‘เชียงใหม่’ ต่อยอด ‘คิงส์คัพ’ เป็นเจ้าภาพจัดกีฬานานาชาติ / เขย่าสนาม : เด็กเก็บบอล

เขย่าสนาม

เด็กเก็บบอล

[email protected]

 

‘เชียงใหม่’ ต่อยอด ‘คิงส์คัพ’

เป็นเจ้าภาพจัดกีฬานานาชาติ

 

หลังจากไม่ได้จัดการแข่งขันมาถึง 3 ปี ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ก็ได้กลับมาจัดกันอีกครั้งและจบลงไปอย่างยิ่งใหญ่ สมเกียรติกับที่ไม่ได้จัดมาหลายปีเลย

แน่นอนว่าในเรื่องของผลการแข่งขัน มันอาจจะไม่ถูกใจแฟนฟุตบอลชาวไทย เพราะ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ดันไปพลาดท่าไม่ได้เข้าชิงชนะเลิศ เพราะดวลจุดโทษพ่ายให้กับ “เสือเหลือง” มาเลเซีย อริร่วมภูมิภาค แถมยังตอกย้ำสถิติที่ 8 ปีหลังสุด เจอกัน 6 ครั้งไม่เคยชนะอีกด้วย

แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมาแก้ตัวได้กับทีมที่ผูกปีชนะตลอดอย่าง ตรินิแดด และโตเบโก คว้าอันดับ 3 มาครองได้ อย่างน้อยก็ไม่ได้จบบ๊วยอย่างครั้งล่าสุดที่บุรีรัมย์

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะมาพูดคุยกันในวันนี้ไม่ใช่เรื่องผลงานของทีมชาติไทย แต่มาพูดกันถึงการจัดการของเจ้าภาพอย่างจังหวัดเชียงใหม่ดีกว่า ที่ต้องบอกว่าทำได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้อย่างมากจากการที่ลงไปสัมผัสด้วยตัวเอง

เดิมทีตอนแรกที่จะมีการจัดคิงส์คัพ มีตัวเต็งที่เบียดลุ้นเจ้าภาพกันอยู่หลายจังหวัด ทั้ง เชียงราย หรือ สงขลา ที่เดินทางเข้าไปยื่นเจตจำนงกับทาง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ด้วยตัวเอง ในขณะที่สงขลาดูจะมีโอกาสมากเพราะเป้าใหญ่ของพวกเขาคือการขอเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ปี 2025 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพอีกด้วย

แต่สุดท้ายเป็นเชียงใหม่ที่ได้รับเลือก จากกระแสวงในที่มีการเปิดเผยว่าเพราะเชียงใหม่นั้นยินดีที่จะออกค่าใช้จ่ายในการจัดงานทั้งหมดด้วยตัวเอง ซึ่งสอดคล้องกับที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ช่วงหลังเองก็ “บ่จี๊” จึงยินดีให้เชียงใหม่ได้เป็นเจ้าภาพไป

 

ทว่า ในการจัดการแข่งขันมันก็มีดราม่าขึ้นมา ในเรื่องของการซื้อตั๋วเข้าชม เพราะทาง อบจ.เชียงใหม่ ในฐานะโต้โผใหญ่ของการจัดการแข่งขันครั้งนี้ แทบจะไม่ได้ปล่อยข้อมูลในการซื้อตั๋วเข้าชมออกมาเลย สวนทางกับความนิยมเพราะแฟนบอลพอเห็นฟุตบอลไปจัดเชียงใหม่ ก็อยากจะเดินทางไปชม ไปเชียร์ แถมได้ท่องเที่ยวไปด้วย

จนกระทั่งมีการประกาศช่องทางการจำหน่ายออกมา โดยจำหน่ายผ่านหน้าเพจเฟซบุ๊กของ อบจ.เชียงใหม่ ก็ถูกค่อนขอดว่าการแข่งขันระดับทีมชาติ แต่กลับมาขายบัตรผ่านหน้าเพจของ อบจ.

โดยคนค่อนขอดไม่ได้นึกถึงว่าการที่เชียงใหม่ดึงฟุตบอลระดับนี้ไปเป็นเจ้าภาพ เขาก็อยากให้คนในละแวกใกล้เคียง หรือแฟนบอลภาคเหนือ ได้มีโอกาสชมฟุตบอลทีมชาติแบบใกล้ชิด เพราะถ้าจัดกรุงเทพฯ จะให้แฟนบอลจากภาคเหนือเดินทางมาก็ไม่ง่าย ดังนั้น นี่คือโอกาสที่พวกเขาจะได้ชื่นชมแบบใกล้ชิด ไม่ต้องเดินทางไกล

อย่างไรก็ตาม มันก็มีข้อตำหนิเล็กน้อย เพราะทีมฟุตบอลทีมชาติไทยมีสิทธิพิเศษที่เรียกว่า “ช้างศึกเมมเบอร์” อยู่ และแฟนบอลกลุ่มนี้จะต้องได้ซื้อตั๋วล่วงหน้าก่อนคนอื่นๆ

