ผ่าเส้นทาง ‘สุภกมล-สุภจิต’ พี่น้องดาวรุ่งขี่ม้าไทยสู่ฝันโอลิมปิก / เขย่าสนาม : เมอร์คิวรี่

“น้องแพตตี้” สุภจิต วรรธนะดิษฐ์

เขย่าสนาม

เมอร์คิวรี่

[email protected]

 

ผ่าเส้นทาง ‘สุภกมล-สุภจิต’

พี่น้องดาวรุ่งขี่ม้าไทยสู่ฝันโอลิมปิก

 

กลายเป็นที่น่าจับตาในวงการกีฬาขี่ม้าระดับโลก สำหรับ 2 พี่น้องนักกีฬาขี่ม้าดาวรุ่งสาวไทย “แพม” สุภกมล วรรธนะดิษฐ์ วัย 24 ปี และ “แพตตี้” สุภจิต วรรธนะดิษฐ์ วัย 21 ปี หลังก้าวไปสร้างผลงานโดดเด่นระดับนานาชาติ ประเภทศิลปะการบังคับม้า ในรายการที่สหพันธ์กีฬาขี่ม้านานาชาติ (FEI)

แพม สุภกมล พี่สาว คว้าอันดับ 5 รายการซีดีไอ ทรี สตาร์ บิ๊กทัวร์ กรังด์ปรีซ์ ที่ประเทศโปแลนด์ คลาสกรังด์ปรีซ์สเปเชียล เมื่อเมษายน 2565 และอันดับ 2 รายการซีดีไอ 3 สตาร์ ยู25 กรังด์ปรีซ์ ที่ฝรั่งเศส เมื่อตุลาคม 2564

ซึ่งถือเป็นนักกีฬาขี่ม้าไทยคนแรกที่ได้เข้าร่วมระดับกรังด์ปรีซ์ ซึ่งเป็นเลเวลสูงสุดของการแข่งขันขี่ม้าระดับนานาชาติ

ขณะที่แพตตี้ สุภจิต น้องสาว ลงแข่งรายการซีดีไอ 2 สตาร์ ปรีซ์ เซนต์-จอร์จ ที่ประเทศโปแลนด์ เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความประทับใจในสนามแข่งระดับโลก ด้วยการประยุกต์ทำนองเพลงไทยจากละครดัง “บุพเพสันนิวาส” ใช้ลงแข่งเวทีนานาชาติ และทำผลงานยอดเยี่ยม ชนะใจกรรมการ

คว้าอันดับ 3 มาครอง

แต่กว่าทั้งคู่จะมาถึงจุดนี้ต้องใช้เวลากว่า 17 ปี ที่แลกมาด้วยความขยัน มุ่งมั่น มุมานะอดทน เรียนรู้ มีวินัย โดยที่สุภกมลเริ่มต้นขี่ม้าตั้งแต่อายุ 7 ขวบเป็นงานอดิเรก ก่อนหลงใหลจนเปลี่ยนเป็นกีฬาหลัก ขณะที่สุภจิตหัดเรียนขี่ม้าตั้งแต่อายุ 3 ขวบตามรอยพี่สาว แล้วผันตัวมาเป็นนักกีฬาขี่ม้าลงแข่งขันเช่นเดียวกัน

ทั้งสองคนเริ่มจากการแข่งขันระดับ 1 เรียนรู้ ฝึกฝน และลงแข่งขันหาประสบการณ์เรื่อยๆ จนวันหนึ่ง คุณพ่อ สุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ บอกว่าถ้าคว้าแชมป์ประเทศไทยได้ก็จะซื้อม้าให้ ในที่สุดก็ทำสำเร็จจนมีม้าเป็นของตัวเอง

โดยม้าของแพมชื่อว่า “เอสคูโด้” ส่วนของแพตตี้ ม้าชื่อ “อันโตนิโอ”

