เขย่าสนาม/เด็กเก็บบอล/มวยล้มต้มคนดู ภัยร้ายที่ยังฝังลึก

เขย่าสนาม/เด็กเก็บบอล [email protected]

มวยล้มต้มคนดู

ภัยร้ายที่ยังฝังลึก

 

เรียกได้ว่าวงการกีฬาไทยช่วงนี้ อารมณ์ประมาณพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก เลยก็ว่าได้

หลังจากเจอมรสุมหนักเรื่องของการโดนแบนจากองค์การสารต้องห้ามโลก (วาด้า) ในเรื่องของการทำผิดกฎด้านศูนย์ตรวจสารต้องห้ามในไทย จนสะเทือนไปทั้งวงการ

ล่าสุดก็มีประเด็นของ การล้มมวย ที่เรียกได้ว่าล้มกันแบบชัดๆ เห็นกันไปทั่ว

จนกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ เพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น

 

กับกรณีของ ฟ้าวันใหม่ ช.ไทยเศรษฐ์ ซึ่งออกมารับสารภาพว่าทำการล้มมวยแพ้น็อกให้กับ หลานย่าโม ว.วัฒนะ ในยกที่ 4 ศึกมวยไทย “มวยมันส์วันศุกร์” ที่เวทีมวยโรงยิมอเนกประสงค์ สนามกีฬากลาง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา

ภาพที่ออกมาให้เห็นนั้น คือการที่ฟ้าวันใหม่นั้นเดินเข้าไปโดนศอกของหลานย่าโม ตามศัพท์ของคนดูมวยต้องบอกว่าโดนแบบถากๆ เท่านั้น แต่ฟ้าวันใหม่กลับทิ้งตัวลงไปนอนอย่างกับว่าโดนเต็มแรง จนมีคลิปออกมาในโลกโซเชียล ตั้งข้อสงสัยกันว่าสรุปแล้ว โดนจริงหรือแกล้งล้ม

ตามการรายงานนั้นออกมาบอกว่า ฟ้าวันใหม่รับงานโดยมีเงื่อนไขคือให้ชกให้เหนือกว่าคู่แข่งตลอด 3 ยกแรก แล้วค่อยโดนอาวุธอะไรก็ได้จนแพ้น็อกในยกที่ 4

ผู้ที่จับเรื่องนี้ได้ว่าไม่ชอบมาพากล ก็คือ “เสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์ศึกเพชรยินดีในฐานะโปรโมเตอร์จัดศึกดังกล่าว ออกมาเปิดเผยว่าฟ้าวันใหม่นั้นตกลงที่จะล้มมวย ตามข้อเสนอของ “เสี่ยฟาร์มควาย” อุดม จาร์ลี เจ้าของฟาร์มควายจาก จ.นครนายก อดีตหัวหน้าคณะนักมวยเกียรติพานทอง ในวงเงิน 500,000 บาท โดยรับเงินมาเบื้องต้นแล้ว 30,000 บาท

ซึ่งฟ้าวันใหม่เมื่อยอมรับว่าล้มมวย ก็ได้ไปเข้าแจ้งความจับผู้จ้างวานอย่างอุดม จารย์ลี ที่สถานีตำรวจภูธรเขาบางแกรก จ.อุทัยธานี ต่อด้วยการเข้าให้ปากคำเปิดเผยขั้นตอนการว่าจ้างล้มมวยต่อสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)

จากนั้น สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย ก็ไปแจ้งความที่ สภ.บุรีรัมย์ ในข้อหาฟ้าวันใหม่ทำการล้มมวย เนื่องจากเป็นสถานที่เกิดเหตุล้มมวย ทำให้ตอนนี้มีสถานีตำรวจภูธร 2 แห่ง ที่รับหน้าที่สืบสวนคดีดังกล่าว

ซึ่งความคืบหน้าเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ทางนายอุดม จารย์ลี เองก็ได้เข้ามอบตัวแล้ว พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก่อนจะใช้วงเงิน 100,000 บาท ประกันตัวออกไป

ตามข้อกฎหมาย ยึดจาก พระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 ที่ระบุโทษไว้ชัดเจนว่า ผู้ใดฝ่าฝืนในกรณีล้มมวยไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าจ้าง หรือผู้รับจ้าง จะมีโทษต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

บทสรุปของเรื่องนี้เราก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่า ทั้งผู้ว่าจ้าง กับผู้รับจ้าง จะถูกศาลตัดสินโทษว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องแบบนี้คงใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าจะได้บทสรุปกัน

