คลี่ปมเงินค้างท่อฉุดรั้งกีฬาไทย จับมือร่วมฝ่าวิกฤตมุ่งสู่การพัฒนา

ยังคงเป็นปัญหาของวงการกีฬาไทยในรอบหลายปีที่ผ่านมา สำหรับกรณี “เงินค้างท่อ” ที่เกิดขึ้นกับสมาคมกีฬาต่างๆ ทั้งสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาจังหวัด ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อตัวนักกีฬาไทย และส่งผลทางอ้อมกับการพัฒนาของวงการกีฬาไทย…

จุดเริ่มต้นที่ปัญหานี้ระอุขึ้นมา ต้องย้อนไปเมื่อวันที่ 13 กันยายนปีที่ผ่านมา ซึ่งสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยต่างรวมตัวกันแจ้งเรื่องต่อ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ระหว่างการประชุมสรุปผลการดำเนินงานประจำปี 2565 และแผนดำเนินการปี 2566

ในครั้งนั้น สมาคมกีฬาต่างลุกขึ้นโจมตีการบริหารงานของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ที่มี ดร.สุปราณี คุปตาสา เป็นผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จนทำให้เกิดปัญหาเงินค้างท่อ และมีความล่าช้าอย่างมากในการนำเงินไปสนับสนุนการพัฒนาของนักกีฬาไทย จนส่งผลกระทบต่อภาพรวมทั้งหมด

ขณะเดียวกัน ผู้ว่าการ กกท. ได้รวบรวมข้อคิดเห็นของทุกคน รวมถึงปัญหาต่างๆ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหา พร้อมประกาศเดิมพันว่า ถ้าหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ภายใน 6 เดือน ก็จะขอพิจารณาตัวเอง เพราะถือว่าอยู่ไปแล้วไม่ได้ทำให้วงการกีฬาเติบโตขึ้นไปได้

ดร.สุปราณี คุปตาสา

จากวันนั้นถึงวันนี้…นับเวลาผ่านไปแล้วกว่า 6 เดือน แต่ปัญหาเงินค้างท่อยังไม่สามารถขจัดให้หายจากวงการกีฬาไทยได้อย่างหมดสิ้น อีกทั้งยังเกิดเป็นปัญหาลุกลามบานปลาย และกลายเป็นคลื่นใต้น้ำที่เกิดขึ้นระหว่าง กกท., กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และสมาคมกีฬาต่างๆ

ล่าสุดทาง สหพันธ์สมาคมกีฬาชาติ (ฟอนซ่า) ซึ่งมี “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย เป็นประธาน ได้มีการหารือร่วมกับสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ถึงปัญหาที่สมาคมกีฬาต่างๆ ได้รับผลกระทบจากการปฎิบัติงานของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ

พล.ต.อินทรัตน์ระบุว่า สมาคมกีฬามีปัญหาในการได้รับการจัดสรรงบประมาณมานานแล้ว หลายสมาคมกีฬาที่ต้องใช้งบประมาณในการพัฒนากีฬาเป็นเลิศ ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ต้องใช้งบประมาณในการคัดเลือก เพื่อไปร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024

หลายสมาคมกีฬาไม่สามารถส่งนักกีฬาเข้ารับการคัดเลือกโอลิมปิก ปารีส 2024 ได้ เนื่องจากได้รับงบประมาณไม่เพียงพอ จึงได้มีการนัดประชุมกับคณะกรรมการของฟอนซ่า เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน…

ภายหลังได้พูดคุยถึงแนวทางแก้ไขปัญหาได้ข้อสรุปว่า จะส่งเรื่องให้ผู้ว่าการ กกท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบการทำงานของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ 3 ประเด็น ทั้งเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และการใช้อำนาจอนุมัติการเบิกจ่ายเงินว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่นั้น

หลังจากนั้น คณะกรรมการบริหารฟอนซ่า ได้ยื่นเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักนายกรัฐมนตรี ในลำดับต่อไป เพื่อให้เป็นหน่วยงานของรัฐในการร่วมเข้ามาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับวงการกีฬาไทยในรอบหลายปีที่ผ่านมา

 

กกท.เทกแอ๊กชั่นเรื่องนี้ โดยได้แต่งตั้ง ถิรชัย วุฒิธรรม เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในประเด็นที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาการใช้อำนาจและการปฏิบัติหน้าที่ของผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาไม่ให้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อวงการกีฬาของประเทศ

ในส่วนของ ดร.สุปราณี ได้พยายามออกมาชี้แจงหลายต่อหลายรอบถึงแนวทางต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาเงินค้างท่อที่จะตบมือข้างเดียวไม่ดัง แม้จะมีการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาใช้ รวมทั้งยังได้ชี้แจงถึงเรื่องที่มีการร้องเรียนเข้ามาถึงการทำหน้าที่ของผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ

นอกจากนี้ ดร.สุปราณียังยืนยันว่า กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ทำงานในการดูแล 77 สมาคมกีฬาจังหวัด 89 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ดูแลทั้งมวยไทย และอาชีพ ดังนั้น การทำงานต้องเป็นไปตามกฎระเบียบ เงินควรจะตรงไปถึงสมาคมกีฬา และจะต้องมีเอกสารหลักฐานเบิกจ่ายถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม ปัญหาเงินค้างท่อถูกโยนกันไปมาถึงจุดที่เป็นคอขวดของปัญหานี้ ระหว่างคลังกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ กกท. เป็นฝ่ายดำเนินการ และการดำเนินการของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จนทำให้ไม่มีทางออกในการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง และกลายเป็นว่าปัญหายังคงคาราคาซังกันอยู่เช่นนี้

 

จากปัญหาเงินค้างท่อ ได้ลุกลามกลายเป็นปัญหาสำคัญในฉุดรั้งการพัฒนาวงการกีฬาไทยให้ก้าวเดินต่อไปในเวทีระดับชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้จะมี 3 มหกรรมกีฬาใหญ่ ทั้งซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา, เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่นครหางโจว ประเทศจีน, เอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียล อาร์ตเกมส์ ที่กรุงเทพฯ และชลบุรี

สถานการณ์ของวงการกีฬาไทยในตอนนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก และนักกีฬาไทยกำลังถูกตกเป็นตัวประกัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของตัวนักกีฬา และวงการกีฬาของชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น ดังนั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรจะต้องถอดหน้ากาก และเปิดออกคุยกันแบบจริงจัง

แนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทุกฝ่ายหันหน้ามาคุยหาทางออกร่วมกันดีกว่าหรือไม่ ทั้ง กกท., กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และสมาคมกีฬาต่างๆ รวมทั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานบอร์ด กกท. และบอร์ดกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นคนกลางในการฝ่าวิกฤตปัญหาใหญ่ของวงการกีฬาไทยครั้งนี้ได้

มิเช่นนั้นแล้วหากปล่อยให้นักกีฬาไทยตกเป็นตัวประกันเช่นนี้ จะส่งผลต่อการพัฒนาของกีฬาไทยอย่างแน่นอน และไม่ต้องคาดหวังเลยกับการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติว่าทัพนักกีฬาทีมชาติไทยจะทำผลงานประกาศศักดาได้ยิ่งใหญ่เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

แต่หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจับมือร่วมกันแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เชื่อว่าจะเป็นการปลดล็อกปล่อยตัวประกันให้นักกีฬาไทยได้รับการสนับสนุน และส่งเสริมศักยภาพได้อย่างเต็มกำลัง ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาของวงการกีฬาไทยในอนาคตได้อย่างแท้จริง… •

 

 

เขย่าสนาม | เมอร์คิวรี่

[email protected]