ไทม์เอาต์ / จริงตนาการ /6 เดือนของ ‘ราล์ฟ รังนิค’ บทพิสูจน์ ‘พัง’ หรือ ‘ปัง’ ที่อังกฤษ

ไทม์เอาต์/จริงตนาการ

6 เดือนของ ‘ราล์ฟ รังนิค’

บทพิสูจน์ ‘พัง’ หรือ ‘ปัง’ ที่อังกฤษ

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมอีกครั้ง หลังจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ตำนานนักเตะของสโมสรต้องแยกทางกับทีมไป เพราะผลงานในช่วงหลังย่ำแย่อย่างมาก

ราล์ฟ รังนิค กุนซือชาวเยอรมัน ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมันสมองของวงการฟุตบอลเมืองเบียร์ในช่วง 20 ปีหลัง เข้ามากุมบังเหียนทีมปีศาจแดงในระยะสั้น เวลา 6 เดือน ก่อนจะมีสัญญาขยับเป็นที่ปรึกษาของสโมสรเป็นเวลา 2 ปี หลังจบฤดูกาลนี้

โค้ชวัย 63 ปี มีฉายาว่า “ศาสตราจารย์” เพราะมักจะศึกษาหาแนวทางการเล่นใหม่ๆ อยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจะยังไม่เคยคุมทีมระดับโลก แต่ผลงานกับทีมเล็กไปจนถึงระดับกลางก็ทำให้รังนิคได้รับการยอมรับอย่างสูงจากโค้ชและนักเตะเยอรมันด้วยกันเอง

การทำงานเป็นทั้งผู้อำนวยการฟุตบอลและหัวหน้าผู้ฝึกสอนของไลป์ซิก รวมทั้งซัลบวร์ก ในออสเตรีย รังนิคใช้เทคนิคใหม่ๆ มากมายมาพัฒนาทีม

รังนิคติดตามแนวทางการทำทีมของ อาร์ริโก้ ซาคคี่ โค้ชชาวอิตาเลียน ที่พาเอซี มิลาน ยิ่งใหญ่สุดๆ ผ่านทางเทปบันทึกภาพที่มีอยู่มากมาย และเอาเทคนิคต่างๆ ของซาคคี่มาปรับใช้กับทีมที่เขาคุมอยู่

รังนิคให้ไลป์ซิกติด “ซ็อกเกอร์บอต” เทคโนโลยีในการฝึกซ้อมที่จะวิเคราะห์ด้านต่างๆ ของนักเตะออกมาอย่างละเอียด มูลค่าอยู่ที่กว่า 40 ล้านบาท เขาให้ความหมายของซ็อกเกอร์บอต ว่าเป็นเหมือนการเล่นเกมเพลย์สเตชั่น แต่ด้วยเท้า ไม่ใช่ด้วยมือที่จับจอยบังคับ

ย้อนไปในปี 1999 เขาเป็นโค้ชคนแรกในเยอรมนีที่จ้างนักวิเคราะห์จากภาพวิดีโอ ลาร์ส คอร์เนติก้า คือคนที่ทำงานกับรังนิคมาตั้งแต่วันนั้น และอยู่ด้วยกันมาตลอด จนมาถึงแมนฯ ยู

 

กุนซือคนใหม่ของทีมปีศาจแดงได้ขอข้อมูลต่างๆ ของนักเตะแมนฯ ยูทั้งหมดที่มี เพื่อใช้ในการเตรียมงานใหม่ของตัวเองแล้ว โดยเริ่มวางแผนการซ้อมใหม่ให้กับทีมทันที หลังจบเกมเสมอเชลซี 1-1

วิทยาศาสตร์การกีฬาที่ล้ำสมัยเป็นสิ่งที่รังนิคชอบมากๆ การตรวจเลือดและน้ำลายจะถูกนำมาใช้ที่ศูนย์ฝึกแคร์ริงตัน เพื่อวิเคราะห์สภาพร่างกายและความฟิต ผู้เชี่ยวชาญด้านร่างกายของนักกีฬาจะออกแบบแผนการฝึกซ้อมที่ดึงศักยภาพของนักเตะได้อย่างสูงสุด

ในเรื่องของโภชนาการ ทีมงานของรังนิคจะตรวจสอบเรื่องกลูเตนและแล็กโตสในอาหารของอาหารที่นักเตะกินในแต่ละวัน

ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับมาคอยดูแลนักเตะว่าจะทำอย่างไรให้ลูกทีมของเขานอนหลับได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ส่วนเทคนิคในสนาม รังนิคจะมีการติดนาฬิกานับถอยหลังในสนามซ้อม เพราะแนวทางการทำทีมของเขาคือ เมื่อเสียบอลต้องแย่งกลับมาให้ได้ภายใน 8 วินาที และหลังจากนั้น 10 วินาที ต้องเปลี่ยนจากเกมรับให้เป็นเกมรุก และต้องสร้างโอกาสในการยิงประตูให้ได้ภายใน 10 วินาทีนั้นด้วย

“นาฬิกานับถอยหลังอาจจะสร้างความลำบากใจให้กับนักเตะในช่วงแรกๆ แต่ถ้าพวกเขาเชื่อมั่นในแนวทางนี้ และทำได้จนชินก็จะปรับเปลี่ยนเกมรับเป็นเกมรุกได้เร็วมากในการแข่งขันจริง” รังนิคเคยพูดถึงแท็กติกของตัวเองเอาไว้

 

การสร้างนักเตะเยาวชนให้เติบโตขึ้นมาเสริมชุดใหญ่ก็เป็นจุดแข็งของโค้ชคนนี้ เพราะนักเตะชื่อดังหลายคนก็เคยผ่านมือเขามาแล้วทั้งนั้น เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์, มานูเอล นอยเออร์, โยชัว คิมมิช, อิบราฮิมา โคนาเต้, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ดาวิด อลาบา, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ต่างได้วิชาจากเขามามากมาย

รังนิคเชื่อว่านักเตะที่ดีจะต้องมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจตั้งแต่อายุ 17 และเมื่ออายุ 20 จะต้องเล่นฟุตบอลอาชีพได้แล้ว ต้องสร้างความกระหายให้กับตัวเองตลอดเวลา และต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้

ถึงแม้จะมีเทคนิค ประสบการณ์ ความสามารถที่สูงจนได้รับการยอมรับ แต่ถ้าพิจารณาจากสถิติของรังนิคนับเฉพาะบุนเดสลีก้า รังนิคพาทีมที่คุมชนะได้เพียง 41 เปอร์เซ็นต์ หรือ 204 เกม ในเกือบ 500 เกม เก็บคะแนนได้เฉลี่ย 1.48 คะแนนต่อเกมเท่านั้น

รังนิคอาจจะพิสูจน์ตัวเองมามากมายในวงการฟุตบอล แต่การมาทำงานที่อังกฤษ เขามีงานใหญ่ให้ต้องพิสูจน์อีกมากจริงๆ โดยเฉพาะความรู้ที่มีในหัว จะพาแมนฯ ยูไปได้ถึงจุดไหนในเวลาอีก 6 เดือนหลังจากนี้