การ “ล่องหน” ของเศรษฐีจีน กับการล้วงลูกฮ่องกง

“ในจีนมีมุขตลกหนึ่งที่พูดอำกันขำๆ ว่า หากคุณมีชื่อติดอยู่ใน 100 อันดับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ ก็จงระวังตัวให้ดี เพราะคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ถูกจับดำเนินคดีในข้อหาหลบเลี่ยงภาษี ก็ถูกจับในข้อหาก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจ”

เป็นคำบอกเล่าในระหว่างที่ นายวิลลี ลัม นักรัฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง ให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพี ถึงประเด็นสายสัมพันธ์ของกลุ่มเศรษฐีนักธุรกิจกับกลุ่มผู้ถือครองอำนาจรัฐที่มีต่อกัน ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่การกระทำทุจริตและประพฤติมิชอบขึ้นตามมาได้

 

กรณีการหายตัวไปอย่างลึกลับของ นายเสี่ยว เจี้ยน หัว มหาเศรษฐีนักธุรกิจในวงการเงินชาวจีน วัย 46 ปี ที่ยังถือสัญชาติแคนาดา ซึ่งปรากฏเป็นข่าวเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เป็นกรณีล่าสุดที่จุดความกังขาในวงกว้างถึงการหายตัวไปของเศรษฐีนักธุรกิจชาวจีนรายนี้ ว่ามีเงื่อนงำทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

เพราะในข่าวหลายกระแสมีการร่ำลือว่า นายเสี่ยวยังเป็นนายหน้าตัวกลางในการดีลธุรกิจให้กับกลุ่มชนชั้นนำทางการเมืองของจีน

ซึ่งรวมถึงเครือญาติของ นายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีนเองด้วย

AFP PHOTO / Anthony WALLACE

นายเสี่ยว เจี้ยน หัว เป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท ทูมอร์โรว์ โฮลดิงส์ ซึ่งทำธุรกิจหลายอย่าง ตั้งแต่ด้านการเงินการธนาคาร ประกันภัย เคมีภัณฑ์ จนถึงเหมืองถ่านหินและการเกษตร และเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในจีนเป็นอันดับ 32 จาก 100 อันดับ จากการจัดสำรวจในปี 2016 ของนิตยสาร Hurun สื่อสิ่งพิมพ์ชั้นนำในแวดวงธุรกิจการเงินของจีน ที่เทียบได้กับนิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐอเมริกา

นายเสี่ยวตกเป็นข่าวที่อยู่ในวงความสนใจไปทั่วโลก หลังจากมีรายงานว่าเขาหายตัวไปจากห้องพักในโรงแรมโฟร์ซีซันในฮ่องกง เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ท่ามกลางกระแสข่าวหนึ่งที่มีออกว่านายเสี่ยวถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของจีนแอบนำตัวไปจากฮ่องกงอย่างลับๆ หลังจากตกอยู่ภายใต้การสอบสวนของรัฐบาลปักกิ่งกรณีการทุบตลาดหุ้นจีนในปี 2015

ทว่าการลงคำประกาศในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หมิงเป้า ฉบับประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ระบุตีพิมพ์ในนามของนายเสี่ยว ได้ปฏิเสธข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเขา โดยนายเสี่ยวยืนยันว่าเขาไม่ได้ถูกลักพาตัว เพียงแต่ไปพักรักษาตัวจากอาการป่วยในต่างประเทศ

และเขาจะออกมาปรากฏตัวต่อสื่อในภายหลัง

นายเสี่ยว เจี้ยนหัว

เป็นที่น่าสังเกตว่าในคำประกาศดังกล่าว นายเสี่ยวยังระบุถ้อยคำที่เป็นการยืนยันถึงความจงรักภักดีของเขาที่มีต่อประเทศชาติและผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความพยายามที่จะดับเรื่องราวปัญหาบางอย่างที่ตนเองเผชิญอยู่

แต่ในทางตรงข้าม นั่นยิ่งกลับทำให้ผู้คนมีความเคลือบแคลงสงสัยมากขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่ากลุ่มอำนาจทางการเมืองในจีนอาจอยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของเศรษฐีนักธุรกิจชาวจีนผู้นี้หรือไม่

และยังชวนให้ย้อนคิดไปถึงกรณีในลักษณะคล้ายคลึงกันนี้จากการหายตัวไปของเศรษฐีนักธุรกิจชาวจีนอีกหลายคน

รวมถึง 5 นักเขียนดังชาวฮ่องกงที่เขียนหนังสือวิพากษ์วิจารณ์คณะผู้นำจีน ซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับจากฮ่องกงในช่วงปี 2015

