ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 กันยายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
‘หินตั้ง’ ในผี
‘เสมาหิน’ ในพุทธ
เสมาหินเป็นแท่งหินปักบอกเขตศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาพุทธ เมื่อราว 1,500 ปีมาแล้ว หรือหลัง พ.ศ. 1000 หลังจากนั้นมีพัฒนาการเป็นใบเสมาตราบจนทุกวันนี้
อินเดียและลังกาไม่พบเสมาหิน แต่พบเก่าสุดและมากสุดในอีสาน เรื่องนี้ อ.ศรีศักร วัลลิโภดม บุกเบิกสำรวจตรวจสอบทั่วอีสานมากกว่า 50 ปีมาแล้ว พบว่า “เสมาหิน” ในศาสนาพุทธมีต้นตอจาก “หินตั้ง” บอกพื้นที่เฮี้ยนและขลังในศาสนาผีสมัยดึกดำบรรพ์หลายพันปีมาแล้ว หลักฐานความสืบเนื่องที่สำคัญแห่งหนึ่งอยู่บนภูพระบาทบัวบก-บัวบาน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี (ปัจจุบันกรมศิลปากรเรียกอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท)
ภูพระบาทเมื่อมากกว่า 10 ปีมาแล้ว กรมศิลปากรเคยส่งชื่อเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลก แต่มีปัญหาในคำอธิบายต้องขอเรื่องคืนมาปรับปรุงแก้ไขใหม่ เพราะระแคะระคายว่าจะไม่ผ่าน เนื่องจากคำอธิบายคับแคบอยู่ในกรอบคิดอนุรักษนิยมสุดโต่งทางประวัติศาสตร์ศิลปะ (แบบอาณานิคม) แล้วตัดทิ้งข้อมูลทางสังคมและวัฒนธรรมตามแนวทางมานุษยวิทยาสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องหินตั้งมีลักษณะสากลในวัฒนธรรมหิน (Megalith culture)
ถ้ากรมศิลปากรไม่ยอมรับความจริงในเรื่องเหล่านี้ โดยพยายามหักหาญตามอำเภอใจด้วยอำนาจนิยมของกลุ่มอนุรักษนิยมสุดโต่งทางประวัติศาสตร์ศิลปะ (แบบอาณานิคม) ปัญหาก็ไม่จบ และต้องใช้งบลงทุนจ้างเหมาบริษัทเอกชนทำโครงการซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ไม่ผ่านมรดกโลกอีกนั่นแหละ
โลกไม่เหมือนเดิม รัฐราชการอำนาจนิยมรวมศูนย์รับมือไม่ทันความเปลี่ยนแปลง เพราะยอมจำนนในกรอบคิดอนุรักษนิยมสุดโต่งทางประวัติศาสตร์ศิลปะ (แบบอาณานิคม)
หินตั้งในวัฒนธรรมหิน
คนในวิถีกสิกรรมทํานาทําไร่แบบพึ่งพาธรรมชาติสมัยเริ่มแรก ซึ่งล้าหลังทางเทคโนโลยี ต้องมีพิธีกรรมเป็นคําบอกเล่าวิงวอนร้องขอต่อผีฟ้า (คือ อํานาจเหนือธรรมชาติ) เพื่อความอยู่รอดสําคัญอย่างยิ่ง 2 เรื่อง ได้แก่
(1.) ขอความคุ้มครองป้องกันจากผีร้ายในชีวิตประจําวัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคภัยไข้เจ็บและตาย กับ (2.) ขอความอุดมสมบูรณ์ในพืชพันธุ์ว่านยาข้าวปลาอาหาร ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำมาหากินทํานาทําไร่
เนื้อหาคําบอกเล่าสมัยเริ่มแรกไม่ยาว และได้รับความเชื่อถือร่วมกันอย่างแข็งแรงว่าเฮี้ยนขลัง และเป็นจริงทั้งหมดซึ่งใครจะละเมิดมิได้ โดยมีโครงสร้างหลักประกอบด้วย (1.) กําเนิดโลก (2.) กําเนิดมนุษย์ (3.) ความเป็นมาของชาติพันธุ์ (4.) คําวิงวอนร้องขอเรื่องต่างๆ ตามต้องการ