แต่อันนี้ก็ต้องโทษสมาคมฟุตบอลฯ ที่ปล่อยบัตรทั้งหมดไปให้ อบจ.จำหน่ายคนเดียว ไม่เคลียร์ส่วนนี้เอาไว้ก่อนเอง

แต่ส่วนที่ไปเห็นแล้วรู้สึกชื่นชมอย่างมาก คือการขายตั๋วหน้าสนามแข่งขันวันแข่งขันจริง เพราะว่าฝ่ายจัดเคลียร์ปัญหาได้ดีมากๆ เห็นแฟนบอลมารอกันตั้งแต่เช้า ก็ใช้วิธีการแจกบัตรคิวไปเลย เพื่อที่แฟนบอลจะได้ไม่ต้องทนอากาศร้อน และเคลียร์พื้นที่คนมาซื้อตั๋วได้ดีมากๆ

ทำแบบนี้ คนที่รับบัตรคิวไปแล้ว สามารถกลับบ้านได้แล้วค่อยมาซื้อตั๋วช่วงใกล้ๆ แข่งเลยยังได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งรอจนถึงเวลา 12.00 น. ที่เริ่มเปิดขายบัตรจริงๆ เพราะเจ้าหน้าที่นั่งนับบัตรแบบเป๊ะๆ ว่าเหลือกี่ใบ ค่อยแจกบัตรคิว ดังนั้น ใครมีบัตรคิว ก็มีตั๋วแน่นอน

อีกจุดที่ฝ่ายจัดการแข่งขันทำได้ดีมากๆ คือโซนเฟสติวัลหน้าสนาม จากที่ปกติเวลาเตะที่ ราชมังคลาฯ หรือสนามอื่นๆ เรามักจะเห็นแต่บูธของสปอนเซอร์ต่างๆ ที่มาจัดกิจกรรม แต่ที่เชียงใหม่ เราได้เห็นโซนอาหาร ที่เรียกว่าขนอาหารเหนือมาให้แฟนบอลได้รองท้องก่อนเข้าไปชมฟุตบอลกัน

ข้าวซอย, ไส้อั่ว และสตรีตฟู้ดต่างๆ ถูกจัดมากันอย่างพร้อมเพรียง ใครไปสนามเร็ว ก็สามารถเติมพลังก่อนเข้าไปชมไปเชียร์ฟุตบอลได้ หรืออย่างเช่นในวันรอบชิง ที่ไทยเตะคู่แรก บอลจบทุ่มครึ่ง ก็ออกมาหาอะไรกินได้เช่นกัน

อีกจุดหนึ่งที่เจ้าภาพทำได้ดี คือการบริหารที่จอดรถสำหรับแฟนบอล คือแฟนบอลที่มาให้นำรถไปจอดที่หอประชุมเชียงใหม่ และมีรถรับส่งคอยวนส่งให้ เป็นรถซาฟารี (เหมือนสวนสัตว์) ซึ่งรอบหนึ่งสามารถจุได้หลายคน

สิ่งที่น่าชื่นชมเลยคือการระบายคนหลังจบเกม เพราะลองคิดสภาพถ้าเป็นราชมังคลากีฬาสถาน บอลจบเป็น 2-3 ชั่วโมง ถนนรอบๆ ราชมังคลาฯ ยังติดอยู่เลย แต่นี่บอลจบ 22.30 น. ออกมา 23.00 น. ถนนก็โล่งหมดแล้ว

 

ส่วนภาพในสนามการแข่งขันต้องบอกว่าออกมาดีอย่างมาก นัดแรกแฟนบอลเต็มสนามกว่า 16,000 คน (จำนวนน้อยกว่าความจุเพราะมีส่วนที่แบ่งให้แฟนบอลทีมเยือน) ส่วนนัดสองผู้ชมลดลงเหลือ 12,000 คน แต่ก็เป็นภาพที่สวยงามอยู่ ไม่ได้โหลงเหลงขนาดนั้น

เมื่อภาพทุกอย่างออกมาดีแบบนี้ จึงไม่แปลกใจเลยที่เชียงใหม่เองเล็งจะขอเป็นเจ้าภาพคิงส์คัพอีกครั้งในปีหน้า และพร้อมจะรับฟีดแบ็กที่ไม่ดีในครั้งนี้ ไปแก้ไขในครั้งต่อไป

รวมไปถึงยังจะขอเป็นเจ้าภาพใน กีฬาซีเกมส์ แบบที่ไม่ใช่เจ้าภาพหลัก แต่ขอแบ่งบางชนิดกีฬาที่ต้องใช้สนามแข่ง อย่างเช่น ฟุตบอลรอบแรก หรือวอลเลย์บอล มาจัดที่เชียงใหม่

ซึ่งถ้าดูจากศักยภาพในคิงส์คัพครั้งนี้ ก็ต้องบอกว่าเชียงใหม่พร้อมและไม่แพ้หลายๆ จังหวัดที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ได้เลย

ต้องรอดูกันว่าทัวร์นาเมนต์ต่อไปของจังหวัดเชียงใหม่จะเป็นรายการอะไร

แต่บอกเลยว่าพวกเขาพร้อมนะ •