เส้นทาง ‘มวยไทย’ สู่ ‘โอลิมปิก’ ผนึกกำลังลุยระยะทางยาวไกล / เขย่าสนาม : เมอร์คิวรี่

เขย่าสนาม

เมอร์คิวรี่

[email protected]

 

เส้นทาง ‘มวยไทย’ สู่ ‘โอลิมปิก’

ผนึกกำลังลุยระยะทางยาวไกล

 

“มวยไทย” ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศไทย และเป็นชนิดกีฬาของไทยที่มีโอกาสบรรจุเข้าชิงชัยในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกในอนาคตข้างหน้า ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีการผลักดันให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลกมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันมวยไทยได้รับการยอมรับ และความนิยมเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาอาชีพที่แพร่หลายมากขึ้น รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการผลักดันกีฬามวยไทย เข้าสู่มหกรรมการแข่งขันกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ ทั้งระดับเอเชียและระดับโลก

นอกจากนี้ มวยไทยยังเป็นสถาบันการศึกษา และสถานที่ออกกำลังกาย ที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ และให้ประเทศไทยถือเป็นต้นแบบ “ค่ายมวย” ระดับมาตรฐานสากล

ขณะที่ คณะกรรมการโอลิมปิกปิกสากล (ไอโอซี) ได้มีมติให้ สหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ (อิฟม่า) ได้รับรองอย่างเป็นทางการให้เป็นสหพันธ์กีฬานานาชาติอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา

ซึ่งถือเป็นการปูทางไปสู่การบรรจุแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์

 

ล่าสุด การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำ “มวยไทย” เผยแพร่สู่ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดบูธกิจกรรม “มวยไทย มรดกทางวัฒนธรรมของไทย สู่ระดับโลก” ในการจัดแสดงของประเทศไทย ภายในงานมหกรรมนิทรรศการโลก “เวิลด์ เอ็กซ์โป ดูไบ 2020” ที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เมื่อช่วงวันที่ 11-15 มีนาคมที่ผ่านมา

ภายในบูธเป็นการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมเอกลักษณ์ของมวยไทยที่ทำให้มีความโดดเด่น และถือเป็นศิลปะชั้นสูง ประกอบด้วย “ศาสตร์” ได้แก่ การเรียนรู้จุดอ่อน จุดแข็งของร่างกายที่จะพิชิตและเอาชนะคู่ต่อสู้ “ศิลป์” คือ ลักษณะการใช้นวอาวุธที่มีรายละเอียดปลีกย่อยอย่างพิสดาร ทำให้เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีมนต์ขลังและมีชั้นเชิงเป็นที่ประทับใจของคนทั้งโลก

อีกทั้งยังมีกิจกรรมสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับมวยไทย พร้อมด้วยการแสดงพิเศษโชว์แม่ไม้มวยไทย และการร่ายรำท่าไหว้ครู อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทย และผสมผสานให้มีความทันสมัยมากขึ้น

โดยท่าทางมวยไทยได้ออกแบบมาให้เป็นท่าเต้นแดนซ์เข้าจังหวะ ประกอบกราฟิกอลังการ ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมตื่นตาตื่นใจ

ทั้งนี้ ถือเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของมวยไทยจากจุดเริ่มต้นมาจนถึงปัจจุบัน และไปสู่อนาคต โดยได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมงานเวิลด์ เอ็กซ์โป ดูไบ 2020 ซึ่งจะช่วยเป็นการกระตุ้นการรับรู้เกี่ยวกับ “มวยไทย” ไปสู่สายตาชาวโลก

และจะเป็นส่วนช่วยผลักดันให้เดินตามเส้นทางไปสู่การเป็นชนิดกีฬาในโอลิมปิกต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม การผลักดัน “มวยไทย” เข้าสู่กีฬา “โอลิมปิก” ยังมีเส้นทางอีกยาวไกล โดยหลักการแล้วการที่จะผลักดันชนิดกีฬาให้เข้าไปบรรจุในโอลิมปิกจะต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 7 ปี

ซึ่งถ้าดูตามไทม์ไลน์แล้วคงหมดโอกาสในโอลิมปิก 2028 ที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา เพราะได้กำหนดชนิดกีฬาที่จะบรรจุแข่งขันไว้ล่วงหน้าแล้ว เช่นเดียวกับโอลิมปิก 2032 ที่กรุงบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย

แต่ “มวยไทย” ยังมีโอกาสบรรจุชิงชัยในโอลิมปิก 2036 หรืออีก 14 ปีข้างหน้า

โดยทางไอโอซีกำลังอยู่ในช่วงของการหาชาติเจ้าภาพจัดการแข่งขัน และจะมีการเลือกชนิดกีฬาใดบ้างบรรจุแข่งขัน

