ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 กุมภาพันธ์ 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | Technical Time-Out |
เผยแพร่ |
Technical Time-Out
SearchSri
‘อีริกเซ่น’ กับโอกาสที่ 2
หลัง 5 นาทีที่ ‘สิ้นใจ’
ย้อนไปช่วงการแข่งขันฟุตบอล ยูโร 2020 เมื่อกลางปีที่แล้ว ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อ คริสเตียน อีริกเซ่น กองกลางคนดังของทีมชาติเดนมาร์กล้มฟุบระหว่างแข่งขันรอบแรกกับฟินแลนด์ กลายเป็นภาพสะเทือนขวัญแฟนบอลทั่วโลก
ทั้งนักเตะ สตาฟฟ์โค้ช กรรมการ และแฟนบอลทั่วสนาม ต่างอยู่ในอาการช็อกและเศร้าสลด ด้วยหวั่นว่าเรื่องอาจลงเอยอย่างเลวร้ายที่สุด
โชคดีที่ทีมแพทย์ทุกคนช่วยกันปฐมพยาบาลและกู้สัญญาณชีพของอีริกเซ่นกลับคืนมา ซึ่งผลการวินิจฉัยของแพทย์พบว่าเขามีอาการหัวใจวาย และต้องผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้า (ICD) เนื่องจากหัวใจของเขาเต้นผิดปกติ
หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว หลายคนคาดเดาว่า อีริกเซ่นคงไม่สามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีก โดยเปรียบเทียบกับกรณีของ ฟาบริซ มูอัมบ้า และ อับเดลฮัก นูรี สองนักเตะอาชีพที่ต้องแขวนสตั๊ดกะทันหันหลังจากหัวใจวายฟุบไปคาสนามแบบเดียวกับเขา
ต่อมาในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว อินเตอร์ มิลาน ต้นสังกัดของอีริกเซ่น แถลงยกเลิกสัญญาเพราะกฎของลีกลูกหนังอิตาลี ไม่อนุญาตให้นักเตะที่ใส่เครื่อง ICD ลงแข่งขันได้
ขณะที่หลายคนคาดว่าเส้นทางลูกหนังของอีริกเซ่นจะจบแค่นั้น เขาก็ทำให้หลายคนเซอร์ไพรส์ ด้วยการเซ็นสัญญาระยะสั้น 6 เดือน กับ เบรนต์ฟอร์ด สโมสรพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงตลาดซื้อขายที่ผ่านมา
การเซ็นสัญญาครั้งนี้ หลายคนมองว่าเป็นแค่การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หวังผลในแง่การตลาดมากกว่าจะคิดเรื่องในสนามจริงจัง ยืนยันได้จากยอดขายเสื้อของทีมเบรนต์ฟอร์ดในวันเซ็นสัญญา ที่สูงกว่ายอดขายปกติของทีมในช่วงเวลาเดียวกันถึง 30 เท่า!
อย่างไรก็ตาม โธมัส แฟรงก์ กุนซือเบรนต์ฟอร์ดยืนยันว่า นี่ไม่ใช่แค่การเซ็นสัญญาเอากระแส แต่เพราะทีมเชื่อว่าเขาจะเป็นประโยชน์กับทีมอย่างมาก อันที่จริง อีริกเซ่นอาจจะเป็นการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรก็เป็นได้
หลังห่างหายจากสนามไปนาน 7 เดือนเศษนับตั้งแต่เกิดเรื่องในยูโร อดีตกองกลางสเปอร์สลงเล่นเป็นครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องแบบปิดกับทีมนอกลีก และทำ 1 แอสซิสต์ให้ทีมสำรองของเบรนต์ฟอร์ดชนะ 3-2
อีริกเซ่นเปิดใจถึงการตัดสินใจกลับสู่วงการลูกหนังอีกครั้งว่า คงไม่เปลี่ยนสไตล์การเล่นของตัวเอง ที่ผ่านมาพยายามดูแลสภาพร่างกายเพื่อให้พร้อมกลับมาแข่งขัน คิดว่าในแง่ความฟิตอาจจะดีกว่าก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ แค่ต้องทำความคุ้นเคยกับเกมการแข่งขันเท่านั้น
“ตอนนี้ผมรู้สึกว่ากลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง จึงมั่นใจว่าจะกลับมาเล่นในระดับเดิมได้อีกแน่นอน”
ส่วนเรื่องเหตุการณ์ระทึกในยูโรนั้น อีริกเซ่นบอกว่าจดจำได้ทุกอย่างตั้งแต่ช่วงเกมการแข่งขัน และตอนที่ฟื้นขึ้นมา ช่วงเดียวที่ไม่รับรู้อะไรคือ 5 นาทีที่หัวใจหยุดเต้น โดยตอนที่ถูกหามออกจากสนาม ได้ยินเจ้าหน้าที่คุยกันว่า ตนหมดสติและหัวใจหยุดเต้นไป 5 นาที
อีริกเซ่นบอกด้วยว่า ตอนที่ฟื้นขึ้นมาในสนาม ทีแรกรู้สึกสับสน จากนั้นก็เป็นกังวล ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น และคาดเดาไปต่างๆ นานา
แข้งดังที่อายุเพิ่งครบ 30 ปี เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนสรุปว่า เมื่อมองย้อนกลับไป ถือว่าตัวเองโชคดีในความโชคร้าย อาจจะโชคร้ายที่เกิดเหตุการณ์นี้ แต่โชคดีที่อยู่ในที่ที่ดี ได้รับความช่วยเหลือและกำลังใจอย่างล้นหลาม จนกลับมามีวันนี้ได้
เป็นเพราะทุกคนที่ทำให้เกิดความเป็นไปได้ต่างๆ ขึ้นมา
และการกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง ก็คือหนึ่งในความเป็นไปได้นั้น!