ฝันร้ายของ ‘หงส์แดง’ กับช่วงเวลาแสนหนักอึ้งของ ‘คลอปป์’

Liverpool's German manager Jurgen Klopp leads the warm up for the English Premier League football match between Liverpool and Chelsea at Anfield in Liverpool, north west England on March 4, 2021. (Photo by Oli SCARFF / POOL / AFP) / RESTRICTED TO EDITORIAL USE. No use with unauthorized audio, video, data, fixture lists, club/league logos or 'live' services. Online in-match use limited to 120 images. An additional 40 images may be used in extra time. No video emulation. Social media in-match use limited to 120 images. An additional 40 images may be used in extra time. No use in betting publications, games or single club/league/player publications. /

ไทม์เอาต์/Red Monster

ฝันร้ายของ ‘หงส์แดง’

กับช่วงเวลาแสนหนักอึ้งของ ‘คลอปป์’

 

นับเป็นช่วงเวลาที่แสนหนักอึ้งสำหรับ ลิเวอร์พูล หลังจากแพ้ฟูแล่ม 0-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา

ส่งผลให้หงส์แพ้คาถิ่นแอนฟิลด์เป็นเกมที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา 129 ปี

ถือเป็นการฟอร์มตกที่น่าใจหายอย่างมาก หลังจากก่อนหน้านี้ลิเวอร์พูลมีสถิติสุดแข็งแกร่งในถิ่น ไม่แพ้ใครในแอนฟิลด์ต่อเนื่องถึง 68 นัด ก่อนเริ่มสะดุด นับตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา

โดยสถิติพ่ายคาบ้าน 6 นัดรวดนั้น เริ่มมาตั้งแต่โดน เบิร์นลีย์ บุกชนะ 1-0, ต่อด้วย แพ้ ไบรท์ตัน 0-1, แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-4, แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-2, แพ้ เชลซี 0-1 และล่าสุดสดๆ ร้อนๆ กับการพ่ายฟูแล่ม 0-1

ซึ่งหนสุดท้ายที่ลิเวอร์พูลแพ้ในลีกคาบ้าน 6 นัดต้องย้อนไปปี 1953-1954 ซึ่งฤดูกาลนั้นทีมจบลงด้วยการตกชั้น

 

หากย้อนไปช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมา หงส์แดงยังเป็นจ่าฝูงของลีก มีคะแนนเหนือกว่าแมนฯ ซิตี้ อยู่ 8 แต้ม แต่ทว่าปัจจุบันลิเวอร์พูลกลับตกเป็นฝ่ายตามหลัง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยึดหัวตารางถึง 22 คะแนน สรุปคือคะแนนเหวี่ยงถึง 30 แต้มในรอบ 70 กว่าวัน

ดังนั้น โอกาสป้องกันแชมป์นั้นแทบจะตัดทิ้งไปได้เลย

และที่ไม่ง่ายอีกอย่างคือโอกาสติดท็อป 4 เพื่อพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกเป็นเป้าหมายหลัก แม้จะตามเชลซีทีมอันดับ 4 อยู่ 7 แต้ม แต่เพราะเป็นโค้งสุดท้าย 10 นัดที่เหลือ ก็ต้องลุ้นหนักเช่นกัน

นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับผลงานในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อฤดูกาลที่แล้ว หงส์แดงนำโด่งเหนือรองจ่าฝูงอย่างแมนฯ ซิตี้ถึง 25 แต้ม ก่อนเข้าวินซิวแชมป์ลีกสูงสุดมาครองได้สำเร็จ

เรียกได้ว่าผลงานกลับตาลปัตรแบบไม่น่าเชื่อ

 

เยอร์เก้น คลอปป์ กุนซือหงส์แดง ถึงกับถูกบีบีซีจี้ถามว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในอาชีพหรือไม่

“ผมอยากจะปฏิเสธเหลือเกิน แต่นั่นแหละ ใช่แล้ว ซึ่งจริงๆ ผมไม่จำเป็นต้องมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดเสมอไป นี่คือทีมที่ยอดเยี่ยม เราประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็หนักหน่วงมากเช่นกัน ซึ่งพวกเราจะสู้เพื่อฝ่าฟันไปด้วยกัน” คลอปป์กล่าว

ความจริงแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คลอปป์เจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในอาชีพกุนซือ

ก่อนหน้านี้ นายใหญ่ชาวเยอรมัน เคยพา โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ ซิวแชมป์บุนเดสลีก้า เยอรมนี 2 ฤดูกาลซ้อน ในซีซั่น 2010-2011 และ 2011-2012 ก่อนที่ฤดูกาล 2012-2013 คลอปป์จะพาเสือเหลืองจบซีซั่นในฐานะอันดับ 2 ที่มีแต้มห่างจากแชมป์อย่าง บาเยิร์น มิวนิก มากถึง 25 คะแนน

จากนั้นเขาโบกมือลาดอร์ตมุนด์ในซีซั่น 2014-2015 หลังทำทีมจบอันดับ 7 ของลีก

กระทั่งมาลงหลักปักฐานคุมทีมหงส์แดงในเดือนตุลาคม 2015 และค่อยๆ ปลุกปั้นหงส์แดงจนแข็งแกร่ง คว้าแชมป์สำคัญทั้งลีกสูงสุดเกาะอังกฤษที่สโมสรรอคอยมานาน

รวมซิวศึกแชมเปี้ยนส์ลีกสมัยที่ 6 ของสโมสร

 

เห็นได้ชัดว่า ทุกๆ อย่างมีขึ้นมีลง

เพียงแต่ว่าตอนนี้เป็นมรสุมที่กำลังถาโถมเข้ามา

อยู่ที่ว่าคลอปป์จะสามารถพาทีมฝ่าฟันลุกขึ้นมายืนหยัดอีกครั้งได้เมื่อไหร่เท่านั้น

จากกระแสตอนนี้ เชื่อว่าเหล่าเดอะค็อปยังเชื่อใจและพร้อมสู้เคียงข้างคลอปป์ต่อไป สมกับประโยคที่ว่า “คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย you’ll never walk alone”