‘พญาหงส์’ นักชกสาวประวัติศาสตร์ กับเส้นทางตามความฝันบนสังเวียน / เขย่าสนาม : เมอร์คิวรี่

เขย่าสนาม

เมอร์คิวรี่

[email protected]

 

‘พญาหงส์’

นักชกสาวประวัติศาสตร์

กับเส้นทางตามความฝันบนสังเวียน

 

สร้างประวัติศาสตร์อย่างยิ่งใหญ่สำหรับ “พญาหงส์ อโยธยาไฟท์ยิม” หรือ “น้องปุ้ม” จันทกานต์ มโนบาล นักชกสาวบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นนักชกหญิงไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ K-1 รุ่น 45 ก.ก.หญิง รายการศิลปะการต่อสู้ชื่อดังของโลกถึงประเทศญี่ปุ่น ในศึก K-1 เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ที่โยโยกิ เนชั่นแนล ยิมเนเซียม ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา

การแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ พญาหงส์ อโยธยาไฟท์ยิม นักชกสาวไทย โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม เอาชนะ มิโอ นักชกเจ้าถิ่น ทำให้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ไปพบกับ ซูคาวาระ มิยู นักชกญี่ปุ่นอีกราย

โดยพญาหงส์อาศัยความแข็งแกร่งออกอาวุธได้ชัดเจนจะแจ้งกว่าเอาชนะไปได้อย่างสนุก คว้าแชมป์ไปครองสำเร็จ

นับเป็นนักชกหญิงไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ K-1 ได้สำเร็จในประวัติศาสตร์ ต่อจากยอดนักชกชายไทย 3 คนก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย “บัวขาว บัญชาเมฆ” สมบัติ บัญชาเมฆ, “แก้ว วีระศักดิ์เล็กยิม” สราวุธ ประไพเพชร และ “ก้องนภา วีระศักดิ์เล็กยิม” ก้องนภา นาบุญ ที่เคยก้าวไปคว้าเเชมป์ K-1 มาครองได้แล้ว

ถือเป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของ พญาหงส์ อโยธยาไฟท์ยิม ซึ่งมี ครูดาม ศรีจันทร์ ครูมวยชื่อดังเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

โดยก่อนหน้านี้ ครูดามได้พาน้องปุ้มไปเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่ค่ายวีระศักดิ์เล็กยิม กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะสร้างผลงานกระหึ่มดินแดนอาทิตย์อุทัยในครั้งนี้

 

สําหรับประวัติของ พญาหงส์ อโยธยาไฟท์ยิม มีชื่อจริงว่า จันทกานต์ มโนบาล เป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ปัจจุบันเป็นนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยเธอยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ “ลิซ่า แบล็กพิงค์” ปราณปรียา มโนบาล ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังระดับโลก สังกัดวายจี เอนเตอร์เทนเมนต์ บริษัทเพลงยักษ์ใหญ่จากประเทศเกาหลีใต้

พญาหงส์และลิซ่าเป็นญาติกันทางฝั่งคุณพ่อ แต่ทั้งคู่ไม่เคยเจอกันมาก่อนสมัยยังเด็ก เพราะทางด้านของลิซ่าไปอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยขณะนั้น พญาหงส์ยังเป็นเด็กอยู่เช่นกัน และใช้ช่วงเวลานั้นกับการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ศิลปะประจำชาติอย่าง “มวยไทย”

เส้นทางมวยไทยของพญาหงส์ เริ่มต้นจากความยากจน โดยทางคุณแม่เป็นผู้จุดประกายให้เธอหันมาชกมวยตั้งแต่ยังเด็กวัยเพียง 9 ปี เพื่อหารายได้ช่วยเหลือครอบครัว ซึ่งน้องปุ้มก็พร้อมทำหน้าที่ลูกของตัวเองอย่างเต็มที่กับการก้าวขึ้นสู่สังเวียนผ้าใบแม้ว่าตัวเธอเองจะเป็นผู้หญิงก็ตาม

น้องปุ้มซ้อมมวยอยู่ที่ค่ายมวย ส.สุทธิชัย ได้เพียงแค่เดือนกว่า ก็ได้ขึ้นสังเวียนจริงในศึกมวยที่ จ.นครราชสีมา โดยขณะนั้นก็ขึ้นชกมีทั้งชนะและแพ้ แต่สิ่งสำคัญคือการได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มความแข็งแกร่งของกระดูกมวย

จนสามารถก้าวมาคว้าแชมป์แรกได้สำเร็จในวัยเพียง 13 ปีเท่านั้น

หลังจากนั้น จันทกานต์ มโนบาล เริ่มสร้างชื่อในวงการมวยไทยสมัครเล่นจากการคว้าแชมป์มวยไทยสมัครเล่นโลก (IFMA) 3 สมัย รุ่นพินเวต 45 ก.ก. ซึ่งเป็นการแข่งขันในประเทศไทยถึง 2 ครั้ง และที่ประเทศตุรเคียอีก 1 ครั้ง

