เขย่าสนาม : ‘ปลดโค้ช’ วังวนดิ่งเหว บอลไทยเกาไม่ถูกที่คัน

เขย่าสนาม

เงาปีศาจ

 

‘ปลดโค้ช’วังวนดิ่งเหว

บอลไทยเกาไม่ถูกที่คัน

 

ในที่สุดสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ภายใต้การนำของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง หมดความอดทนประกาศยกเลิกสัญญาแยกทางกับ อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่นวัย 66 ปี

นิชิโนะนำทีมฟุตบอล “ช้างศึก” ไปล้มเหลวตกรอบฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)

คนที่ติดตามฟุตบอลไทยมาตลอดจะทราบดีว่า การปลดโค้ชเมื่อทีมฟุตบอลไทยล้มเหลวในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ จบลงนั้น กลายเป็นของคู่กันจนแทบจะแยกไม่ออก บอลไทยเราปลดโค้ชจนเปรียบเสมือนการพายเรืออยู่ในอ่างน้ำวน ทำแบบซ้ำๆ ทำแบบเดิมๆ กันมากี่ยุค กี่สมัย

นิชิโนะ ที่เคยคุมทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่ไปฟุตบอลโลก 2018 เซ็นสัญญาคุมทีมชาติไทย เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2562 แทนที่ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย โดยทำหน้าที่คุมทั้งชุดใหญ่ และชุด 23 ปี ก่อนจะโดนปลดแบบฟ้าผ่าวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 รวมการทำงาน 2 ปี 9 วัน

ผลงานช่วงแรกเมื่อครั้งเราได้นิชิโนะมาคุมทีม “ช้างศึก” เป็นที่ถูกใจของแฟนบอล โดยเฉพาะฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก เปิดฉากเสมอเวียดนาม จากนั้นบุกชนะอินโดนีเซีย และเปิดบ้านโค่นยักษ์อย่างยูเออี 2-1 พาทีมขึ้นจ่าฝูงกลุ่มจี

แต่จากนั้นอีก 5 แมตช์ “ช้างศึก” กลับไม่ชนะเลย แพ้มาเลเซีย 1-2, เสมอเวียดนาม 0-0 และ 3 นัดท้ายที่ยูเออี เสมออินโดนีเซีย 2-2, แพ้ยูเออี 1-3 และแพ้มาเลเซีย 0-1 จบด้วยอันดับ 4 จาก 5 ทีม มี 9 แต้ม

ส่วนการคุมทีมชุด 23 ปี ซีเกมส์ 2019 พาทีมชาติไทยตกรอบแรก ทั้งที่ขนนักเตะชั้นนำอย่าง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, สุภโชค สารชาติ, ศุภชัย ใจเด็ด, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ฯลฯ ไปแข่งขัน ผลงาน ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1

ส่วนศึก 23 ปีชิงแชมป์เอเชีย 2020 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ คัดไปโอลิมปิกเกมส์ ผ่านรอบแรก ผลงานชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 แต่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แพ้ซาอุดีอาระเบีย 0-1 ตกรอบ

 

หลังจบ 3 นัดสุดท้ายศึกคัดบอลโลกที่ยูเออี นั่นกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่แฟนบอลไทยรับไม่ได้กับผลงานการคุมทีมของกุนซือชาวญี่ปุ่นอีกต่อไป ดาหน้ากันออกมากดดันสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ให้ปลดนิชิโนะพ้นเก้าอี้กุนซือ…

หลังตกรอบที่ยูเออี นิชิโนะบินกลับญี่ปุ่นทันทีเพื่อจัดการธุระส่วนตัวเนื่องจากแม่เสียชีวิตเมื่อต้นปี และร่วมพิธีวิ่งคบเพลิงโอลิมปิก 2020 โดยที่ไม่มีการสั่งงานทีมงานสตาฟฟ์โค้ชไว้เลย

นั่นทำให้ “บิ๊กอ๊อด” ถึงกับฉุนขาด กระทั่งได้แต่งตั้ง “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด ทำหน้าที่รักษาการเฮดโค้ช โดยไม่แจ้งนิชิโนะล่วงหน้าเป็นการเอาคืนทันควัน

กระทั่งนิชิโนะกลับมาเมืองไทย และอยู่ระหว่างการกักตัว “บิ๊กอ๊อด” ยกเลิกสัญญานิชิโนะตามกระแสเรียกร้องจากแฟนบอล โดยสัญญาฉบับแรกค่าจ้างนิชิโนะอยู่ที่ปีละ 30 ล้านบาท ส่วนสัญญาฉบับปัจจุบันอยู่ที่ 33 ล้านบาท

สรุปแล้วเราเสียให้นิชิโนะไปกว่า 60 ล้านบาท ซื้อความตื่นเต้น ซื้อความสุขช่วงแรกไม่กี่เดือนเท่านั้น

 

ว่ากันว่าอีกประเด็นใหญ่ที่ทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ หมดความอดทนกับนิชิโนะ คือเรื่องการกลับบ้านที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลานานๆ อีกด้วย เช่น เมื่อปลายปี 2020 ต่อ 2021 กลับไปญี่ปุ่นประมาณ 4 เดือน

