ขอแสดงความนับถือ/ฉบับประจำวันที่ 24-30 เมษายน 2563

หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม อยุธยา

ขอแสดงความนับถือ

 

มีความสืบเนื่อง จำต้องแก้ไข และขยายความ ต่อจาก “มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับที่แล้ว ที่ 2070 วันที่ 17-23 เมษายน 2563

หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด ธนบุรี

แก้ไขก่อน

คอลัมน์ โฟกัสพระเครื่อง ที่โคมคำ นำเสนอ

“เหรียญพิมพ์งูใหญ่-งูเล็ก

หลวงพ่อโอภาสีผู้บูชาไฟ

อาศรมบางมดวัดพุทธบูชา”

ปรากฏว่า มีข้อผิดพลาดที่ต้องขออภัย และแก้ไข

คือ ภาพประกอบเรื่อง ที่ระบุว่า เป็นหลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด (วัดพุทธบูชา) เขตบางมด กรุงเทพฯ นั้น

ที่จริงเป็นภาพหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม อยุธยา

จึงขออภัยศิษยานุศิษย์ ของทั้งหลวงพ่อโอภาสี และหลวงพ่อกลั่น ในความผิดพลาดดังกล่าว

ทั้งนี้ ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับออนไลน์ ได้แก้ไขรูปภาพให้ถูกต้องแล้ว

ส่วนฉบับ “สิ่งพิมพ์” ขออนุญาตนำภาพที่ถูกต้องของหลวงพ่อทั้ง 2 รูป มานำเสนออีกครั้ง

 

ส่วนที่ขอขยายความเพิ่มเติม

สืบเนื่องจากไปรษณียบัตรของ ร.ต.ท.นฐพล พิทักษ์ ที่นำเสนอใน “ขอแสดงความนับถือ” ฉบับที่ผ่านมา

ว่าด้วย “ปัญญา”

ร.ต.ท.นฐพล ขอขยายความเพิ่มเติม

ดังนี้

“…เป็นที่ทราบกันว่า ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก

พระองค์บอกว่า ปัญญา คือการรู้แจ้งเห็นจริงในโลก

พระองค์บอกว่า ปัญญา คือการรู้แจ้งเห็นจริงในธรรม

ธรรม คือความจริงตามธรรมชาติของสิ่งทั้งปวง

สิ่งทั้งปวงโดยสรุปแล้วก็คือ รูปและนาม

รูปและนามของสัตว์โลก ก็คือ กายและใจ

ธรรมชาติของกายและใจ มีลักษณะ 3 ประการ

คือ

1) เป็นอนิจจัง คือความไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

2) ทุกข์ขัง คือไม่สามารถคงอยู่ในสภาพเดิมได้ (เสื่อมลง)

3) อนัตตา คือไม่มีตัวตนหรือความว่างเปล่า ร่างกายสุดท้ายก็เสื่อมสลายไป ส่วนจิตใจซึ่งเป็นนามธรรม ไม่มีตัวตนอยู่แล้ว

เมื่อเห็นอย่างนี้ สมควรอย่างยิ่งที่จะแสวงหาปัญญา ด้วยการศึกษาธรรมของพระองค์

แล้วจะเห็นจริงว่า ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลกอย่างแท้จริง

ด้วยความนับถือ

ร.ต.ท.นฐพล พิทักษ์”

 

เป็นคำขยายความที่ ร.ต.ท.นฐพลจะย้ำมาตลอด

นั่นคือ เน้นไปยัง “ปัญญา”

ปัญญาที่จะนำมาสู่แสงสว่างหรือความเห็นแจ้งอย่างแท้จริง

ดังหลวงพ่อโอภาสี ที่ได้รับสมญา “ผู้บูชาไฟเป็นพุทธบูชา”

เหตุเพราะท่านมักนำข้าวของเครื่องใช้และปัจจัยที่ญาติโยมมาถวาย ไปเผาไฟจนหมด

หากเราไม่ได้พิจารณาด้วยปัญญา

อาจเข้าใจผิด ว่าการเผาคือทางแห่งการหลุดพ้น

มิใช่เช่นนั้น

หลวงพ่อโอภาสีอธิบายการเผา ว่า

“ความร้อนของมนุษย์นั้น ถูกเผาผลาญด้วยโลภะ โมหะ ภคะ อวิชชาฯ

การที่นำของถวายไปเผานั้น

เพื่อเป็นพุทธบูชาสักการะแด่อำนาจพุทธานุภาพ, อนุพุทธะปัจเจกพุทธะ

อันเป็นที่สักการบูชาของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย

ดลบันดาลให้อานุภาพเหล่านี้มาช่วยดับร้อนผ่อนคลายจิตใจมนุษย์

ให้บรรเทาลงด้วยอำนาจแห่งความมืดมน

เพื่อเป็นการดับกิเลสทั้งหลายให้หมดไป”

 

จะเห็นว่าธรรมะที่หลวงพ่อโอภาสีแนะนำสั่งสอน

ท่านเน้นให้ตัดทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ปล่อยวาง อย่ายึดถือ

โดยเฉพาะศัตรูสำคัญคือ ขันธ์ 5

ให้พิจารณาแยกออกเป็นธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ให้เห็นแจ้งชัด

ละอุปาทานที่มีอยู่

เมื่อพิจารณาเห็นจริงดังกล่าวแล้ว ความโลภ ความโกรธ ความหลง ที่มีอยู่จะเบาบางไป

เป็นปัญญาที่เราควรเห็นและมี

ซึ่งในภาวะมหาวิกฤตจากโควิด-19 นั้น

หากใช้ปัญญาเผชิญกับมหาวิกฤต มาก-มาก ย่อมจะดีที่สุด