เขย่าสนาม/เงาปีศาจ [email protected]

อาฟเตอร์ช็อกคัดบอลโลก

‘สมยศ VS นิชิโนะ’

จับตาทางออกลูกหนังไทย

 

ยังคุกรุ่นเขย่าวงการลูกหนังเมืองไทยกลายเป็นอาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่องหลังจากทีมฟุตบอล “ช้างศึก” ตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 โซนเอเชีย แบบไม่มีทรง

ความพ่ายแพ้ต่อ “เสือเหลือง” มาเลเซีย และการเสมอกับ อินโดนีเซีย ทำให้แฟนบอลไทยรับไม่ได้กับผลงานของทีมช้างศึกภายใต้การคุมทีมของ อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่น รวมถึงการบริหารงานของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แฟนบอลไทยค่อนข้างดุเดือด ส่วนหนึ่งเชียร์ให้ปลดโค้ช อากิระ นิชิโนะ ออกจากตำแหน่ง อีกส่วนหนึ่งขับไล่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ออกจากตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ

สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว ปล่อยข่าวหยั่งเชิงเรื่องปลดนิชิโนะออกมา โดยให้เหตุผลว่า ไม่สามารถติดต่อนิชิโนะได้อีกเลยหลังจากจบคัดบอลโลก โดยนิชิโนะบินกลับญี่ปุ่นทันทีเพื่อไปทำธุระส่วนตัว

ฝั่งนิชิโนะออกมาชี้แจงว่า ติดต่อได้ทุกเวลา ทำไมจะติดต่อไม่ได้

คำถามคือ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กำลังเล่นอะไรกันอยู่ นี่ไม่ใช่การเล่นขายของ นี่ไม่ใช่เวลามานั่งหาคนผิด โยนบาปให้ “ใคร” มาเป็นแพะรับผิดชอบต่อผลงานความล้มเหลวของทีมฟุตบอลไทย ซึ่งข้อเท็จจริงคือ มันต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งองคาพยพ ฝ่ายบริหารที่ตัดสินใจผิดพลาด โค้ชนิชิโนะ สตาฟฟ์โค้ช รวมถึงนักฟุตบอล เจ้าหน้าที่ ทีมงานทุกคน ต้องรับผิดชอบร่วมกัน

อย่าลอยตัว ทิ้งปัญหาให้ “ใคร” คนใดคนหนึ่งแบกรับ ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน คำว่า “ทีมสปิริต” มันจึงจะเกิดขึ้น มิใช่หรือ…?

 

สิ่งที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต้องทำในเวลานี้คือ ทบทวน ประเมินความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งหลายทั้งปวงแล้วนำกลับมาแก้ไขปัญหาเพื่อให้การเตรียมทีมฟุตบอลไทยในทัวร์นาเมนต์ต่อไปราบรื่น มิใช่หรือ…?

“บิ๊กอ๊อด” เพิ่งจะเรียกสตาฟฟ์โค้ชทั้ง อนุรักษ์ ศรีเกิด และ อิสระ ศรีทะโร เข้าไปชี้แจงว่า สาเหตุที่ล้มเหลวเกิดจากสาเหตุใดบ้าง ฟังๆ ดูแล้ว เกิดจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดเรื่องมีนักเตะติดโควิด-19 ระหว่างเตรียมทีม รวมถึงสภาพความฟิตอาการบาดเจ็บของนักเตะระหว่างการฝึกซ้อม

เรื่องนี้คนที่เข้าใจคำว่า “ฟุตบอล” เขาเข้าใจและพอรับได้

แต่ข้อสุดท้ายเรื่อง “ล่าม” ที่รับหน้าที่แปลสื่อสารข้อความจากนิชิโนะไปสู่นักเตะ ทั้งในเรื่องแท็กติก เทคนิคต่างๆ ทั้งการฝึกซ้อม และการแข่งขันนั้น ไม่มีความรู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับศาสตร์ลูกหนังอย่างถ่องแท้ทำให้สื่อการไม่ดีพอนั้น