การยกเลิกสัญญาระหว่างสมาคมกีฬาฟุตบอลของไทยกับนิชิโนะ หลายคนถูกใจ หลายคนไม่โอเคเพราะเป็นการแสดงถึงการไม่ให้เกียรติกุนซือชาวญี่ปุ่น วันแรกที่เราจ้างเขาจำกันได้หรือเปล่าว่าเราต้องขนทีมงานบินไปแถลงข่าวต่อสื่อที่ญี่ปุ่นก่อนเมืองไทยเสียอีก เรียกได้ว่าตอนนั้นครึกโครมเป็นข่าวใหญ่ทั่วเอเชีย แต่วันที่เรายกเลิกสัญญาจ้างกับนิชิโนะ เราปฏิบัติต่อเขาด้วยการบอกกับเขาผ่านการประชุมแบบออนไลน์

มองกันตรงไปตรงมา ไม่ใช่ว่า นิชิโนะ ไม่มีฝีมือ แต่ข้อผิดพลาดของนิชิโนะคือ ไม่รู้จัก และไม่เข้าใจฟุตบอลไทยดีพอด้วยเวลาการทำงานที่น้อย ด้วยความที่มีเวลาอยู่ด้วยกันกับนักเตะน้อย ความสัมพันธ์ในทีมก็น้อย

การได้รับการยอมรับจากนักเตะก็น้อยตามลงไปเป็นธรรมชาติ

 

ไม่นานที่ได้ประกาศปลดนิชิโนะ “บิ๊กอ๊อด” มอบหมายให้ *การ์เลส โรมาโกซา* ประธานเทคนิคสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชาวสเปน เป็นผู้คัดเลือกโค้ชคนใหม่ ท่ามกลางกระแสเรียกร้องจากแฟนบอลให้ลองใช้โค้ชชาวไทยมาคุมทีม แต่สิ่งหนึ่งที่แฟนบอลยังไม่เข้าใจคือ รายชื่อโค้ชยอดฝีมือหลายๆ คนนั้น ไม่สามารถทำงานร่วมกับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยุคนี้ได้ ชื่อจึงตกสำรวจไปแม้จะเก่งและได้รับการยอมรับจากแฟนบอลเป็นจำนวนมากก็ตาม…

รายชื่อที่เหลืออยู่ในกลุ่มโค้ชไทยระดับหัวกะทิมีทั้งเก่ง มีทั้งไม่เก่ง มีทั้งเก่งแล้ววินัยดี มีทั้งเก่งแต่วินัยไม่ดี สมาคมเลยดูเหมือนว่าลังเลกับการเลือกโค้ชคนใหม่มาคุมทีม “ช้างศึก”

การให้ *การ์เลส โรมาโกซา* เป็นคนเลือกโค้ชคนใหม่นั้น ตอกย้ำว่า โค้ชคนใหม่ที่กำลังจะมาคุม “ช้างศึก” ไม่น่าจะเป็นโค้ชชาวไทย ดังนั้น จึงมีชื่อของ ยูเซบิโอ ซาคริสตัน กุนซือชาวสเปนที่เคยเป็นผู้ช่วยของแฟรงก์ ไรจ์การ์ด ในทีมบาร์เซโลน่า ช่วงฤดูกาล 2003-2008 และมีผลงานคุมทีมไล่ตั้งแต่บาร์เซโลน่า บี, เรอัล โซเซียดาด และกิโรน่า

ยูเซบิโอ ซาคริสตัน เคยยื่นโปรไฟล์เข้ามาแย่งกับนิชิโนะเมื่อ 2 ปีก่อน แต่เราเลือกนิชิโนะ ครั้งนี้ว่ากันว่า เราจะลองเปลี่ยนมาใช้โค้ชชาวสเปน ยูเซบิโอ ซาคริสตัน มาคุมทีม

ผมเองสนับสนุนโค้ชสเปน แต่ย้ำก่อนว่า ต้องเป็นสเปนในแบบสเปน เคาะตามช่อง เน้นการครองบอล หาช่องเข้าทำ ไม่ใช่สเปนกึ่งยุโรปที่มีการสาดยาวจากแดนหลัง

บอลไทยตัวเล็ก คล่องแคล่ว ต้องเล่นแบบสเปน หรือละตินอเมริกา อาร์เจนตินา, บราซิล พวกนั้น เราตัวไม่ใหญ่ ไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปเล่นแบบอังกฤษ หรือเยอรมนี

ลำดับแรกเราต้องค้นหาสไตล์เราให้ได้ก่อน และไม่ว่าโค้ชกี่คน กี่คนที่เข้ามา เราต้องให้เขาทำทีมด้วยสไตล์ไทยแลนด์ สไตล์สเปน สไตล์ละติน ไม่เอาบอลยุโรป

ถ้าไม่คิดใหม่ และทำมันเดี๋ยวนี้ อีก 5 ปี 10 ปี เราก็ยังวนเวียนกับการปลดโค้ชทุกๆ การตกรอบซีเกมส์, ซูซูกิ คัพ, คัดบอลโลก ฯลฯ

เพราะเราไม่รู้จักสไตล์ ขีดจำกัด และความสามารถนักเตะไทยดีพอ…