‘บอร์แฮม วู้ด’ ยิ้มทั้งน้ำตา ความสำเร็จสุดยิ่งใหญ่ของทีมเล็กๆ / Technical Timeout : จริงตนาการ

ไทม์เอาต์

จริงตนาการ

[email protected]

 

‘บอร์แฮม วู้ด’ ยิ้มทั้งน้ำตา

ความสำเร็จสุดยิ่งใหญ่ของทีมเล็กๆ

 

เอฟเอคัพ อังกฤษ เป็นรายการฟุตบอลที่มีมนต์ขลังอย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่ใช่เพราะเป็นการแข่งขันฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดในโลก แต่เรื่องราวการล้มยักษ์ หรือทีมเล็กเขี่ยทีมใหญ่ตกรอบ มีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ

บอร์แฮม วู้ด กลายเป็นทีมล่าสุดที่สร้างเซอร์ไพรส์ เข้าถึงรอบห้า หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทั้งๆ ที่มาจากดิวิชั่น 5 ซึ่งเป็นลีกกึ่งอาชีพเท่านั้น

บอร์แฮม วู้ด บุกชนะ บอร์นมัธ ทีมอันดับ 3 ในลีกแชมเปี้ยนชิพ หรือดิวิชั่น 2 ไปแบบสนุก 1-0 กรุยทางเข้ารอบต่อไป ไปเจอกับ เอฟเวอร์ตัน ทีมจากลีกสูงสุดอย่างพรีเมียร์ลีก

เดอะวู้ดก่อตั้งมาในปั 1948 หรือ 74 ปีที่แล้ว จากวันนั้นจนถึงวันนี้ พวกเขายังไม่เคยก้าวขึ้นมาสู่ลีกอาชีพได้ด้วยซ้ำ แต่ทีเด็ดของสโมสรเล็กๆ จากเนชั่นแนลลีก คือ การสร้างเซอร์ไพรส์ในเอฟเอคัพ

ฤดูกาล 2017-2018 บอร์แฮม วู้ด ปราบ แบล็กพูล ทีมจากลีกวันหรือดิวิชั่น 3 ไป 2-1 ในเอฟเอคัพ รอบแรก ฤดูกาลที่แล้ว ก็พลิกล็อกชนะ เซาธ์เอนด์ ยูไนเต็ด ทีมจากลีกทู หรือดิวิชั่น 4 ด้วยการดวลจุดโทษ ผ่านเข้ารอบสอง ชนะ แคนเวย์ ไอส์แลนด์ 3-0 แต่จอดป้ายรอบสาม ด้วยการแพ้ มิลวอลล์ 0-2

ประสบการณ์ของบอร์แฮม วู้ด ในการล้มทีมที่ใหญ่กว่ามีมาเรื่อยๆ แต่น้อยคนจะเชื่อว่า ทีมเล็กๆ ทีมนี้จะไปได้ไกลถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย

 

เมโดว์ ปาร์ก สนามเหย้าของสโมสร มีความจุ 1,700 ที่นั่ง แฟนบอลจำนวนไม่มากนัก และแน่นอนว่ารายได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่หวังว่าจะทำให้รวยได้ ยิ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้สถานะทางการเงินของสโมสรแย่ลงไปอีก

แดนนี่ ฮันเตอร์ ประธานสโมสรบอกว่า ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนักในปี 2020 เขาต้องเอาบ้านไปจำนองเพื่อให้สโมสรยังมีเงินทุนและเดินหน้าต่อได้ เป็นเหตุผลว่าทำไมการชนะบอร์นมัธในครั้งนี้ ทำให้ทุกคนในทีมต่างฉลองกันอย่างเต็มที่ บอร์แฮม วู้ด อาจจะไม่ใช่ครอบครัวที่สมบูรณ์นัก แต่ทุกคนก็ช่วยกันเพื่อความสำเร็จของทีม

ลุก การ์ราร์ด ผู้จัดการทีมบอร์แฮม วู้ด บอกก่อนเกมกับบอร์นมัธ ว่า มีอยู่วันหนึ่งเดินอยู่ในเมืองเพื่อจะไปซื้อเค้ก มีชายสูงวัยคนหนึ่งบอกว่า สิ่งที่เขาทำให้กับทีมและเมืองนี้เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อมาก ทำให้มีแรงบันดาลใจที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับทีม อยากจะพาทีมไปได้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

ขณะที่ มาร์ก ริกเก็ตต์ กัปตันทีมวัย 37 ปี ที่ยิงประตูชัยในเกมล้มบอร์นมัธ เป็นโค้ชฟิตเนส ริกเกตต์ เคยอยู่กับชาร์ลตันในช่วงที่เริ่มต้นเล่นฟุตบอล แต่ก็ไม่เคยเล่นให้ชาร์ลตันชุดใหญ่

6 ปีก่อนริกเกตต์มาอยู่กับบอร์แฮม วู้ด และมีอาการเจ็บติดตัวมา ถึงขั้นเปรียบเทียบกันไปว่า นักเตะคนนี้ไม่มีขา ทีมแพทย์ของสโมสรช่วยกันรักษาจนกลับมาลงสนามได้ในที่สุด

 

การเจอกับเอฟเวอร์ตันในรอบต่อไปถือเป็นงานหนักที่เกิดการพลิกล็อกยากมาก เพราะเดอะวู้ดต้องออกไปเยือนที่กูดิสัน ปาร์ก ทั้งบรรยากาศและตัวนักเตะ ทำให้ทีมทอฟฟี่สีน้ำเงินกำความได้เปรียบไว้ในมือทั้งหมด

ความสำเร็จในเอฟเอคัพ ไม่ใช่แค่เรื่องราวที่ชาวบอร์แฮม วู้ด จะเอาไว้เล่าให้ลูกหลานฟังเท่านั้น แต่ยังมีรายได้จากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด เงินรางวัล และรายได้ต่างๆ ที่จะหลั่งไหลเข้ามาสู่สโมสรอีกก้อนใหญ่ๆ ทดแทนจากวันที่เคยสูญเสียรายได้ในช่วงโควิด-19 ทำพิษอย่างหนัก

เกมถัดไปกับเอฟเวอร์ตัน ไม่ต่างอะไรกับงานเฉลิมฉลองความสำเร็จของแฟนบอลเดอะวู้ด พวกเขาจะได้ยกพลไปอยู่ในสนามความจุหลายหมื่นคน

ไม่ว่าวันนั้นผลจะออกมาเป็นแบบไหน บอร์แฮม วู้ด สามารถเรียกฤดูกาลนี้ว่า เป็นช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดครั้งหนึ่งในรอบ 74 ปีที่ก่อตั้งสโมสรมาแล้วก็ว่าได้