เขย่าสนาม/ เมอร์คิวรี่/ผ่าแผนเตรียมทัพ 3 นักบิดไทย ล่าแชมป์สนามท้ายบีอาร์ไอซี

เขย่าสนาม/เมอร์คิวรี่ [email protected]

ผ่าแผนเตรียมทัพ 3 นักบิดไทย

ล่าแชมป์สนามท้ายบีอาร์ไอซี

 

ศึกสองล้ออันดับหนึ่งของเมืองไทย ซูเปอร์ไบค์ชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2021 ดวลกันมาจนถึงสนามที่ 4 ซึ่งสุดท้ายของปีตัดสินแชมป์กันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ช่วงวันที่ 9-12 ธันวาคมนี้

แต่กว่าที่จะเดินทางมาจนถึงสนามนี้ต้องผ่านสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ต้องเลื่อนการแข่งขัน ก่อนที่ได้รับไฟเขียวให้กลับมาจัดการชิงชัยได้อีกครั้ง เพื่อช่วยพยุงให้วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยกลับมาขับเคลื่อนการพัฒนาได้อีกครั้ง

การแข่งขันปีนี้จัดภายใต้แนวคิด “Rise of Thai Hero” การฟื้นคืนกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของฮีโร่นักแข่งไทย บนสังเวียนความเร็วเวิลด์คลาสในศึกสองล้อชิงแชมป์ประเทศไทย

ซึ่งนับได้ว่าเป็นรายการสำคัญของนักแข่งไทยก่อนที่จะมีโอกาสลงสู่สนามระดับนานาชาติ

 

การชิงชัยมีทั้งหมด 5 รุ่นคือ ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี, ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี, ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี, ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี, สปอร์ตโปรดักชั่น 400 ซีซี และ 2 ซัพพอร์ตเรซ ได้แก่ ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนซ์ และยามาฮ่า อาร์ ซีรีส์ คัพ รวม 4 สนาม 5 เรซ โดยสนามแรก วันที่ 17-19 กันยายน, สนามที่ 2 วันที่ 1-3 ตุลาคม, สนามที่ 3 วันที่ 15-17 ตุลาคม

ในส่วนทัพนักบิด ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ส่ง 3 นักบิดร่วมชิงชัย ประกอบด้วย “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ยอดนักบิดสาวแกร่งหมายเลข 44, “แชมป์” ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์ หมายเลข 123 และ “ดรีม” สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง หมายเลข 45 ลงแข่งขันรุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี

หลังผ่านไป 3 สนาม ทัพนักบิดฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ทำผลงานรักษามาตรฐาน และยังนำจ่าฝูงประเภททีมอยู่ในตอนนี้ พร้อมกับยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ศึกโออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2021 สนามสุดท้าย ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

สนามแรก 3 นักบิดฮอนด้าประเดิมผลงานได้ร้อนแรง โดยภาสวิชญ์ทะยานขึ้นมาคว้าอันดับ 2 ได้อย่างสุดมัน ตามหลังผู้ชนะเพียง 0.879 วินาทีเท่านั้น ตามด้วยทีมเมทสาวแกร่ง มุกข์ลดา อันดับ 3 ช้ากว่าผู้ชนะ 0.920 วินาที ขณะที่สิทธิศักดิ์เข้าป้ายอันดับ 5 ตามหลัง 1.222 วินาที

ถัดมาในสนาม 2 ทั้ง 3 จอมบิดฮอนด้ายังคงรักษาฟอร์มยอดเยี่ยมต่อเนื่อง โดยมุกข์ลดาขยับคว้าอันดับ ตามหลังผู้เข้าป้ายคันแรกเพียง 0.305 วินาที ขณะที่ภาสวิชญ์เข้ามาเป็นอันดับ 3 ตามหลังผู้ชนะ 1.298 วินาที และอันดับ 4 สิทธิศักดิ์ตามหลัง 1.624 วินาที

จากนั้นสนาม 3 ต้องดวลความเร็วกันฝ่าสายฝน โดยที่มุกข์ลดายังรักษาฟอร์มเก่งบิดเข้าป้ายอันดับ 2 ตามหลัง 1.095 วินาที ตามด้วยทีมเมทอย่างสิทธิศักดิ์อันดับ 3 ตามหลัง 10.928 วินาที ได้ฉลองโพเดียมอันดับ 2-3 อีกครั้ง ขณะที่ภาสวิชญ์เข้ามาอันดับ 5 ตามหลัง 28.487 วินาที