ซึ่งมวยไทยจัดอยู่ในกลุ่มชนิดกีฬาศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวเช่นเดียวกับมวยสากล, เทควันโด, ยูโด และมวยปล้ำ โดยกีฬาคู่แข่งสำคัญคือ ยูยิตสู, คาราเต้โด, คิกบ็อกซิ่ง, วูซู, แซมโบ, คูราช และอื่นๆ

สิ่งสำคัญในตอนนี้จะต้องวางแผนในการเผยแพร่กีฬามวยไทยให้ออกไปสู่วงกว้างมากที่สุด

ขณะเดียวกันทางอิฟม่าที่มีสมาชิกกว่า 146 ชาติจะต้องวางแผนงานที่สอดคล้องกัน โดยจะต้องทำให้กีฬามวยไทยบรรจุชิงชัยในมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นซีเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, เอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ เพื่อเป็นการปูทางไปสู่โอลิมปิก

ส่วนทางไอโอซีมีหลักเกณฑ์สำคัญของกีฬาที่จะได้บรรจุในโอลิมปิก โดยกีฬาชนิดนั้นจะต้องไม่มีการแสดงถึงความรุนแรง แต่จะต้องเป็นศิลปะการป้องกันตัวด้วยการใช้ทักษะความสามารถ ดังนั้น “มวยไทย” จะต้องแสดงให้เห็นถึงความปลอดภัย ทั้งในเรื่องการที่จะมีเครื่องป้องกันต่างๆ มีกติกาที่มีความชัดเจนมากขึ้น และต้องคำนึงความปลอดภัยของตัวนักกีฬา

รวมทั้งเรื่องการป้องกันการใช้สารต้องทางการกีฬา ซึ่งทางด้านของ องค์การต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (วาด้า) ให้ความสำคัญ และมีระเบียบข้อบังคับ รวมทั้งมีการตรวจสารต้องห้ามอย่างสม่ำเสมอในตัวนักกีฬา

 

กกท.ได้ผนึกกำลังทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสมาคมกีฬามวยที่เกี่ยวข้องทุกสมาคม รวมทั้งกระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงสาธารณสุข บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานระดับนานาชาติ ทั้งอิฟม่า และไอโอซี เพื่อรณรงค์สร้างการรับรู้ของมวยไทยในระดับนานาชาติ มุ่งหวังที่จะผลักดันให้มวยไทยไปสู่เส้นทางโอลิมปิกให้ได้ในที่สุด

คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซีเมมเบอร์) ระบุว่า ขณะนี้ทุกภาคส่วนกำลังพยายามอย่างเต็มที่ผลักดันให้มวยไทยถูกบรรจุในการแข่งขันระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นระดับเอเชีย เยาวชนโอลิมปิก จนกระทั่งถึงโอลิมปิกฤดูร้อน ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังอยู่ในขั้นตอนต่างๆ และต้องอาศัยระยะเวลา

ซึ่งหลังจากนี้จะค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าพูดถึงกระแสนิยมไม่รู้สึกกังวลเลย เพราะมวยไทยเป็นที่นิยมในทุกประเทศ และทุกทวีป แต่เนื่องจากมวยไทยเพิ่งได้รับการรับรองจากไอโอซีให้เป็นสหพันธ์กีฬานานาชาติ เมื่อปีที่ผ่านมา ดังนั้น ก็จะต้องเป็นไปตามขั้นตอนในการบรรจุชิงชัยโอลิมปิกฤดูร้อน

“เราจะต้องมีการบรรจุกีฬามวยไทยในมหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ที่สามารถบรรจุแข่งขันได้ตรงกับการแข่งขัน รวมทั้งบีชเกมส์ ซึ่งมวยไทยเล่นได้ทั้งในร่ม และบนชายหาด ดังนั้น โอกาสที่มวยไทยจะปรากฏในสายตาชาวโลกในการถ่ายทอดสดการแข่งขันก็จะมีมากขึ้น” คุณหญิงปัทมากล่าว

อย่างไรก็ตาม ทางไอโอซีไม่ได้มีการเขียนกำหนดเป็นตัวหนังสือว่าจะต้องทำอย่างไรในการบรรจุชนิดกีฬาเข้าโอลิมปิก แต่เราจะต้องพยายามทำให้มวยไทยเป็นที่นิยม และอยู่ในการถ่ายสดมหกรรมกีฬาในระดับต่างๆ เพื่อปูทางไปสู่การเข้าร่วมชิงชัยในมหกรรมแห่งมวลมนุษยชาติในอนาคต

แม้ว่าเส้นทางของ “มวยไทย” กับการมุ่งไปสู่ “โอลิมปิก” ยังเหลือระยะทางอีกยาวไกล

แต่ภายหลังจากที่ได้เริ่มต้นนับหนึ่งไปแล้ว พร้อมด้วยแรงผลักดันจากหลายภาคส่วน เชื่อมั่นว่าจะช่วยทำให้มวยไทยเดินหน้าไปถึงการบรรจุเป็นชนิดกีฬาในมหกรรมโอลิมปิกได้อย่างแน่นอน •