หลังจากนั้น แพม-แพตตี้ ต้องการยกระดับตัวเองให้เก่งขึ้นในฐานะนักกีฬาขี่ม้า ทั้ง 2 คนรวมถึงคุณแม่ ชื่นหทัย วรรธนะดิษฐ์ จึงตัดสินใจเดินทางไปใช้ชีวิตที่ยุโรป ทวีปศูนย์กลางของวงการกีฬาขี่ม้าระดับโลก ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งต้องปรับตัวเรียนรู้กับวัฒนธรรม อาหาร ภาษา และสภาพภูมิอากาศของประเทศทั้งหมด

แต่เพื่อเป้าหมาย ทุกคนก็พร้อมลุยเต็มที่

คู่พี่น้องสาวไทยได้ร่ำเรียนพื้นฐาน และเทคนิคการเป็นนักกีฬาขี่ม้าตั้งแต่เริ่มต้นอีกครั้ง โดยมี อิมเก้ เชลเลเกนส์-บาร์เทล อดีตนักกีฬาขี่ม้าหญิงชาวดัตช์ ดีกรีเหรียญเงินโอลิมปิก 2008 และแชมป์โลก 2010 เป็นผู้ฝึกสอน ซึ่งได้สอนตั้งแต่เบสิกขั้นพื้นฐาน การขึ้นลงม้าอย่างถูกวิธี รวมถึงการดูแลม้าอย่างใกล้ชิด จนทั้งคู่ได้พัฒนาตัวเองต่อเนื่อง ตามมาตรฐานของนักกีฬาระดับโลก

นอกจากความเป็นเลิศด้านกีฬาขี่ม้าแล้ว พี่น้องคู่นี้ยังมีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีด้วย

โดยสุภกมลจบปริญญาโท สาขากฎหมายองค์กร และการพาณิชย์ และปริญญาตรี สาขาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมาสทริชต์ ประเทศเนเธอร์แลนด์

ส่วนสุภจิตจบการศึกษาปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ คิงส์ คอลเลจ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ พร้อมเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และปริญญาโทอยู่ระหว่างสมัครเข้ามหาวิทยาลัย

อย่างไรก็ตาม แพม-แพตตี้ ยังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ “อะนาโตมี่” ร่างกายของม้าอย่างละเอียด เพื่อไว้ดูแลม้าให้ดีที่สุด เพราะกีฬาขี่ม้าเป็นการแข่งขันที่ต้องใช้คนกับสัตว์คู่กัน ถือเป็นกีฬาชนิดเดียวในการแข่งขันโอลิมปิกที่ “คนกับสัตว์อยู่ในทีมเดียวกัน” โดยชัยชนะจะเกิดขึ้นได้ ต้องขึ้นอยู่กับสัมพันธภาพที่มาจากความเชื่อใจ และการยอมรับซึ่งกันและกัน

เมื่อทั้งสองคนได้ศึกษา และเข้าใจเกี่ยวกับม้าอย่างลึกซึ้ง และฝึกซ้อมอย่างหนัก ถึงเวลาที่ทั้งคู่จะออกเดินทางไปแข่งขันขี่ม้าตามประเทศต่างๆ ตั้งแต่ปี 2017 เพื่อสั่งสมประสบการณ์ และเก็บคะแนนสะสม ระหว่างนั้นพวกเธอก็ได้เรียนรู้ และเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ ในสนามที่ต้องฝึกแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

แพม สุภกมล เล่าว่า เวลาเราลงแข่งที่สนามต่างๆ มักเจออุปสรรคหลายอย่างให้ได้ฝึกฝนตัวเอง ปัญหาสำคัญที่สุดคือ “จิตใจของเราเอง” เพราะเวลาเราไปแข่งขัน เจอสนามใหม่ๆ เจอสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น กลัวว่าจะทำผลงานไม่ดี เพราะต่อให้ซ้อมมาดีแค่ไหน มันก็ไม่เหมือนกับเวลาลงแข่งจริง

