เขย่าสนาม/เมอร์คิวรี่/’ยูโร 2020′ กับโอกาส ‘SME ไทย’ พลิกฟื้นเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตโควิด

เขย่าสนาม/เมอร์คิวรี่ [email protected]

‘ยูโร 2020’ กับโอกาส ‘SME ไทย’

พลิกฟื้นเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตโควิด

 

คืนความสุขให้แฟนบอลชาวไทย พร้อมกับสร้างแบรนด์ให้คนไทยได้รู้จักมากยิ่งขึ้นสำหรับ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้ายี่ห้อ “แอโร่ซอฟ” ที่ทุ่มเงินกว่า 300 ล้านบาทซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2020” ให้กับคนไทยทั้งประเทศไทยได้ชมกัน

เสาหลักใหญ่อยู่ที่ โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริหาร บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้ายี่ห้อ “แอโร่ซอฟ” ซึ่งเป็นบิดาของ พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ประสานงานผ่านมาทางน้องชาย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จนปิดดีลยิงสดยูโร 2020 ลงอย่ารวดเร็ว

ถือเป็นการปิดดีลในช่วง 2 วันสุดท้ายก่อนเกมนัดเปิดสนามของศึกยูโร 2020 จะเริ่มเปิดฉาก พร้อมกับการทุ่มเม็ดเงิน 300 ล้านบาทช่วยให้คนไทยได้ชมการถ่ายทอดสดครบทั้ง 51 นัดแบบไม่มีค่าใช้จ่าย โดยไม่ได้มีเจตนามุ่งหวังผลกำไรแต่อย่างใด และไม่มีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง…

แต่แน่นอนว่าแบรนด์ของแอโร่ซอฟก้องติดหูแฟนบอลชาวไทยทั้งประเทศจากการโฆษณาช่วงระหว่างการถ่ายทอดสดการแข่งขันยูโร 2020 ซึ่งจะถือเป็นการส่งผลกระตุ้นทางอ้อมให้รองเท้ามียอดขายดีเพิ่มขึ้น

แต่สิ่งนี้ก็ยังไม่ได้เป็นเป้าหมายสำคัญของโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ เพราะเขายังได้วางแนวคิดในการช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจรายย่อย หรือ SME อีกด้วย

 

สําหรับกลุ่มธุรกิจรายย่อยของคนไทยตอนนี้อยู่ในช่วงประสบปัญหาอย่างหนักแทบทุกประเภทจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้น การเปิดพื้นที่ให้กลุ่ม SME ได้ประชาสัมพันธ์ช่วงถ่ายทอดสดยูโร 2020 จะเป็นการช่วยพยุงให้อยู่รอดต่อไปได้ เพราะจะทำให้แฟนบอลไทยได้รู้จักธุรกิจรายย่อยมากยิ่งขึ้น และช่วยกันอุดหนุน

โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ระบุว่าเจตนาแต่แรกของแอโร่ซอฟคือ ไม่ขายโฆษณา แต่ตั้งใจนำเวลาระหว่างพักช่วงการแข่งฟุตบอลมาช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจไทยรายย่อยช่วงที่มีการถ่ายทอดสดยูโร 2020 เพราะกลุ่ม SME เหล่านี้มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นเรื่องปากท้องของคนไทยจำนวนมาก

“ผมไม่เพียงต้องการให้คนที่ดูบอลทางบ้านได้รับความสุขเท่านั้น ผมอยากให้ทุกคนในประเทศมีส่วนร่วมกับความสุขนี้ด้วย จึงมีความตั้งใจจริงที่จะช่วยเหลือกิจการไทยรายย่อย ด้วยการแบ่งแอร์ไทม์ช่วงบอลยูโรให้มาออกอากาศให้คนไทยที่ดูฟุตบอลหลายล้านคนได้รู้จัก สนใจ และอุดหนุนโดยไม่คิดมูลค่าหรือค่าใช้จ่ายใดๆ”

นับเป็นแนวคิดแปลกใหม่สำหรับการที่แบรนด์ใหญ่ไทยพยายามใช้ช่องทางในการช่วยเหลือโอบอุ้มธุรกิจรายย่อยของไทยที่กำลังเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ให้ได้ลืมตาอ้าปากขึ้นมาบ้าง ยิ่งเป็นการตอกย้ำเจตนาไม่หวังโฆษณา แต่ก็ถือว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์เต็มๆ

 

อย่างไรก็ตาม หากมองในมุมกลับกัน สำหรับศึกยูโร 2020 ถือเป็นการเสียโอกาสของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมเกาะกระแสโฆษณา เนื่องจากมีความกระชั้นชิดในการดีลซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดในเมืองไทย ทำให้แบรนด์เจ้าใหญ่ไม่ได้วางแผนการตลาดเอาไว้ตั้งแต่แรก

ตามปกติแล้วสำหรับมหกรรมกีฬาระดับโลก ทั้งฟุตบอลโลก, ยูโร หรือโอลิมปิก จะมีการใช้เงินโฆษณาสะพัดหลักพันล้านบาท เนื่องจากแบรนด์สินค้ามากมายต้องการมีส่วนร่วมกับกระแสของการแข่งขัน ซึ่งจะมีส่วนกระตุ้นให้ประชาชนชาวไทยได้รู้จักแบรนด์ธุรกิจรายใหญ่เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น

แต่สำหรับศึกยูโร 2020 แบรนด์ธุรกิจรายใหญ่ไม่ได้รับความชัดเจนตั้งแต่แรก ทำให้การจัดทำแผนสื่อสารการตลาดไร้ทิศทางที่ชัดเจนตามไปด้วย ทำให้ขาดเม็ดเงินโฆษณาสะพัดหลักพันล้านบาท

แต่สาเหตุทั้งหมดแน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นกับการที่เราต้องเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตโควิด-19

 

จากพิษของไวรัสอุบัติใหม่ของโลกใบนี้ ทำให้ไม่มีภาคเอกชนไทยเจ้าไหนกล้าที่จะยอมทุ่มเงินซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020

จนกระทั่งถึงช่วง 2 วันสุดท้ายก่อนเริ่มแข่งขัน จึงมีการดีลกันอย่างจริงจังและฉุกละหุกมาก ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการ “คืนความสุขให้คนไทยดูยูโร”

ทำให้ อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประสานกับ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หารือกับพี่ชาย โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ก่อนตัดสินใจทุ่มเงินกว่า 300 ล้านบาทซื้อลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว ตอกย้ำถึงเครือข่ายสามมิตรแห่งพลังประชารัฐ ที่พร้อมยื่นมือเข้ามาช่วยรัฐบาลกอบกู้เศรษฐกิจในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19

อีกทั้งยังใจดีเปิดพื้นที่โฆษณาให้กับกลุ่มธุรกิจรายย่อย ซึ่งเป็นการช่วยประคองให้อยู่รอดต่อไปได้ แม้ว่าจะเป็นการตัดโอกาสของผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่การช่วยกลุ่มธุรกิจรายย่อยเป็นการลงไปถึงกลุ่มรากหญ้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นทางให้พวกเขาอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง

นับเป็นมิติใหญ่ของศึกฟุตบอลยูโร 2020 ที่มีการถ่ายทอดสดในเมืองไทยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่นับเป็นสัญญาณดีที่ทุกฝ่ายต่างร่วมกันช่วยเหลือพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศในช่วงสถานการณ์วิกฤตโควิด-19

ถือเป็นโมเดลที่น่าสนใจกับการใช้กีฬารายการใหญ่เป็นสื่อกลางในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