รวมทั้งยังคว้าแชมป์ของสหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก (W.P.M.F) มาครองได้ด้วย

พญาหงส์มีสไตล์การชกที่ดุดันด้วยแม่ไม้มวยไทยครบอาวุธทุกกระบวนท่า อีกทั้งยังมีการไหว้ครูมวยไทยได้อย่างอ่อนช้อยงดงาม จนเคยคว้ารางวัลไหว้ครูมวยไทยสวยงามดีเด่นหญิง ในงานเชิดชูเกียรติบุคคล ประจำปี 2563 วันมวยไทย ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เมื่อปี 2563 มาแล้ว

ในการชกต่างประเทศ พญาหงส์เคยเดินทางไปขึ้นสังเวียนที่ประเทศญี่ปุ่นถึง 5 ครั้ง จนกระทั่งครั้งล่าสุดครั้งที่ 6 ที่เธอสามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักชกสาวไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ K-1 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่สมกับความพยายามที่เธอได้ทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนักมาโดยตลอด

การฝึกซ้อมอย่างหนักของเธอจะใช้การวิ่งทุกวัน วันละ 20 ก.ม. เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย และช่วยทำให้เธอมีพละกำลังที่เข้มแข็ง อีกทั้งยังมีอาวุธเด็ดอยู่ที่การสาดแข้งที่มีความหนักหน่วงมากแม้ว่าตัวเธอจะเล็ก มีส่วนสูงเพียง 155 ซ.ม. แต่พลังแข้งเต็มเปี่ยมไปด้วยความดุดัน

“พญาหงส์” ได้ใช้ศิลปะการต่อสู้ “มวยไทย” เป็น “ซอฟต์เพาเวอร์” ในการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ซึ่งตัวเธออยากเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมประจำชาติไทย เช่นเดียวกับลูกพี่ลูกน้องอย่าง “ลิซ่า” ที่ถ่ายทอดความเป็นไทยผ่านทาง “ดนตรี” จนสร้างชื่อกระหึ่มไปทั่วทั้งโลกมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม ความฝันสูงสุดของพญาหงส์ ได้ตั้งเป้าอันยิ่งใหญ่ไว้ที่การเข้าร่วมการแข่งขันชกมวยไทยสมัครเล่น ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกต่อไปในอนาคต และคว้าเหรียญรางวัลมาครองให้ได้ แต่เส้นทางหลังจากนี้เธอยังคงโลดแล่นในวงการศิลปะการต่อสู้ต่อไป และยังเหลือระยะเวลาอีกมากมายให้เธอได้เดินตามความฝันของตัวเอง

ทางด้านครูดาม ศรีจันทร์ เป็นอีกหนึ่งผู้ที่เบื้องหลังความสำเร็จของพญาหงส์ ระบุว่า กว่าจะสำเร็จวันนี้ตนเองกับก้องนภา วีระศักดิ์เล็กยิม อดีตแชมป์ K-1 รุ่นพี่ และทีมงาน ช่วยกันคอยเคี่ยวเข็ญน้องปุ้ม ปัญหาอุปสรรคมีมากมายในระหว่างการซ้อม ป่วยถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลด่วน กลับมาซ้อม ระหว่างการซ้อมก็มีอาการเจ็บรบกวน เหนื่อยและล้า แต่ก็สู้กันเต็มที่

“ทุกคนช่วยกันวางแผนแก้ทางมวยจากมวยขวามาเปลี่ยนเป็นมวยซ้ายเพื่อแก้ทางคู่ชก ระหว่างเกมก็ต้องแก้ทางตลอดเวลา ชนะรอบแรกด้วยคะแนน ส่วนรอบชิง 3 ยกเสมอ ต้องต่อพิเศษอีก 1 ยก ปุ้มก็ทำได้ดี ชกทั้งหมด 7 ยกกว่าจะได้แชมป์ ยินดีกับความสำเร็จของน้องปุ้ม ขอให้รักษาแชมป์ไว้ให้นานที่สุด และหมั่นพัฒนาฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง”

นับเป็นความสำเร็จประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ พญาหงส์ อโยธยาไฟท์ยิม กับการเป็นนักชกหญิงไทยคนแรกที่ผงาดแชมป์ K-1 ซึ่งถือเป็นการก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเธอกับการเดินตามเส้นทางความฝันบนสังเวียนไปสู่การคว้าเหรียญรางวัลโอลิมปิกให้ได้ในอนาคต แม้จะเป็นงานยากก็ตาม

เส้นทางข้างหน้าคงเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามมากมาย แต่เชื่อว่าด้วยความมุ่งมั่นของเธอจะก้าวไปประสบความสำเร็จในอนาคตได้ไม่ยากเกินความพยายาม… •