แพตตี้ สุภจิต กล่าวเสริมว่า พอได้ลงสนามมากขึ้น ความกลัว ความกังวลก็ค่อยๆ หมดไป เหลือแต่ความมุ่งมั่นที่อยากจะทำให้ดีที่สุดไม่ว่าเจออุปสรรคอะไรก็ตาม เพราะถึงจะทำได้ไม่ดี ก็จะเป็นบทเรียนที่ทำให้เราได้กลับมาศึกษา และแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น

นับจากวันแรกจนถึงปัจจุบัน พวกเธอเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะนักกีฬาขี่ม้า ที่มีโค้ชเป็นนักกีฬาระดับโลกคอยฝึกสอนทักษะให้อย่างใกล้ชิด อีกสิ่งสำคัญคือแรงสนับสนุนจากครอบครัวที่คอยให้กำลังใจ ให้คำปรึกษา ดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมผลักดันลูกสาวให้กลายเป็นนักกีฬาขี่ม้ามีฝีมือระดับโลก ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ

เป้าหมายต่อจากนี้ แพม สุภกมล และแพตตี้ สุภจิต กำหนดเป้าหมายของตัวเองต่างกันไป โดยแพมเลือกที่จะลงแข่งขันระดับกรังด์ปรีซ์ เพิ่มเติมเพื่อเก็บคะแนนสะสมให้ผ่านเกณฑ์ที่จะได้เข้าร่วมแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ซึ่งหากทำสำเร็จ เธอก็จะกลายเป็นนักกีฬาคนแรกของไทยที่ได้ลงแข่งขันในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ

ส่วนแพตตี้ตั้งเป้าจะลงแข่งรายการต่างๆ เพิ่มเติมเพื่อเก็บประสบการณ์ และคะแนนสะสมให้ได้มากขึ้น เพื่อให้ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกของสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย แล้วได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนชาติในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 2022 ที่นครหางโจว ประเทศจีน วันที่ 23 กันยายน-8 ตุลาคม 2023

“คนกับม้าต้องมีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน และทำงานเป็นทีมเวิร์ก” เป็นแนวคิดสำคัญที่ทำให้พี่น้องคู่นี้ก้าวมาสู่ขั้นแรกในวงการขี่ม้าระดับนานาชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องพื้นฐานสำคัญสำหรับนักกีฬาขี่ม้า ดังนั้น การเป็นนักกีฬาขี่ม้าที่ดีคือ อย่ามองเขาเป็นเพียงแค่สัตว์ที่เราหวังแค่ใช้งานแล้วจบไป ต้องใส่ใจ ดูแล เรียนรู้ซึ่งกันและกัน

จากจุดเริ่มต้นสู่ก้าวแรกที่ “แพม” สุภกมล วรรธนะดิษฐ และ “แพตตี้” สุภจิต วรรธนะดิษฐ์ ได้สร้างชื่อในวงการขี่ม้านานาชาติ ถือว่าต้องใช้ความมุ่งมั่น และอดทนอย่างมาก ซึ่งเชื่อว่าด้วยสิ่งเหล่านั้น ประกอบกับทัศนคติที่ดี รวมทั้งแรงสนับสนุนจากครอบครัวจะช่วยเสริมให้ทั้งคู่ก้าวไปสู่เป้าหมายของตัวเองในอนาคตได้อย่างแน่นอน

อีกไม่นานนี้เชื่อว่าแฟนกีฬาชาวไทยเราคงจะได้เห็นนักกีฬาขี่ม้าไทยคนแรกที่ก้าวไปโบกสะบัดธงไตรรงค์ในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ “โอลิมปิก” และจะเป็นการประกาศให้ทั่วโลกได้รับรู้ว่า นักกีฬาขี่ม้าไทยก็มีฝีมือไม่แพ้ชาติอื่น… •