เก็บตกตลาดหน้าหนาว 2022 / Technical Time-Out : SearchSri

Soccer Football - Premier League - Manchester United v West Ham United - Old Trafford, Manchester, Britain - January 22, 2022 General view of the match ball on the pitch before the match REUTERS/Phil Noble EDITORIAL USE ONLY. No use with unauthorized audio, video, data, fixture lists, club/league logos or 'live' services. Online in-match use limited to 75 images, no video emulation. No use in betting, games or single club /league/player publications. Please contact your account representative for further details.

Technical Time-Out

SearchSri

 

เก็บตกตลาดหน้าหนาว 2022

 

ตลาดซื้อขายนักเตะช่วงหน้าหนาวของลีกลูกหนังยุโรปปิดฉากลงไปแบบคึกคักพอสมควร เพราะโดยมากตลาดกลางฤดูกาลอย่างนี้มักไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวน่าตื่นเต้นนัก แต่คราวนี้มีดีลใหญ่ๆ หรือการย้ายทีมแบบพลิกความคาดหมายอยู่หลายดีลทีเดียว โดยเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนปิดตลาด ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมยอง กองหน้าชาวกาบองย้ายจาก อาร์เซนอล ร่วมทีม บาร์เซโลน่า แบบไม่มีค่าตัว แม้ว่าจะยังเหลือสัญญากับปืนใหญ่อีก 18 เดือน แต่ต้นสังกัดยอมยกเลิกสัญญาให้เขาย้ายทีมฟรีๆ เพราะไม่อยากเก็บไว้อีกต่อไป หลังจากโอบาเมยองมีปัญหาโดนลงโทษทางวินัยเนื่องจากความประพฤติไม่เหมาะสม จนโดนริบปลอกแขนกัปตันทีม

ฝั่งนักเตะเองก็ไม่อยากอยู่ต่อเช่นกัน พอสบช่องย้ายทีมจึงยอมรับข้อเสนอทันที แม้ว่าบาร์ซ่าที่กำลังมีปัญหาการเงินเวลานี้จะพร้อมจ่ายค่าเหนื่อยแค่ 2 ล้านยูโร (78 ล้านบาท) ในปีแรก น้อยกว่าที่เขาได้จากปืนใหญ่ปีละ 9 ล้านยูโร (351 ล้านบาท) ก็ตาม

ข่าวบอกว่า จริงๆ บาร์ซ่าอยากเพิ่มข้อเสนอค่าเหนื่อยให้มากกว่านี้ แต่เป็นเพราะ อุสมาน เด็มเบเล่ แนวรุกชาวฝรั่งเศสไม่ได้ย้ายทีมไปไหน ก็เลยไม่มีงบประมาณเหลือพอ

ชาบี้ กุนซือบาร์ซ่า กดดันเด็มเบเล่ออกสื่อชัดเจนว่า ถ้าไม่ยอมต่อสัญญาก็ต้องย้ายทีม ขณะที่ตัวเขาก็ออกมาตอบโต้ว่าจะไม่ยอมโดนสโมสร “แบล็กเมล์” เด็ดขาด โดยมีวงในเมาธ์ว่า ทั้งบาร์ซ่าและตัวแทนของเด็มเบเล่พยายามเสนอขายเขาให้กับ 3 สโมสรในอังกฤษ แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ไม่สนใจ ส่วน ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ มองว่าแพงเกินไป

ต่อมามีข่าวว่า เขาตกลงเงื่อนไขย้ายร่วมทีมปารีส แซงต์แชร์แมง ด้วยสัญญายืมตัวได้แล้ว แต่สุดท้ายดีลล่มเสียก่อน และต้องรอหมดสัญญาเมื่อจบฤดูกาลเพื่อย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวแทน

 

สําหรับเชลซี ตลาดซื้อขายรอบนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวตื่นเต้นมาก มีแค่คว้าดาวรุ่ง ดีแลน วิลเลียมส์ จากดาร์บี้ เคาน์ตี้ เท่านั้น

ส่วน ลิเวอร์พูล โดยนโยบายของสโมสรจะไม่ค่อยซื้อในลักษณะ “panic buy” หรือรีบร้อนซื้อเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอยู่แล้ว แม้ว่าช่วงเดือนมกราคมถึงต้นกุมภาพันธ์ ทีมจะขาดตัวหลักอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ที่ไปรับใช้ทีมชาติในศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ก็ตาม

