ใส่บ่าแบกหาม/พรพิมล ลิ่มเจริญ/ The Kindergarten Teacher

ใส่บ่าแบกหาม/พรพิมล ลิ่มเจริญ

The Kindergarten Teacher

เธอจ๊ะ

The Kindergarten Teacher สนุกและเป็นหนังดี

เห็นชื่อหนังธรรมดาๆ ว่า ครูอนุบาล แต่เนื้อในหนังมันช่างน่าสนใจ

มันเคยเป็นหนังอิสราเอลมาก่อน ฮอลลีวู้ดเอามาสร้างใหม่ ให้ Maggie Gyllenhaal นำแสดง เป็นครูอนุบาลคนนี้ คนที่มีชีวิตดีๆ อยู่ แต่จัดการมันจนกลายเป็นอีกอย่าง

ผู้กำกับฯ เขาเก่งน่ะ เอามาดัดแปลงใหม่ ไม่เคยดูหนังต้นฉบับ แต่จากแนวคิดที่ฟังเขาให้สัมภาษณ์ พบว่าหาจุดเด่นของหนังจุดใหม่ เนื้อเรื่องเดิม เพื่อไม่ให้เหมือนต้นฉบับ

หาแนวเรื่องหาโทนให้หนังใหม่ “ดี” บอกได้คำเดียว

ในข่าวก็ว่าได้รางวัลสาขากำกับฯ จากเทศกาลหนังซันแดนซ์ ก็สมควรมาก

เรื่องก็เริ่มที่คุณครูลิซ่า คุณครูคนดีของเด็กๆ สอนเด็กเขียนอ่านพยัญชนะ แต่เด็กอนุบาลน่ะนะ จะอยากเขียนอยากอ่านไหม

คุณครูลิซ่าก็พยายามอย่างยิ่งยวดในการชี้ชวนให้เขียน ทั้งๆ ที่เห็นว่านักเรียนหนูน้อยทั้งหลายเบื่อหน่ายจะตายคาดินสออยู่แล้ว

To hell with the core curriculum.

ช่างเหอะหลักสูตรแกนกลาง

ครูทนเห็นเด็กง่วงเหงาหาวนอนไม่ได้แล้ว มาร้องเพลงกันดีกว่า แล้วเล่นเกมต่อคำกันให้สนุกสนานกันเชียว หน้าตาเหนื่อยหน่ายไปจากหน้านักเรียนในบัดดล

ตอนสอนวาดเขียน ครูลิซ่าก็ชี้ชวนนักเรียนหาสีใหม่ๆ ระบายสี

Now, do you think you guys can make

a chrome yellow?

Like in Van Gough’s “Wheat Fields”?

หนูใช้สีเหลืองเข้มกันไหมคะ?

แบบรูปทุ่งข้าวสาลีของแวนโก๊ะไงคะ?

เวลาดูหนังที่มีฉากโรงเรียนอนุบาลเมืองฝาหรั่งแล้วก็ให้นึกอิจฉาเขาทุกที เขาสอนเด็กแบบมีสาระดีน่ะ ฉันก็ไปหาอ่านหลักสูตรแกนกลางของเขา แบบในหนังก็ไม่ได้โกหกนะ วิชาศิลปะเขาก็สอนแบบนี้กันจริงๆ

มีแม้กระทั่งให้นักเรียนได้รู้จักงานศิลปะของศิลปินเอกของโลก นักเรียนก็จะได้หัดพินิจ สังเกต วิเคราะห์ ได้รู้จักแวนโก๊ะกับดอกทานตะวัน เด็กๆ ก็จะได้วาดรูปดอกทานตะวันของตนเอง เป็นต้น

ไม่ต้องวาดรูปบ้านที่มีเสาสี่เสาสูงๆ มีภูเขากับพระอาทิตย์แบบที่เราวาดๆ กันมา

ไม่ต้องมีใครมาให้คะแนนงานศิลปะของเรา สอนให้เด็กรู้ว่าทุกผลงานมีคุณค่า เพราะมันผ่านฝีมือของเรา

ไม่เหมือนเธอและฉันที่ต้องสงสัยในยามโตเป็นผู้ใหญ่แล้วว่า ชีวิตวัยเด็กของเรานี้หนออยู่กรุงเทพฯ ชั่วนาตาปี บ้านทำจากปูนไม่มีใต้ถุนสูง

แต่เหตุไฉนทำไมวาดรูปออกมา จึงเป็นบ้านไม้มีสี่เสาสูงและภูเขาและดวงอาทิตย์กำลังขึ้นอยู่ได้?!

 

ชีวิตครูลิซ่าไม่มีสิ่งใดน่าตื่นเต้น ติดจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ สามีก็ไม่น่าตื่นเต้น ลูกเต้าก็โตแล้ว และมีแต่จะห่างเหินกันออกไปทุกที ครูลิซ่าเลยไปลงเรียนวิชาเขียนโคลงกลอน หลังเลิกงานก็ไปเรียน

My teacher said I need to put

more of myself in my work.

ครูบอกว่าฉันต้องเอาตัวเอง

ใส่ลงไปในงานเขียนให้มากกว่านี้

กลับบ้านมาตอนค่ำ ก็ได้แต่บ่นเรื่องเดิมๆ ให้สามีฟัง ฝีมือเขียนกลอนสวนทางกับปลายปากกา

อยู่มาวันหนึ่ง หลังเลิกเรียน หนูน้อยจิมมี่ที่พี่เลี้ยงมารับช้า เดินไปเดินมาอยู่คนเดียว พึมพำๆ อะไรหนอ แต่พอให้คุณครูจับใจความได้

Anna’s beautiful…

beautiful enough for me.

