงแดดจัดจ้า บางแห่งอุณหภูมิสูงถึงขั้นร้อนอบอ้าว ระดับน้ำในลำห้วยลดลง อุปสรรคการเดินทางเมื่อต้องข้ามลำห้วยหมดไป

แต่ปัญหาไม่ได้หมด อุปสรรคของเราช่วงเวลานี้ค่อนข้างใหญ่

เพราะผู้ที่ทำให้เราพบปัญหาคือ ช้าง…

 

ทุกๆ เช้า สถานีวิทยุแม่ข่ายจะแจ้งอุณหภูมิ กลางเดือนพฤศจิกายน วันหนึ่งเขาแจ้งว่า ลดลงเหลือ 12 องศา การเดินทางไปถึงสถานีนั้น ในช่วงฤดูฝน ที่สะดวกสุดคือเดินด้วยเท้าตัวเอง พวกเขาต้องแบกข้าวสาร รวมทั้งเสบียงต่างๆ เป็นเรื่องปกติ

ในฤดูแล้ง รถพอไปได้ แต่นั่นคือหลังจากได้ระดมกำลังไปช่วยกันซ่อมแซมเส้นทางแล้ว

ชุดลาดตระเวนทำงานตามปกติ ข่าวที่แจ้งมาถึงสถานีแม่ข่าย คือ พบกับอากาศหนาวจัด พวกเขาหลีกเลี่ยงการก่อไฟกองใหญ่เพื่อความอบอุ่นในขณะลาดตระเวน การอาบน้ำในลำห้วยซึ่งน้ำเย็นจัดในตอนหัวค่ำ ไม่มีใครปฏิบัติ

สภาพอากาศหนาวเย็น มาพร้อมกับเห็บลมตัวจิ๋ว คนทำงานในป่าช่วงนี้ นอกจากจะดูขะมุกขะมอมแล้ว เกือบทุกคนตามร่างกายเต็มไปด้วยจุดแดงๆ

อยู่นิ่งๆ ไม่ได้ มีอาการเกาตามร่างกาย

 

ช่วงนี้เมื่อเดินทางผ่านเส้นทางที่ขนาบด้วยดงไผ่ ป่าทึบ แสงแดดส่องไม่ถึงพื้น นอกจากจะพบกับทางหลายช่วงเป็นโคลนเละ ร่องลึก สิ่งที่พบตลอดอีกอย่างคือช้าง ไม่พบเจอตัว ก็เป็นร่องรอยของพวกมัน

บนทางเต็มไปด้วยขี้ช้าง, กลิ่นฉี่ฉุนๆ และไม้ไผ่ล้มขวาง

และที่สำคัญ พวกมันถือตัวเป็นเจ้าถิ่น ไม่หวั่นไหวผู้ใด

หลายครั้งเมื่อเห็นคน มันไม่ลังเลที่จะวิ่งเข้าหา ส่งเสียงกึกก้อง

ที่เราทำคือ ถอยกลับอย่างรวดเร็ว

บางครั้งราวกับมันแกล้ง บนทางมีต้นไม้ลำต้นโตๆ ล้มขวางหลายต้น ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ เลื่อย และลากให้พ้นทาง

 

ว่าตามจริงแล้ว ปัญหาของการทำงานในป่าที่เกิดจากฝีมือช้างนั้นมีไม่น้อย

กล้องดักถ่ายภาพซึ่งติดไว้ตามด่านนั่น ช้างชอบเล่นมาก เดินมาพบจะกระชากออกจากต้นไม้ เหยียบ หรือโยนไปไกลๆ

คล้ายกับว่า นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่มากับงานของคนทำงานในป่า เราเข้ามาใช้ทางของพวกมัน

โดนเจ้าของทาง เจ้าของบ้านขับไล่บ้าง คงเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับ…

 

วันหนึ่ง ผมมีจุดหมายที่ต้องเดินทางผ่านดงไผ่

บนทางมีกิ่งไผ่ที่ถูกช้างดึงลงมาขวางเป็นระยะ ร่องรอยใหม่ๆ

การฟันไม้ไผ่แรกๆ จะไปได้ด้วยดี พอมากๆ เข้ากำลังแขนเริ่มล้า หากเป็นไผ่ลำแก่ๆ ก็จะแข็งไม่น้อย

ตัดเสร็จ ลากเข้าข้างทาง บางช่วงเป็นต้นไผ่หนามที่มีกิ่งแหลม ไม่เคลียร์ให้ดี จะมีปัญหาเรื่องยางรถอีก

“ตัวโตแล้วยังชอบแกล้งอีก” ผมนึกถึงประโยคที่เราพูดบ่อยๆ อย่างเห็นด้วย เมื่อถึงชั่วโมงที่สี่ของการเดินทาง

เหลือระยะทางอีกสักสองกิโลเมตร ถึงจุดหมาย ต้นมะค่าขนาดโอบได้พอดีล้มขวาง

ผมกับเพื่อนร่วมทางใช้เวลาเลื่อยอยู่นาน เหงื่อโซมกาย หอบหายใจ ก่อนใช้สะลิงวินซ์คล้อง ดึงให้พ้นทาง

 

ถึงจุดหมายเกือบ 4 โมงเย็น ตั้งแคมป์ ผูกเปล ขึงฟลายชีต ผมก่อไฟหุงข้าว เสียงน้ำในลำห้วยไหลกระทบแก่ง

เริ่มเข้าสู่ฤดูแล้ง แต่ป่ายังอยู่ในช่วงเวลาที่แหล่งอาหารสมบูรณ์ สัตว์ป่ามารวมตัวตามแหล่งอาหาร

ช่วงเวลานี้ อาจมีเพียงสัตว์ซึ่งมีวิถีลำพังเท่านั้นที่ไม่ได้อยู่ในฝูง

 

ท้องฟ้าซึ่งปลอดโปร่งมาตลอดวัน จนพลบค่ำสายฝนเริ่มโปรย ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบกับฝนเดือนพฤศจิกายนในป่าด้านตะวันตก

ผมนั่งบนเก้าอี้พับตัวเล็กข้างกองไฟ ถือมีดที่คม บิ่นเป็นร่องๆ เหตุเพราะฟันโดนลำไผ่แข็ง และใช้งานมานาน

มีดเป็นสิ่งสำคัญของคนทำงานในป่า เป็นเพื่อนคู่ใจ

ความหมายของมีด ไม่เพียงอยู่ที่ความคม

ที่สำคัญกว่าคือ ทักษะในการใช้ มีดคมแต่ไร้ทักษะในการใช้ มีดเล่มนั้นย่อมไม่มีความหมาย

มีดบิ่นๆ นั้น มีคมซ่อนอยู่เสมอ…