แต่ด้วยสถานการณ์บังคับทำให้หงส์แดงต้องเร่งเจรจาปิดดีลคว้า หลุยส์ ดิอาซ ปีกจากปอร์โต้แบบปัจจุบันทันด่วน เนื่องด้วยเดิมหงส์แดงตั้งใจจะยื่นซื้อดิอาซในช่วงตลาดซัมเมอร์ซึ่งมักจะต่อรองได้ง่ายกว่า แต่มีข่าวว่าสเปอร์สเอาจริงในการดึงดิอาซร่วมทีม ทำให้ลิเวอร์พูลต้องเร่งขยับตัวดังกล่าว

ด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงนโยบายเดิม นั่นคือ ซื้อตัวที่ใช่ ไม่เกี่ยงค่าตัวถ้าจำเป็น และลงเอยด้วยการคว้า ฮูเลียน อัลวาเรซ กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ของริเวอร์เพลท แม้ว่าก่อนหน้านั้นสื่อจะประโคมข่าวว่า อัลวาเรซจ่อย้ายไปแมนฯ ยู คู่ปรับร่วมเมืองก็ตาม

 

สําหรับปีศาจแดง ในบรรดาทีมใหญ่ด้วยกัน โดนวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนบอลค่อนข้างหนัก เนื่องจากปิดตลาดซื้อขายโดยไม่ได้ดึงใครเข้าเลย แถมยังปล่อยย้ายรวมแล้วถึง 8 คน

ช่วงที่ผ่านมา ประสาแมนฯ ยูมักโดนสื่อดึงไปเอี่ยวกับชื่อนักเตะเป็นสิบเป็นร้อยรายในหลายตำแหน่ง อาทิ เด็มเบเล่, อัลวาเรซ, ดูซาน วลาโฮวิช, เดนิส ซากาเรีย แต่สุดท้ายนักเตะเหล่านี้ก็ไม่ได้ย้ายสู่ถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด

ขณะเดียวกัน ปีศาจแดงปล่อยดาวรุ่งและแข้งหลายคนให้ทีมอื่นยืมตัว ได้แก่ เทเดน เมนจี้ (เบอร์มิงแฮม), อักเซล ตวนเซเบ้ (นาโปลี), อีธาน แลร์ด (บอร์นมัธ), รีซ เดวีน (วอลซอลล์), อองโตนี่ มาร์ซิยาล (เซบีย่า), อาหมัด ดิยัลโล่ (เรนเจอร์ส), ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ก (เอฟเวอร์ตัน), มาเตย์ โควาร์ (เบอร์ตัน อัลเบียน)

การปล่อยนักเตะไปก็เรื่องหนึ่ง แต่แฟนบอลอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ด้วยสภาพทีม ตัวเลือกแต่ละตำแหน่งก็ใช่ว่าจะเป๊ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก เมสัน กรีนวู้ด แนวรุกดาวรุ่ง โดนตำรวจจับจากกรณีต้องสงสัยทำร้ายแฟนสาว จนโดนสโมสรพักงานไม่มีกำหนดในขณะนี้

กรณีกรีนวู้ดเกิดกระชั้นกับช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดซื้อขายมากเกินไปจนบอร์ดบริหารอาจจะขยับตัวไม่ทัน แต่การรั้งตัว เจสซี่ ลินการ์ด ไว้ (ประกอบกับเจ้าตัวอยากรอหมดสัญญาเพื่อพิจารณาทางเลือกต่างๆ) ก็น่าจะพอมีทางเลือกในทีมเหลืออยู่ เช่นเดียวกับการที่ ราล์ฟ รังนิก พูดคุยกับ เอดินสัน คาวานี่ ขอให้เขาอยู่ต่อจนจบซีซั่น แม้จะมีข่าวว่าโดนหลายทีมรุมจีบก็ตาม

นอกจากนี้ คนที่ปล่อยออกไปก็เป็นคนที่ควรได้ไปหาประสบการณ์ หรืออยากหาโอกาสลงสนามสม่ำเสมอขึ้นอยู่แล้ว ตัวรังนิกเองเซ็นสัญญาคุมทีมแค่ระยะสั้นถึงสิ้นฤดูกาล อาจจะไม่อยากซื้อนักเตะใหม่เข้ามาเป็นโจทย์ให้โค้ชคนใหม่จัดทีมในซีซั่นหน้า

ถือเป็นการวัดดวงที่สมเหตุสมผล แต่สุดท้ายจะได้รับคำชมหรือคำด่า คงต้องรอดูบทสรุปเมื่อจบฤดูกาลอีกที