มองบ้านมองเมือง / ปริญญา ตรีน้อยใส / แพร่ เมืองวิกตอเรียน

ปริญญา ตรีน้อยใส

มองบ้านมองเมือง/ปริญญา ตรีน้อยใส

แพร่ เมืองวิกตอเรียน

 

ความเจริญของบ้านเมืองในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ ไม่ว่าบ้านไหนเมืองไหน เหมือนกันไปหมด

เริ่มตั้งแต่เข้าเมือง จากริมทางหลวง จะมีปั๊มน้ำมัน ร้านเซเว่น กาแฟอเมซอน

ผ่านต่อไปก็จะเป็นซูเปอร์สโตร์ที่มีไม่กี่บริษัท เพียงแต่ขนาดแตกต่างกันบ้าง มีหมู่บ้านจัดสรรโผล่มาบ้าง สังเกตได้จากซุ้มประตูแปลกประหลาด สลับกับทาวน์โฮมหรือโฮมออฟฟิศ ที่จริงคือตึกแถวหรือร้านค้ารุ่นใหม่ ที่เป็นตึกแถวสามสี่ห้อง หลังคาหมาแหงน

จากนั้น ก็จะถึงบ้านรุ่นเก่าเป็นตึกบ้าง กึ่งตึกกึ่งไม้บ้าง ที่เป็นไม้ก็จะทรุดโทรม จนถึงตลาดกลางเมือง ส่วนใหญ่มีตึกแถวรุ่นเก่าล้อมรอบ เป็นตึกแถวสองสามสี่ชั้น มีแผงคอนกรีตสลับป้ายโฆษณาดูเลอะเทอะ สร้างเว้นห่างบ้าง ไม่เว้นห่างบ้าง ปนกับอาคารราชการ โรงเรียน โรงพยาบาล

ถ้าเป็นรุ่นเก่าก็จะเป็นอาคารคอนกรีต สูงสองสามชั้น หลังคาจั่วทรงไทย แต่ถ้าเป็นรุ่นใหม่สูงหลายชั้น หน้าต่างกระจกสลับไปมา หลังคาประหลาด

แม้แต่วัดวาอาราม ก็จะมีซุ้มประตูสูงใหญ่ โบสถ์ วิหาร หน้าตาคล้ายๆ กันทุกแห่งหน มีบางเมืองบางชุมชน มีเหลืออาคารรุ่นโบราณ เป็นเรือนไม้บ้าง ตึกแถวสองชั้นบ้าง อาจเหลือซากโบราณสถานรอการรื้อทิ้ง หรือรอให้กรมศิลปากรมาบูรณะ

ภูมิทัศน์เมืองแบบที่ว่า เลยกลายเป็นเอกลักษณ์ ที่ต่างไปจากเมืองอื่นประเทศอื่น โดยเฉพาะการผสมปนเป การใช้ประโยชน์ รูปแบบ ความสูง รูปแบบ

พอมีวัด ศาลเจ้า มัสยิด และโบสถ์คริสเตียน เขาเลยยิ่งชื่นชมว่า เป็นสังคมสมานฉันท์ ไม่รบราฆ่าฟันกัน

 

สําหรับคนไทยด้วยกัน สภาพดังกล่าว มีข้อดีตรงที่รู้ทิศรู้ทาง รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ก็มีข้อเสียคือ ไม่รู้ว่าอยู่เมืองไหน ไทยเที่ยวไทยเลยง่าย แต่ไม่ตื่นเต้น ไม่น่าสนใจ ต้องไปเที่ยว ดูตึกแถวเก่าที่ปีนัง ดูตึกสูงที่สิงคโปร์ ดูตึกหลอดที่ฮานอย ดูกระท่อมลอยน้ำที่อินเล ที่พม่า ดูตึกฝรั่งที่ซาปา เวียดนาม เลยไปถึงโกดังที่ไทเป เมืองซามูไรที่ญี่ปุ่น ซากเมืองโรมันที่อิตาลี

อย่างโคราช มีคูเมืองใหญ่กว่า ครบกว่าเชียงใหม่ แต่ก็ไม่มีใครสนใจไปเล่นสงกรานต์

เกือบทุกเมือง มีอาคารเก่าทั้งตึกทั้งไม้ อายุ ขนาดต่างกัน แต่ไม่มีใครพูดถึงเหมือนเมืองน่าน

หลายเมืองภาคใต้มีตึกแถวโบราณ รุ่นเดียวกับที่สิงคโปร์และปีนัง แต่ไม่มีใครพูดถึงเหมือนที่ภูเก็ต

เพื่อให้มองบ้านมองเมืองฉบับนี้ต่อเนื่องกับข่าวการรื้อเรือนไม้เขียวที่แพร่ และเรือนไม้สไตล์วิกตอเรียน ที่มีอยู่แห่งเดียวในบ้านเรา คือแพร่ ขอต่อความดังนี้

ไหนๆ คนเมืองแป้ก็ออกมาต่อว่าต่อขานข้าราชการว่าไม่ดูแล จนผู้รับผิดชอบออกมารับปากจะดำเนินการให้เหมาะสมแล้ว แต่การ์ดอย่าเพิ่งตก ต้องช่วยกันดูแลเรือนไม้สักที่สวยงามอีกหลายหลัง ไม่ให้ถูกรื้อ

ที่สำคัญ ต้องรีบกลับบ้านไปขยายผล ปรับปรุงบ้านตัวเอง บ้านข้างเคียง หาทางตกแต่งให้สอดคล้องกัน จะสร้างกระแสแผงไม้ฉลุลวดลายขนมปังขิง ไปทั่วทั้งเมือง ตั้งแต่ร้านเซเว่น ยันร้านอาหาร ไปถึงโรงเรียน โรงแรมก็ยังได้

เพื่อให้เมืองแพร่ไม่ใช่เมืองโหลๆ เหมือนบ้านเมืองอื่นอย่างที่กล่าวตอนต้น หากเป็นถึงเมืองวิกตอเรียนที่สวยงาม และเป็นวิกตอเรียนแห่งเดียวในประเทศไทย