The sun hits her yellow house.

It’s almost like a sign from God.

เด็กอายุสี่ขวบพูดออกมาเป็นโคลงสวยงาม มีความหมายล้ำลึก

ลิซ่ารีบจดไว้ แล้วเอาไปอ่านในชั้นเรียนราวกับตนเองเป็นคนเขียนขึ้นมาเอง

ทันใดนั้นเอง จากคนที่ไม่เคยมีคนสนใจ นำเสนออะไรไปไม่มีใครสนใจจะวิพากษ์ กลับกลายเป็นว่าชิ้นงานนี้ของเธอ กลายเป็นสิ่งล้ำค่าประดุจดั่งเพชรทองขึ้นมาในบัดดล

ครูผู้สอนที่ไม่รู้ว่าลิซ่าเป็นใคร ก็หันมาให้ความสนใจท่วมท้นล้นใจ

ลิซ่าหันมาให้ความสนใจกับหนูจิมมี่

Talent is so…fragile and so rare.

And our culture does everything

to crush it.

พรสวรรค์เป็นสิ่งเปราะบางและหายากนัก

วัฒนธรรมของเราทำทุกสิ่งทุกอย่าง

ในการทำลายมันให้ย่อยยับ

ลิซ่ามีความเห็นเช่นนี้และเป็นความเห็นอันแรงกล้า

ลิซ่าบอกพี่เลี้ยงของหนูจิมมี่ให้จดไว้ เวลาเขาพูดกลอนออกมา

พฤติกรรมลิซ่าเริ่มออกแนวหลอน และหลอนขึ้นเรื่อยๆ หนูจิมมี่นอนกลางวันอยู่ก็ปลุกให้ลุกขึ้นมา พาไปคุยที่สนามเด็กเล่นบ้าง จูงไปคุยในห้องน้ำบ้าง พาไปนู่นมานี่

จะเรียกว่าคุยก็บอกได้ไม่เต็มปาก เหมือนเป็นการหว่านล้อม โอ้โลมปฏิโลมแต่ไม่ได้มีเรื่องเซ็กซ์ที่ฉันกลัวแทนเขา ลิซ่าบอกโจทย์ที่ได้มาจากชั้นเรียน เพื่อให้หนูจิมมี่ได้ซึมซับเข้าไปในหัวสมอง จะได้พูดโคลงออกมา แล้วไง? ลิซ่าจะได้เอาไปใช้งานน่ะสิ

I did it in the name of his talent.

ฉันทำไปในนามของพรสวรรค์ของเขา

ลิซ่าสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง

ยิ่งหนูจิมมี่น่าสนใจมากขึ้นเท่าไหร่ ลิซ่าก็ยิ่งห่างเหินจากครอบครัวเท่านั้น เดิมก็เหินห่างร้างกันอยู่แล้ว

ลูกชายจะไปเป็นทหารทั้งๆ ที่ห้ามแล้ว พ่อมีบทบาทนิดหน่อยในการปลอบใจ

Don’t worry.

He always lands on his feet.

ไม่ต้องห่วง

ลูกกลับมาดีได้ทุกทีแหละ

to land on (someone’s) feet หมายถึง พอเพลี่ยงพล้ำหกล้ม ก็ลุกขึ้นมาฟื้นยืนได้ใหม่

ข้างฝ่ายลูกสาว

You’ve been acting like you’re

the cultural ambassador

to the UN or something.

ทำตัวอย่างกับเป็นทูตวัฒนธรรม

ของสหประชาชาติทำนองนั้น

ลูกสาวพูดแรงใส่แม่ หมายถึงตั้งแต่ไปลงเรียนโคลงกลอน ก็มาทำยกตัวข่มท่านเยี่ยงนั้นใส่ลูกๆ

You worked your ass off

and look where you are.

แม่ทำงานจะเป็นจะตาย

ดูตัวเองสิถึงไหนกันเชียว

 

พฤติกรรมของครูลิซ่าหลอนขึ้นเรื่อยๆ ไปหาพ่อของหนูจิมมี่ ไปขอพาลูกเขาไปงานอ่านโคลง ฯลฯ

You’re leeching off a child.

You break the whole trust

that goes into a classroom.

คุณไปจูงจมูกเด็ก

คุณทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจ

ที่ได้จากในห้องเรียน

leech off หมายถึง จูงไปไหนๆ แบบจูงหมาจูงแมว

ครูลิซ่าสนใจไหม? ไม่! ไม่เลย!! ไม่แคร์?!!!

แม็กกี้ จิลเลนฮอล แสดงดียอดเยี่ยม ดูเป็นหญิงมีความซับซ้อนทางอารมณ์ แล้วอารมณ์มันแรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนเราจะรู้สึกหลอนๆ ท่ามกลางภาพสวยเพลงก็เพราะแบบอ้างว้างร้างไร้ไม่มีใครเข้าใจฉันเลย

ตอนนี้เขาฉายอยู่ที่ Bangkok Screening Room กูเกิลดูนะ แล้วออกจากบ้านไปดู คุ้มค่าการเดินทาง

ฉันเอง