ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12 - 18 มีนาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | Technical Time-Out |
ผู้เขียน | Red Monster |
เผยแพร่ |
ไทม์เอาต์/Red Monster
ฝันร้ายของ ‘หงส์แดง’
กับช่วงเวลาแสนหนักอึ้งของ ‘คลอปป์’
นับเป็นช่วงเวลาที่แสนหนักอึ้งสำหรับ ลิเวอร์พูล หลังจากแพ้ฟูแล่ม 0-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา
ส่งผลให้หงส์แพ้คาถิ่นแอนฟิลด์เป็นเกมที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา 129 ปี
ถือเป็นการฟอร์มตกที่น่าใจหายอย่างมาก หลังจากก่อนหน้านี้ลิเวอร์พูลมีสถิติสุดแข็งแกร่งในถิ่น ไม่แพ้ใครในแอนฟิลด์ต่อเนื่องถึง 68 นัด ก่อนเริ่มสะดุด นับตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
โดยสถิติพ่ายคาบ้าน 6 นัดรวดนั้น เริ่มมาตั้งแต่โดน เบิร์นลีย์ บุกชนะ 1-0, ต่อด้วย แพ้ ไบรท์ตัน 0-1, แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-4, แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-2, แพ้ เชลซี 0-1 และล่าสุดสดๆ ร้อนๆ กับการพ่ายฟูแล่ม 0-1
ซึ่งหนสุดท้ายที่ลิเวอร์พูลแพ้ในลีกคาบ้าน 6 นัดต้องย้อนไปปี 1953-1954 ซึ่งฤดูกาลนั้นทีมจบลงด้วยการตกชั้น
หากย้อนไปช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมา หงส์แดงยังเป็นจ่าฝูงของลีก มีคะแนนเหนือกว่าแมนฯ ซิตี้ อยู่ 8 แต้ม แต่ทว่าปัจจุบันลิเวอร์พูลกลับตกเป็นฝ่ายตามหลัง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยึดหัวตารางถึง 22 คะแนน สรุปคือคะแนนเหวี่ยงถึง 30 แต้มในรอบ 70 กว่าวัน
ดังนั้น โอกาสป้องกันแชมป์นั้นแทบจะตัดทิ้งไปได้เลย
และที่ไม่ง่ายอีกอย่างคือโอกาสติดท็อป 4 เพื่อพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกเป็นเป้าหมายหลัก แม้จะตามเชลซีทีมอันดับ 4 อยู่ 7 แต้ม แต่เพราะเป็นโค้งสุดท้าย 10 นัดที่เหลือ ก็ต้องลุ้นหนักเช่นกัน
นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับผลงานในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อฤดูกาลที่แล้ว หงส์แดงนำโด่งเหนือรองจ่าฝูงอย่างแมนฯ ซิตี้ถึง 25 แต้ม ก่อนเข้าวินซิวแชมป์ลีกสูงสุดมาครองได้สำเร็จ
เรียกได้ว่าผลงานกลับตาลปัตรแบบไม่น่าเชื่อ
เยอร์เก้น คลอปป์ กุนซือหงส์แดง ถึงกับถูกบีบีซีจี้ถามว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในอาชีพหรือไม่
“ผมอยากจะปฏิเสธเหลือเกิน แต่นั่นแหละ ใช่แล้ว ซึ่งจริงๆ ผมไม่จำเป็นต้องมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดเสมอไป นี่คือทีมที่ยอดเยี่ยม เราประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็หนักหน่วงมากเช่นกัน ซึ่งพวกเราจะสู้เพื่อฝ่าฟันไปด้วยกัน” คลอปป์กล่าว
ความจริงแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คลอปป์เจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในอาชีพกุนซือ
ก่อนหน้านี้ นายใหญ่ชาวเยอรมัน เคยพา โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ ซิวแชมป์บุนเดสลีก้า เยอรมนี 2 ฤดูกาลซ้อน ในซีซั่น 2010-2011 และ 2011-2012 ก่อนที่ฤดูกาล 2012-2013 คลอปป์จะพาเสือเหลืองจบซีซั่นในฐานะอันดับ 2 ที่มีแต้มห่างจากแชมป์อย่าง บาเยิร์น มิวนิก มากถึง 25 คะแนน
จากนั้นเขาโบกมือลาดอร์ตมุนด์ในซีซั่น 2014-2015 หลังทำทีมจบอันดับ 7 ของลีก
กระทั่งมาลงหลักปักฐานคุมทีมหงส์แดงในเดือนตุลาคม 2015 และค่อยๆ ปลุกปั้นหงส์แดงจนแข็งแกร่ง คว้าแชมป์สำคัญทั้งลีกสูงสุดเกาะอังกฤษที่สโมสรรอคอยมานาน
รวมซิวศึกแชมเปี้ยนส์ลีกสมัยที่ 6 ของสโมสร
เห็นได้ชัดว่า ทุกๆ อย่างมีขึ้นมีลง
เพียงแต่ว่าตอนนี้เป็นมรสุมที่กำลังถาโถมเข้ามา
อยู่ที่ว่าคลอปป์จะสามารถพาทีมฝ่าฟันลุกขึ้นมายืนหยัดอีกครั้งได้เมื่อไหร่เท่านั้น
จากกระแสตอนนี้ เชื่อว่าเหล่าเดอะค็อปยังเชื่อใจและพร้อมสู้เคียงข้างคลอปป์ต่อไป สมกับประโยคที่ว่า “คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย you’ll never walk alone”