ผ่าน 3 สนาม ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ รั้งจ่าฝูงประเภททีมอย่างเหนียวแน่น ขณะที่มุกข์ลดารั้งอันดับ 2 บนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภทนักบิด มีทั้งสิ้น 56 คะแนน ตามด้วยภาสวิชญ์อันดับ 3 มีทั้งสิ้น 47 คะแนน ด้านสิทธิศักดิ์ที่ขึ้นโพเดียมครั้งแรกในปีนี้ รั้งอันดับ 5 มีทั้งสิ้น 40 คะแนน

โดยทั้ง 3 คนยังคงมีลุ้นแชมป์ประจำปีอย่างเต็มตัว

 

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าในปีนี้ทีมงานฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ได้ทำงานหนักมาก เนื่องจากปีนี้เป็นปีแรกที่เปลี่ยนมาใช้รถรุ่น CBR 600RR ซึ่งในตอนแรก นักแข่งทุกคนก็ยังไม่สามารถรีดศักยภาพรถออกมาได้เต็มที่เนื่องจากเป็นของใหม่ แต่หลังผ่าน 3 สนาม ทำให้ได้มีการเก็บข้อมูลต่างๆ ได้มากขึ้น

โดยเฉพาะเรื่องของระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้เรียนรู้และทำความเข้าใจกับรถคันนี้ได้อย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งสนามสุดท้ายนี้ ทัพนักบิดฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ อยู่ในสภาพที่พร้อมแบบเต็มสูบ ไม่ว่าจะเป็นรถแข่ง นักแข่ง และทีมงานช่างทุกคน ในการไล่ล่าแชมป์ส่งท้ายปี

“โค้ชฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ อดีตนักบิดโมโตทู ขวัญใจชาวไทย ซึ่งปัจจุบันรับหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ มั่นใจว่า ทั้ง 3 นักบิดฮอนด้า “มุกข์ลดา-ภาสวิชญ์-สิทธิศักดิ์” จะผงาดคว้าแชมป์ได้อย่างแน่นอน พร้อมชี้ “มุกข์ลดา” มีโอกาสมากที่สุด

“จากการทดสอบการซ้อมครั้งล่าสุดในทีมของเราเองนั้นถือว่า เป็นผลงานที่ทำได้ดีขึ้นมาก ทั้ง 3 คนทำเวลาดีขึ้น และทุกคนก็สามารถทำเวลาได้ถึงเบสต์แล็บของตัวเองกันหมดแล้ว และเฉลี่ยสามารถทำเวลาในการขับขี่ลดลงมาเกือบวินาทีเลยทีเดียว โดยเฉพาะมุกข์ลดาที่แก้ปัญหาจุดอ่อนของตัวเองที่เกิดขึ้นจากทั้ง 3 สนามได้เกือบทั้งหมดแล้ว”

โค้ชฟิล์มยืนยันความพร้อมของทีมฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ในการลุยสังเวียนสนามสุดท้ายนี้ ซึ่งจากการเตรียมความพร้อมแบบสุดๆ ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถคว้าแชมป์ในสนามสุดท้ายมาครองได้อย่างแน่นอน

ซึ่งทั้ง 3 คนมีโอกาสคว้าแชมป์ได้ทั้งหมด เพราะศักยภาพตอนนี้ไม่ได้ห่างกันมากนัก

 

สําหรับเบื้องหลังในการแข่งขันครั้งนี้ของทีมฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ อยู่ที่ทุกคนภายในทีมทั้งหมด ทั้งนักแข่ง และทีมงานช่างทุกคน รวมทั้งผู้อยู่เบื้องต้นในการเตรียมความพร้อมให้ 3 นักบิดพร้อมแบบเต็มพิกัด ซึ่งทั้ง 3 คนต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคมากมาย

ทั้งการต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19 ที่ต้องฝึกซ้อมกันในระบบปิดตามมาตรการป้องกันต่างๆ ที่เคร่งครัด รวมทั้งการปรับจูนให้เข้ากับรถรุ่นใหม่ที่ทั้ง 3 คนจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพเครื่อง แต่ผลงานที่ออกมานั้น ถือเป็นความสำเร็จขั้นแรกที่พร้อมขยับไปสู่ความสำเร็จขั้นต่อๆ ไป

การชิงชัยสนามสุดท้ายของศึก “โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2021” ทาง 3 นักบิดจากฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ พร้อมเต็มสูบกับการไล่ล่าแชมป์

ซึ่งเชื่อว่าจากเบื้องหลังทั้งหมดจะช่วยขับเคลื่อนให้ทั้ง 3 คนก้าวไปประสบความสำเร็จส่งท้ายปีนี้ได้อย่างแน่นอน