รูดม่านเปิดศึก ‘ซีเกมส์ 2023’ ภารกิจทัพไทยครองเจ้ากีฬาสากล

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการ กกท.

มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 “แคมโบเดีย 2023” เปิดฉากการแข่งขันอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย โดยจะมีการชิงชัยระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคมนี้ ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา รวมแข่งขันทั้งหมด 38 ชนิดกีฬา และมีการชิงชัยทั้งสิ้น 584 เหรียญทอง

ในส่วนของทัพนักกีฬาทีมชาติไทยส่งเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 1,148 คน แบ่งเป็น นักกีฬา 847 คน เจ้าหน้าที่ประจำทีม 301 คน ซึ่งจะร่วมชิงชัย 36 ชนิดกีฬา และอยู่ในข่ายได้ลุ้น 528 เหรียญทอง

ยกเว้น วิ่งฝ่าอุปสรรค รวมถึง กุนแขมร์ อานิส และขุน โบคาตอร์ อีเวนต์ย่อยในกลุ่มมาเชียลอาร์ต

สำหรับความคาดหวังของทัพไทยในศึกซีเกมส์ 2023 ได้มีการประเดิมจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไว้ที่ 164 เหรียญทอง

ขณะที่การประเมินจากการแถลงข่าวความพร้อมของสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย รวมกันได้อยู่ที่ 112 เหรียญทอง

 

ในกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้ คนไทยก็มีความคาดหวังอยู่แล้วว่า ทัพนักกีฬาไทยจะทำผลงานได้ดี อย่างไรก็ตาม จากการที่ กกท.ได้วิเคราะห์ประเมินความคาดหวังของทัพไทยอยู่ที่คว้า 164 เหรียญทอง โดย กกท.ได้ดูตามบริบทว่าทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งเรื่องสนามแข่งขัน และความพร้อมด้านต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเป้าหมาย 164 เหรียญทอง ทาง กกท.ได้มีการวิเคราะห์จากสมาคมกีฬาต่างๆ โดยได้ดูสถิติ และสิ่งต่างๆ แต่ต้องอย่าลืมว่ายังมีปัจจัยเสี่ยงที่ได้มีการวิเคราะห์จากแต่ละชนิดกีฬา และอีเวนต์ต่างๆ ซึ่งทำให้ทัพไทยมีความเสียเปรียบไปตั้งแต่ตอนแรกก่อนจะแข่งขันแล้ว

“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการ กกท. ในฐานะประธานคณะกรรมการเตรียมนักกีฬาทีมชาติไทย ระบุว่า เป้าหมายในซีเกมส์ครั้งนี้ของเราก็คงต้องเป็นเจ้ากีฬาสากล แต่เราก็จะเจาะลึกลงไปในแต่ละอีเวนต์ด้วย ไม่ใช่คำว่ากีฬาสากลในครั้งนี้จะเป็นสากลอย่างแท้จริง เพราะบางทีชื่อชนิดกีฬาเป็นสากล แต่ไส้ในเนื้อในอีเวนต์ไม่เป็นสากล

“เราก็จะต้องดูด้วย ต้องชี้แจงให้พี่น้องคนไทยได้เข้าใจว่าที่เราจะเน้นจริงๆ คือกีฬา หรืออีเวนต์ที่ต่อยอดไปสู่เอเชี่ยนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ต่อไปได้ เนื่องจากบางชนิดกีฬาบางอีเวนต์ในรุ่นที่เรามีความหวังจะต่อยอดไปเอเชี่ยนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ ปรากฏว่า ไม่มีแข่งในซีเกมส์ครั้งนี้ ทำให้เราก็เสียดายโอกาส”

 

ด้านการประเมินจากสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งเป้ารวมกัน 112 เหรียญทอง

แบ่งแยกตามชนิดกีฬาดังนี้

กรีฑา 12 เหรียญทอง, คิกบ็อกซิ่ง 7 เหรียญทอง, เซปักตะกร้อ 7 เหรียญทอง, เทควันโด 5 เหรียญทอง, มวยสากล 5 เหรียญทอง, หมากรุกสากล 5 เหรียญทอง, ว่ายน้ำ 5 เหรียญทอง, เปตอง 4 เหรียญทอง, กอล์ฟ 4 ทอง, เจ็ตสกี 4 เหรียญทอง

ยูยิตสู 3 เหรียญทอง, โววีนัม 3 เหรียญทอง, ยูโด 3 เหรียญทอง, เรือยาวมังกร 3 เหรียญทอง, เรือใบ 3 เหรียญทอง, จักรยาน 2 เหรียญทอง, วอลเลย์บอล 2 เหรียญทอง, บาสเกตบอล2 เหรียญทอง, ปันจักสีลัต 2 เหรียญทอง, เทเบิลเทนนิส 2 เหรียญทอง, เทนนิส 2 เหรียญทอง, ซอฟท์เทนนิส 2 เหรียญทอง แบดมินตัน 2 เหรียญทอง, ฟันดาบ 2 เหรียญทอง