 

กรณีศึกษาของเรื่องนี้ ต้องย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2561 กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับ สน.นางเลิ้ง จับกุม “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.50/2562 หลังก่อเหตุล้มมวยในการชกกับ ดาว ก.กัมปนาท เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2561 ที่เวทีราชดำเนิน โดยค่าจ้างในการล้มมวยในครั้งนั้นเป็นค่าจ้างจำนวน 60,000 บาท โดยผู้ที่ว่าจ้างให้ทำการล้มมวยคือ เซียนเอก หรือ นายวรพัทธ์ รัตน์สิรสมโภช

ซึ่งกรณีดังกล่าว ณ ตอนนี้ยังคงมีการสู้คดีกันอยู่ โดยศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์

ฉะนั้น คงต้องบอกว่าการล้มมวยนั้นไม่ใช่มีแค่ครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาก็มีทั้งที่แบบจับได้บ้าง หรือจับไม่ได้บ้าง ที่จับได้มีเป็นข่าวบ้างหรือไม่เป็นข่าวบ้างก็ดี เพราะคนในวงการมวยเองก็มีวิธีจัดการเรื่องแบบนี้ในแบบของตัวเอง ที่ไม่ต้องพึ่งกฎหมายบ้านเมืองก็ได้

เรื่องของการจ้างล้มมวยนั้น มันถูกฝังเอาไว้อยู่ในกีฬาอันเป็นศิลปะประจำชาติ ตัวคนทำมวย, เจ้าของค่าย, โปรโมเตอร์, เทรนเนอร์ หรือตัวนักมวยเองก็รู้กันดี แล้วเรื่องราวเหล่านี้มันไม่ได้เกิดจากคนนอก แต่มันมาจากคนในวงการมวยที่บ่อนทำลายกันเองล้วนๆ

ปัญหามันก็อยู่ที่เรื่องของเงินๆ ทองๆ และการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างที่รู้กันว่าเวลาเข้าไปในสนามมวย มันจะมีเรื่องของการพนันให้เห็นอยู่ ไม่ต่างอะไรกับเวลาไปดูฟุตบอลต่างประเทศแล้วเขามีห้องให้เล่นพนันก่อนเข้าสนามอย่างไงอย่างงั้น

ยิ่งปัจจุบันนี้ยุคออนไลน์เริ่มเข้าถึงได้ง่าย มีการเล่นพนันผ่านทางเว็บไซต์ได้อีก ไม่ต้องเข้าไปที่สนามก็สามารถเสี่ยงดวงได้

ฉะนั้น มันก็ยิ่งทำให้ใครๆ ก็สามารถเล่นพนันได้ ขอแค่มีเงินก็พอ

 

อย่างในกรณีของฟ้าวันใหม่ เจ้าตัวเองเมื่อรับงานมา ก็รู้ว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายแพ้ ก็ไปลงพนันฝั่งคู่แข่งเอาไว้ เพื่อจะรับเงินได้อีกทางหนึ่ง ดังนั้น ถ้าเกิดเห็นมวยคู่ไหนต่อยแปลกๆ ไม่สมราคา อาจจะทำให้มองได้เลยว่านายคนนั้น คนนี้ รับงานมาหรือเปล่า

“เสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์ศึกเพชรยินดีซึ่งได้รับคำชื่นชมจากคนวงการมวยที่กล้าออกมาท้าชนกับความไม่ถูกต้องของวงการมวยไทย บอกว่า ควรที่จะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นคดีตัวอย่างอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครถูกจับเลยสักคน

“ผมกำลังทำเพื่ออนาคตของวงการมวยไทย ผมกำลังทำเพื่อมวยไทยจะได้ไปต่อในรุ่นลูก รุ่นหลานของเรา ถ้าเรายังปล่อยให้มันเละเทะ เน่าเฟะแบบนี้ ผมบอกเลยว่าอนาคตไม่มีใครอยากจะเข้ามาในสังคมนี้หรอก”

ก็ได้แต่หวังว่าคดีของฟ้าวันใหม่ มันจะทำให้คนในวงการมวยเองได้รู้สึกตื่นตัว และหันมาปกป้องวงการมวยไทยเอาไว้บ้าง ไม่งั้นศิลปะประจำชาติไทย มันก็จะค่อยๆ เลือนหายออกไปเรื่อยๆ

ถึงเวลาหรือยังที่จะกำจัดภัยร้ายฝังลึกของวงการมวยอย่างนี้ออกไปให้สิ้นซาก?