ดูจะไม่แฟร์กับอาชีพของล่ามคนดังกล่าวสักเท่าใดนัก

อย่าโยนความผิดไปที่ “ล่าม” เพียงเพราะเขาไม่มีปากเสียงที่จะตอบโต้…

อย่าหลงประเด็นกัน มาถึงจุดนี้ไม่เกิดประโยชน์อะไร สมาคมต้องตัดสินใจแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อ จะกอบกู้ศักดิ์ศรีวงการลูกหนังเมืองไทยกลับมาได้อย่างไร

จะเรียกศรัทธาแฟนบอลไทยกลับมาได้อย่างไร

 

เรื่องลีกอาชีพฤดูกาลใหม่ยังฝุ่นตลบ ลูกผีลูกคน เรื่องทีมชาติ ศรัทธาเบาบาง จะแก้ไขกันอย่างไร เป็นเรื่องที่สมาคมต้องเร่งตัดสินใจแล้วลงมือทำทันที

หากยังเชื่อมั่นในฝีมือเลือก “นิชิโนะ” ทำงานต่อจะต้องปรับแผนงาน วางแผนงานกันอย่างไรเพื่อเป้าหมายซีเกมส์ที่เวียดนาม และรอบคัดเลือกเอเชี่ยนคัพ 2023 ที่ประเทศจีน ซึ่งจะเริ่มคิกออฟรอบคัดเลือกปลายปีนี้

แต่หากเลือกที่จะ “ปลด” นิชิโนะออกจากเก้าอี้ ก็ต้องเร่งคิดว่าจะเอา “ใคร” มานั่งเฮดโค้ชคนใหม่ จะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ หมดเวลาลองผิดลองถูกกันแล้ว…

ว่ากันว่า สัญญารอบนี้ของ “นิชิโนะ” จะไปหมดปลายเดือนมีนาคม ปี 2022 ซึ่งถึงตอนนั้น ผลงานทีมชาติไทยจะรู้ดำรู้แดงในศึกเอเชี่ยนคัพว่าจะได้ไปลุยรอบสุดท้ายหรือไม่…

ว่ากันต่อไปอีกว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ มีแนวโน้มไม่กล้าปลด “นิชิโนะ” ออกจากเก้าอี้กุนซือแน่นอน เนื่องจากนิชิโนะยังอยู่ในเงื่อนไขสัญญา อีกประเด็นคือ เรื่องค่าจ้างนิชิโนะที่ตกลงว่าจ้างกันเดือนละ 3 ล้านบาท วงในว่ากันมาอีกว่า จ่ายจริงมากกว่านั้น

 

นิชิโนะ คงยังอยู่ในเก้าอี้กุนซือทีม “ช้างศึก” ต่อไป แต่สังเกตกันหรือไม่ว่า กุนซือชาวญี่ปุ่นรายนี้ดูจะไม่ค่อยมีความสุขกับห้วงเวลาที่ผ่านมาสักเท่าไหร่

อย่าลืมว่า นิชิโนะ ไม่ใช่กุนซือกระจอก นิชิโนะ เป็นกุนซือมืออาชีพจากสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น บอลโลกก็ไปมาแล้ว แชมป์เจลีกก็คว้ามาแล้ว พากัมบะ โอซาก้า ไปถึงแชมป์เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ก็พิสูจน์มาแล้ว

แต่ปัจจัยภายนอก สภาพแวดล้อมภายนอกในเรื่องการทำงานนอกสนามของญี่ปุ่นกับเมืองไทย มันต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หากสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยังไม่เปลี่ยนแปลงวิธีคิด เราเองจะเสียโอกาส ไม่ว่ากุนซือต่างชาติคนไหนมาทำงานก็จะเจอกับวังวนเดิมๆ ไม่จบไม่สิ้น

สุดท้ายผลเสียทีมฟุตบอลไทยคงจะพายเรืออยู่ในอ่างก้าวไม่ข้ามอาเซียน ไปไม่ถึงเอเชีย

แต่ชอบคิดการใหญ่จะไปฟุตบอลโลกกันทุกๆ วงรอบ 4 ปี…