เมื่อวันที่18 มกราคม ที่กองบังคับการตำรวจจราจร(บก.จร.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.)  พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร. และ พ.ต.อ.ชัชชัย สำเนียง ผกก.5 บก.จร. ปล่อยแถวในพิธีแก้ไขปัญหาจราจร และลดปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ตามมาตรการเร่งรัดจราจร คืนพื้นผิวจราจรและการบังคับใช้กฎหมาย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร 88 สน. และ บก.จร. กว่า 150 นาย พร้อมรถยก เพื่อเคลื่อนย้ายรถที่จอดกีดขวางจราจร จนทำให้การความติดขัดบนถนนสำคัญ 21 สายหลักทั่วกรุงเทพมหานคร

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ภายหลังการประชุมหารือแก้ไขปัญหารถยนต์ควันดำเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ที่ประชุมได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาจึงได้มีข้อสั่งการให้ดำเนินการทางตรวจจับอย่างเข้มงวดมากขึ้น กระทั่งสามารถจับรถควันดำเกินมาตรฐานได้กว่า 1,200 คัน แบ่งเป็นรถบรรทุกใหญ่มากกว่ารถขนาดเล็กหรือรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลและรถเก่า พร้อมกันนี้จะได้ตรวจสอบว่ารถดังกล่าวเป็นของบริษัทใดบ้าง ก่อนจะรายงานและประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสั่งไปยังบริษัทนั้นๆ ว่าควรทำอย่างไรต่อไป และห้ามไม่ให้นำรถดังกล่าวกลับมาใช้ซ้ำบนท้องถนนได้อีก โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับคำสั่งห้ามไม่ให้นำรถบรรทุกขับเข้ามาภายในเมืองในชั่วโมงเร่งด่วนเช้า ตั้งแต่เวลา 06.00น.-14.30น.

สำหรับการคืนพื้นผิวจราจรในบริเวณที่มีโครงการก่อสร้างต่างๆ นั้น รองผบช.น.กล่าวว่า ทางตำรวจได้ประสานไปยังเจ้าของโครงการเพื่อเร่งรัดให้ดำเนินการอย่างเร็วมากที่สุด เพื่อเปิดช่องทางให้รองรับรถยนต์ได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ฝุ่นจิ๋วลดลง โดยภายในสัปดาห์หน้าจะมีการหารือกันต่อไป นอกจากนี้ ทางตำรวจได้มีการพัฒนาเครื่องมือสมัยใหม่ซึ่งมีคุณสมบัติการใช้งานโดยวัดความทึบแสง หากมีปริมาณควันดำผ่านสัญญาณตรวจจับเกินกว่าร้อยละ 50 จะทำการออกใบสั่งและยึดใบขับขี่ พร้อมโทษเปรียบเทียบปรับอีกไม่เกิน 1,000บาท โดยเครื่องมือนี้ได้รับการตรวจสอบจากกรมควบคุมมลพิษ(คพ.) จึงมั่นใจมากในระดับหนึ่งว่าเรามีมาตรฐานการทำงานที่ดีพอ พร้อมกันนี้เราได้สั่งอบรมเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ให้สามารถรองรับและเข้าใจการทำงาน ภายหลังมีการขยายจุดตรวจควันดำเพิ่มจากเดิม 12 จุดเป็น 20 จุด ส่วนสถานการณ์ฝุ่นละอองที่รุนแรงนั้น เบื้องต้นได้ร่วมมือกับ คพ. ในการสั่งห้ามไม่ให้ใช้รถควันดำซึ่งจะติดสติ๊กเกอร์เตือนเป็นเวลา 30 วัน โดยหากไม่นำไปปรับแก้ต่อไป ก็จะสั่งห้ามใช้รถเด็ดขาด

มติชนออนไลน์