คําบอกเล่ามีพลังผนึกความเป็นปึกแผ่นของเผ่าพันธุ์ (หรือชาติพันธุ์) ดังนั้น ชุมชนสมัยเริ่มแรกมีพิธีกรรมตามคําบอกเล่าเหล่านั้น พบหลักฐานหลากหลายเหลือเป็นซากสิ่งต่างๆ ได้แก่ ไม้, โลหะ, หิน เป็นต้น แต่ที่สําคัญและพบกว้างขวาง คือหินรูปร่างหลากหลายลักษณะและขนาดต่างๆ เช่น แผ่นผา, แท่ง, ก้อน, สะเก็ด ฯลฯ ทางวิชาการสากลเรียกวัฒนธรรมหิน (Megalith culture) เรียกง่ายๆ เป็นที่รับรู้ทั่วไปว่า “หินตั้ง” หินจึงมีคําบอกเล่าสมัยเริ่มแรกเป็นเรื่องราวมหัศจรรย์พันลึก แต่อาจถอดรหัสคลาดเคลื่อนจึงไม่ถือเป็นยุติ
ในหินมีคําบอกเล่าเป็นพิธีกรรมสืบเนื่องจากความเชื่อเรื่องขวัญ ว่า ขวัญเคลื่อนไหวออกจากร่างจริงแล้วไปสิงสู่อาศัยในวัสดุต่างๆ ก็ได้ ไม่ว่าท่อนไม้, กองดิน, ก้อนหิน ฯลฯ โดยสมมุติเรียกสิ่งนั้นว่าร่างเสมือน ดังนั้น บรรดาขวัญของคน, สัตว์, พืช, สิ่งของเครื่องมือเครื่องใช้, อาคารสถานที่ ไปสิงสู่อาศัยร่างเสมือนได้ทั้งนั้น และร่างเสมือน ที่สําคัญอย่างยิ่งคือหิน
ร่างเสมือนเป็นคําผูกใหม่โดยถอดความหมายจากคํานิยามของนายควอริตช์ เวลส์ (นักปราชญ์ชาวอังกฤษ ผู้เคยมารับราชการเป็นที่ปรึกษาในราชสํานักสยาม ยุค ร.6 และ ร.7 และบุกเบิกการศึกษาค้นคว้าเรื่องพิธีกรรมดึกดําบรรพ์ในโลก รวมถึงพระราชพิธีต่างๆ ของสยาม) เขียนว่า “The substitute body of the dead chief” อยู่ในหนังสือ Prehistory and Religion in South-East Asia ของ H.G. Quaritch Wales, (London : Bernard Quaritch) 1957, 35. ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับงานวิชาการของนายควอริตช์ เวลส์ ได้จากบทความวิชาการภาษาไทย เรื่อง “หินตั้ง, หินใหญ่ และความตายในศาสนาผี กับพระนอน และพุทธประวัติตอนปรินิพพาน” ของ ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ กรกฎาคม 2564 (ไม่มีเลขหน้า)
หินถูกสมมุติเป็นร่างเสมือนของหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งพบไม่น้อยในคําบอกเล่าท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศและต่อเนื่องถึงเพื่อนบ้านซึ่งเกินวิสัยที่จะรวบรวมได้หมด แต่ที่รู้จักกว้างขวางขณะนี้ได้แก่คําบอกเล่าท้องถิ่น แสดงความสัมพันธ์ทางสังคม-วัฒนธรรมและการค้า-การเมือง บนเส้นทางการค้าทางทะเลเลียบชายฝั่งระหว่างจีนกับบ้านน้อยเมืองใหญ่รอบอ่าวไทย ซึ่งมีหลายสํานวนแตกต่างในรายละเอียดตามปากคําท้องถิ่นนั้นๆ ตัวอย่างที่พบลายลักษณ์อักษรมีเรื่องตาบ้องไล่ ยายรําพึง (อยู่ในหนังสือ นิราศตังเกี๋ย ของ หลวงนรเนติบัญชากิจ (นายแวว) แต่ง พ.ศ. 2430 คุรุสภาพิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2504 หน้า 9-11) อีกฉบับหนึ่งเรื่องท้าวม่องไล่, เจ้ากงจีน และเจ้าลาย (มีผู้จดเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วพิมพ์ไว้ในหนังสือ สมุดราชบุรี พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2468 หน้า 55-63)
หินตั้งหรือวัฒนธรรมหินเป็นวัตถุทางความเชื่อในศาสนาผีเพื่อแสดงพื้นที่เฮี้ยนและขลังอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันก็เป็นร่างเสมือนมีขวัญสิงสู่ ครั้นหลังรับศาสนาพุทธจากอินเดียจึงถูกปรับเปลี่ยนเป็นเสมาบอกเขตศักดิ์สิทธิ์ แล้วสลักภาพเล่าเรื่องเป็นร่างเสมือน