ยกน้ำหนัก 2 เหรียญทอง, ฟุตบอล 2 เหรียญทอง, ฮอกกี้ 2 เหรียญทอง, ฟลอร์บอล 2 เหรียญทอง, ฟินสวิมมิ่ง 2 เหรียญทอง, สนุกเกอร์ 2 เหรียญทอง, อีสปอร์ต 2 เหรียญทอง, คริกเก็ต 1 เหรียญทอง, วูซู 1 เหรียญทอง, คาราเต้ 1 เหรียญทอง, มวยปล้ำ 1 เหรียญทอง, วินด์เซิร์ฟ 1 เหรียญทอง, ยิมนาสติก 1 เหรียญทอง, ไตรกีฬา 1 เหรียญทอง และเทคบอล 3 เหรียญทอง (กีฬาสาธิตไม่นับเหรียญรางวัล)

 

จากการประเมินของทั้ง กกท. และสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาฯ ถือว่ามีเป้าหมายทะลุ 100 เหรียญทอง ซึ่งหากทัพไทยสามารถทำได้สำเร็จจะนับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ทัพนักกีฬาไทยโกยทองทะลุ 100 เหรียญ นับตั้งแต่เคยทำได้ครั้งสุดท้ายด้วยการคว้า 107 เหรียญทองในซีเกมส์ 2013 ที่กรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมา

หลังจากนั้นในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ผ่านมา ทัพนักกีฬาไทยทำผลงานได้ในซีเกมส์ 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์ คว้า 95 เหรียญทอง, ซีเกมส์ 2017 ที่ประเทศมาเลเซีย คว้า 71 เหรียญทอง, ซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ คว้า 92 เหรียญทอง และครั้งล่าสุด ซีเกมส์ 2021 ที่ประเทศเวียดนาม คว้าได้ 92 เหรียญทอง

ด้าน “บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ในฐานะหัวหน้าคณะนักกีฬาไทย ยืนยันว่า เป้าหมาย 112 เหรียญทองที่คาดการณ์ไว้นั้นเชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้ มีโอกาสสูงที่จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งก็อาจจะมีบวกลบเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนเป้าหมายเจ้าเหรียญทองชนิดกีฬาสากล หรือ สปอร์ตโอลิมปิก นั้น มีโอกาสเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน เนื่องจากชาติอื่นๆ ก็พัฒนามาตรฐานขึ้นมาได้ดี ทำให้ไม่สามารถมองข้ามได้ ดังนั้น เป็นการบ้านที่แต่ละสมาคมกีฬาจะต้องทำผลงานออกมาให้เต็มที่ที่สุด

 

แม้ซีเกมส์จะเป็นมหกรรมกีฬาในระดับภูมิภาคอาเซียน แต่ก็เป็นรายการที่มีชาวไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จึงจะเป็นมหกรรมกีฬาที่ทัพไทยไม่สามารถมองข้ามไปได้ และจะต้องพยายามเค้นศักยภาพของตัวเองออกมาให้เต็มที่ เพื่อสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ในครองเจ้ากีฬาสากลแห่งอาเซียนให้ได้

อีกทั้งจะเป็นบันไดในการต่อยอดศักยภาพของนักกีฬาไทยทุกคนในการก้าวเดินไปสู่มหกรรมกีฬาในระดับต่อไปที่ใหญ่มากขึ้น ทั้งเอเชี่ยนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ เพราะคงต้องอย่าลืมว่า ถ้ายังไม่สามารถก้าวข้ามอาเซียนไปได้ ก็ต้องไม่ต้องมองไปถึงในระดับเอเชีย หรือระดับโลกที่อยู่ห่างไกลออกไปได้

จากเป้าหมายของ กกท. 164 เหรียญทอง และของสมาคมนักข่าวช่างภาพฯ 112 เหรียญทอง ถือเป็นโจทย์ของทัพนักกีฬาไทยกับการทำภารกิจครั้งสำคัญในกีฬาซีเกมส์ 2023 และเราก็ห่างเหินจากการคว้าทะลุ 100 เหรียญทองมายาวนานถึง 10 ปีแล้ว

ดังนั้น คงจะต้องสิ้นสุดเวลาที่แฟนกีฬาชาวไทยทุกคนรอคอยมาอย่างยาวนานแล้วหรือยัง… •

 

 

เขย่าสนาม | เมอร์คิวรี่

[email protected]