จาก ‘เบรดี้’ สู่ ‘มาโฮมส์’ การเปลี่ยนยุคของลีกคนชนคน

บทสรุปของลีกอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอลฤดูกาลล่าสุด ดูจะเป็นจังหวะเวลาของการส่งไม้ต่อที่เหมาะเจาะพอดีจากตำนานคนหนึ่งสู่ว่าที่ตำนานอีกคน

ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทอม เบรดี้ ควอเตอร์แบ็กมือทองของ แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส ประกาศอำลาวงการคนชนคนแบบ “ถาวร” หลังทีมตกรอบเพลย์ออฟรอบแรก เป็นการรูดม่านปิดฉากยอดมือขว้างที่ใครๆ ยกย่องว่าเป็น “ที่สุดตลอดกาล” ของวงการ ด้วยผลงานการคว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลสูงสุด 7 สมัย และสถิติของลีกอีกนับไม่ถ้วน

เบรดี้ประสบความสำเร็จสุดยอดกับ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ที่เขาเล่นให้ถึง 19 ปี และคว้าแชมป์ 6 สมัย พอหมดสัญญาก็ย้ายไปบัคคาเนียร์ส พาทีมเป็นแชมป์ตั้งแต่ซีซั่นแรก ฤดูกาล 2020 จากนั้นประกาศอำลาวงการ ก่อนเปลี่ยนใจในอีกไม่กี่วันถัดมา

วันนี้ในวัย 45 ปี เบรดี้ยอมรับสภาพว่าตัวเองไม่ได้แข็งแกร่ง ว่องไวเหมือนก่อน และตัดสินใจอำลาวงการอย่างจริงจัง โดยยืนยันว่าจะไม่กลับมาแข่งขันอีกแล้ว

ทอม เบรดี้

2 สัปดาห์หลังเบรดี้ประกาศอำลาวงการ ศึกซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 57 ที่รัฐแอริโซนา กลายเป็นการขับเคี่ยวครั้งประวัติศาสตร์เมื่อ 2 ทีมที่โคจรมาพบกัน คือ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ และ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ต่างมีควอเตอร์แบ็กมือ 1 เป็นนักกีฬาผิวดำทั้งสิ้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของลีกเอ็นเอฟแอล

ก่อนเกมจะลงเอยด้วยชัยชนะของชีฟส์แบบสุดมัน เมื่อตกเป็นฝ่ายไล่ตามเกือบตลอดทั้งเกม แต่สุดท้ายแซงคว้าชัย 38-35 โดยพระเอกของงานคือ แพทริก มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็กวัย 27 ปี

มาโฮมส์ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าพลิกตั้งแต่การเล่นเพลย์ออฟรอบแรกๆ แต่ก็ยังพาทีมกรุยทางสู่รอบชิง และมาเจ็บซ้ำในช่วงครึ่งแรกจนต้องออกไปปฐมพยาบาล

เขากัดฟันลงแข่งขัน ขว้าง 3 ทัชดาวน์ พาทีมคว้าแชมป์สมัยที่ 3 และเป็นครั้งที่ 2 ของเจ้าตัวในการเล่นให้ชีฟส์ต่อจากปี 2019

มาโฮมส์ยังเป็นผู้เล่นคนแรกในรอบ 24 ปี ที่คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (เอ็มวีพี) ทั้งในฤดูกาลปกติและในรอบชิงซูเปอร์โบว์ล

อีกทั้ง 5 ฤดูกาลหลังสุด เขาพาชีฟส์เข้าถึงรอบชิงแชมป์สายเอเอฟซีได้ทุกครั้ง เป็นสถิติดีที่สุดอันดับ 2 ตลอดกาลของตำแหน่งควอเตอร์แบ็ก

แพทริก มาโฮมส์

การที่เบรดี้อำลาวงการอย่างถาวร ต่อเนื่องด้วยความสำเร็จของมาโฮมส์ในไม่กี่สัปดาห์ให้หลัง ทำให้สื่อและแฟนๆ คาดหวังว่าเอ็นเอฟแอลจะเข้าสู่ยุคของมาโฮมส์อย่างเต็มตัวหลังจากนี้ และ แอนดี้ รีด เฮดโค้ชของชีฟส์ก็บอกว่ามือขว้างคู่บุญของเขามีเป้าหมายที่การไล่ล่าความเป็นหนึ่งดังกล่าวด้วย

สิ่งหนึ่งที่ทำให้มาโฮมส์และควอเตอร์แบ็กยุคใหม่หลายๆ คน แตกต่างจากควอเตอร์แบ็กยุคก่อน คือความคล่องตัวและทักษะในการวิ่งด้วยตัวเอง

รอบชิงซูเปอร์โบว์ลหนล่าสุดทำให้แฟนๆ ลุ้นกันสนุกเพราะทั้งมาโฮมส์และ จาเลน เฮิร์ตส์ มือขว้างของอีเกิลส์ กล้าที่จะออกจากพื้นที่ปลอดภัย ถือลูกวิ่งด้วยตัวเอง

เฮิร์ตส์มีทั้งความเร็วและความแข็งแกร่ง บุกตะลุยประหนึ่งเป็นตัววิ่ง และทำระยะรวมในเกมนี้ได้ถึง 70 หลา เป็นสถิติสูงสุดสำหรับควอเตอร์แบ็กในการเล่นซูเปอร์โบว์ล

ส่วนมาโฮมส์อาจไม่บู๊เท่าเฮิร์ตส์ แต่ก็กล้าวิ่งเพื่อหาพื้นที่ หาจังหวะเหมาะสมในการขว้างลูกให้เพื่อนได้หลายครั้ง

ในแง่ความเก๋า การอ่านเกม สายตาที่เฉียบคม รวมถึงน้ำหนักการขว้างบอลที่เหมาะเจาะพอดี แน่นอนว่ามาโฮมส์และควอเตอร์แบ็กยุคใหม่ยังเป็นรองเบรดี้หรือตำนานมือขว้างคนอื่นๆ อยู่ ซึ่งเรื่องนี้จะเพิ่มพูนตามชั่วโมงบิน

แต่ที่แน่ๆ คือความกล้าเล่นของควอเตอร์แบ็กเหล่านี้ย่อมทำให้วงการคนชนคนหลังจากนี้มีไฮไลต์ให้ติดตามได้ไม่น่าเบื่ออย่างไม่ต้องสงสัย

และแน่นอนว่า แพทริก มาโฮมส์ จะเป็น “ตัวเอก” ที่ต้องจับตามองไปอีกหลายปีทีเดียว •

 

Technical Time-Out | SearchSri