ก่อนที่พวกเขาจะมาปรากฏตัวในภายหลังเมื่ออยู่ในมือของเจ้าหน้าที่ทางการจีนเป็นที่เรียบร้อย

กรณีของนักเขียนชาวฮ่องกง 5 คนนี้ ทั้งหมด ยกเว้น นายกุย หมิน ไห่ ได้รับการปล่อยตัวกลับฮ่องกง หลังยอมรับสารภาพว่าขายหนังสือที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยหลังจากได้รับการปล่อยตัวมา นายลี่ โป ให้สัมภาษณ์สื่อด้วยการปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ถูกลักพาตัว แต่การไปจีนก็เพื่อไปช่วยในการสอบสวนทางคดีของทางการจีน

ตรงกันข้าม นายลัม วิง กี นักเขียนในกลุ่มนี้อีกคนที่ออกมาแฉว่าเขาถูกลักพาตัวไปและถูกบังคับให้สารภาพ

AFP PHOTO / POOL / MARK RALSTON

ขณะที่ข้อมูลของวอลสตรีตเจอร์นัล บอกว่า มีนักธุรกิจชั้นนำชาวจีนหลายคนที่หายตัวไป หลังจากการก้าวขึ้นมาสู่อำนาจของ นายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน เมื่อ 4 ปีก่อน ที่ประกาศเดินหน้ากวาดล้างการทุจริตภายในประเทศเพื่อเรียกความเชื่อมั่นและดึงอำนาจกลับเข้ามาในมือ

ในช่วงปี 2013 มีนักธุรกิจทรงอิทธิพลหลายคนในวงการอสังหาริมทรัพย์และพลังงานที่หายตัวไป จากการพัวพันในคดี นายโจว หย่ง คัง อดีตกุนซือด้านความมั่นคงของจีน ที่ถูกตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิตในข้อหาทุจริตในปี 2015

นายกั่ว กวง ชาง มหาเศรษฐีพันล้านและประธานกลุ่มบริษัทการเงิน ฝอซัน อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นเศรษฐีนักธุรกิจจีนอีกหนึ่งคน ที่จู่ๆ ก็หายตัวไปอย่างลึกลับในชั่วระยะหนึ่งในปลายปี 2015 ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวในภายหลัง โดยไม่ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดของการหายตัวไป

เพียงแต่กล่าวว่าได้ให้ความช่วยเหลือแก่ทางการจีนในการสอบสวนทางคดีคดีหนึ่ง ที่นายกั่วไม่ได้ระบุว่าเป็นคดีใด

 

ขณะที่การหายตัวไปล่าสุดของ นายเสี่ยว ยังมีขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากทางการจีนตัดสินโทษจำคุก นายซู่ เซียง อดีตผู้จัดการกองทุนจีน เป็นเวลา 5 ปีครึ่ง ในข้อหาปั่นหุ้น ซึ่งถือเป็นการตัดสินคดีนักลงทุนชั้นนำชาวจีน หลังเกิดเหตุทุบตลาดหุ้นจีนในปี 2015 ที่ตามกระแสข่าวก็มีการเชื่อมโยงว่านายเสี่ยวมีส่วนเกี่ยวพันกับการทุบตลาดหุ้นจีนด้วย ที่ก็อาจเป็นเหตุผลเบื้องลึกของการหายตัวไปของนายเสี่ยวครั้งนี้

อย่างไรก็ดี ในกรณีของนายเสี่ยวและนักเขียนชาวฮ่องกง 5 คน ที่หายตัวไปจากฮ่องกงก่อนหน้านี้ ได้จุดกระแสโกรธเกรี้ยวขึ้นในหมู่ชาวฮ่องกง จากความเชื่อว่ารัฐบาลปักกิ่งอยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของบุคคลเหล่านี้ ซึ่งถือเป็นการล้วงลูกกันอย่างอภัยไม่ได้

เพราะแม้ฮ่องกงจะเป็นดินแดนใต้อาณัติจีน แต่ฮ่องกงยังคงถือว่าตนเองมีสิทธิ์อธิปไตยอย่างเต็มที่ในฐานะเขตปกครองตนเอง ซึ่งจีนแผ่นดินใหญ่ไม่มีสิทธิ์มาล้วงลูกกัน

เรื่องนี้ยังเป็นแค่หนึ่งในประเด็นปัญหาของการกระทบกระทั่งกันระหว่างชาวฮ่องกงกับรัฐบาลปักกิ่งที่มีอยู่เป็นระยะๆ

ซึ่งฮ่องกงจะต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ว่าตนเองกำลังถูกจีนล้วงลูกอยู่จริงหรือไม่…