จะทนอีกนานไหม? ความในใจของแฟนเชลซี

แฟนบอล เชลซี มีความสุขและความทุกข์ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน

ความสุขที่ว่า คือ การเสริมทีมที่สุดว้าวในตลาดนักเตะหน้าหนาวที่ผ่านมา

ด้วยการทุ่มเงิน 291 ล้านปอนด์ ดึงสตาร์ดังอนาคตไกลมาร่วมทีม โดยเฉพาะการทุ่มเงินระดับ 100 ล้านปอนด์ซื้อ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ มาจากเบนฟิก้า การยืม เชา เฟลิกซ์ จากแอตเลติโก้ มาดริด รวมทั้งทุ่มทุนสร้างตัดหน้าคว้า มิเคย์โล มูดริก มาจากชักห์ตาร์ โดเนตส์ ทำให้แฟนบอลสิงห์บลูตั้งความหวังไว้สูงมาก

ความหวังที่ตั้งไว้ คือ การที่ทีมจะกลับมามีผลงานที่ดีเหมือนความคึกคักในตลาดนักเตะ แต่นับตั้งแต่ที่ เกรแฮม พ็อตเตอร์ เข้ามาคุมทีม ผลการแข่งขันก็ไม่ได้สร้างความสุขให้กับแฟนๆ เอาเสียเลย

15 เกมหลังสุด ชนะได้แค่ 2 นัดเท่านั้น แถมยังมาแพ้เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมบ๊วยของตารางคาบ้านอีก

ก่อนหน้านั้นก็โดนดอร์ตมุนด์ลูบคมมาก่อน 1-0 ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีม เกมแรก

ถ้าเป็นยุคของ “เสี่ยหมี” โรมัน อับราโมวิช เป็นเจ้าของ แล้วกุนซือทำทีมได้ย่ำแย่แบบนี้ แทบจะไม่เห็นโอกาสที่จะได้ทำงานต่อ โค้ชบางคนพาทีมไปถึงแชมป์ก็ยังต้องไป เรื่องนี้แฟนเชลซีเห็นกันจนชินตา

ต่างจากยุคของ ท็อดด์ โบห์ลี่ เจ้าของคนใหม่ ที่มีความอดทนสูงในเรื่องผู้จัดการทีม ท่ามกลางการต่อต้านของแฟนบอลที่ไม่อยากให้พ็อตเตอร์ทำหน้าที่ต่อไปแล้ว

กระแสข่าวก็ยังออกมาในเชิงที่ว่า โบห์ลี่ยังคงสนับสนุนกุนซือที่เขาเลือกมาต่อไป

ปัญหาของทีมสิงห์บลูในซีซั่นนี้ คือ ยิงไม่เป็น จำนวนประตูที่ทำได้ สวนทางกับคุณภาพของนักเตะอย่างเห็นได้ชัด 10 นัดที่ผ่านมารวมทุกรายการ ไม่มีนัดไหนที่ยิงได้มากกว่า 1 ประตูเลย และยิงได้แค่ 3 ประตูเท่านั้น

สิ่งที่เกิดขึ้นจึงมีคำถามตามว่า พ็อตเตอร์ยังรอดอยู่ได้อย่างไร?

 

การได้นักเตะมาเสริมเกือบทุกตำแหน่งขนาดนั้น ย่อมต้องใช้เวลาในการปรับและเขย่าให้ทุกคนกลมกลืนกัน พ็อตเตอร์เองก็ยอมรับว่าเป็นงานหนักมากที่จะทำให้ได้ แต่ตอนนี้รูปแบบการเล่นของทีมก็ดูดีขึ้น ถึงแม้จะยังไม่ดีพอก็ตาม และไม่คิดว่าตัวเองกำลังมีปัญหาอะไรเลย

ถ้าจะมองว่า โบห์ลี่เอา มิเกล อาร์เตต้า กับอาร์เซนอล มาเป็นตัวอย่างในการให้โอกาสพ็อตเตอร์ก็เป็นไปได้

เพราะอาร์เตต้าก็เหมือนจะชะตาขาดไปตั้งแต่เมื่อต้นฤดูกาลก่อน แต่กลับพาทีมนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ หรืออาจจะหวังผลระยะยาว ในการทำงานกับดาวรุ่งที่กำลังเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะพ็อตเตอร์ก็สร้างไบรท์ตันมาได้จากการได้รับเวลาเช่นกัน

แต่สิ่งที่ต่างกัน คือ ความคาดหวังในเรื่องของผลงาน เชลซีไม่ได้เป็นทีมที่ห่างหายแชมป์ แถมยังมีองค์ประกอบในการลุ้นแชมป์อย่างครบถ้วน ได้ไปเตะแชมเปี้ยนส์ลีกอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่อาร์เซนอลห่างหายจากแชมเปี้ยนส์ลีกไปเป็นทศวรรษแล้ว ความรู้สึกของแฟนบอลยอมต่างกัน

ในขณะที่ทีมอื่นๆ เดินหน้าเติบโต นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด กำลังเข้ามาท้าทายแย่งชิงท็อปโฟร์ หลังจากที่กลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบียมาเทกโอเวอร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เริ่มกลับสู่ความอันตรายอีกครั้ง แถมยังอยู่ในช่วงหาเจ้าของใหม่ ที่น่าจะมีเม็ดเงินมายกระดับทีมได้อีก

ถ้าโบห์ลี่มองว่าการรอคอยให้ปัจจัยต่างๆ ที่มีควบรวมกันแล้วค่อยหวังผล ต้องบอกว่าเป็นความคิดที่ผิดพลาด เพราะทีมใหญ่ระดับเชลซีไม่ได้ไปเตะแชมเปี้ยนส์ลีก ก็มีผลต่อรายได้และการสู้กับกฎไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์แล้ว

ข่าวดีสำหรับแฟนเชลซีตอนนี้อาจจะไม่ใช่การที่ทีมชนะ แต่เป็นข่าวปลดพ็อตเตอร์มากกว่า

แต่เมื่อไรจะเกิดขึ้นล่ะ!! •

 

Technical Time-Out | จริงตนาการ

[email protected]