ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 27 พฤษภาคม - 2 มิถุนายน 2554 |
---|---|
ผู้เขียน | วีรกร ตรีเศศ |
เผยแพร่ |
หมีแพนด้าหรือ Giant Panda (แพนด้ายักษ์) อาศัยอยู่ในเขตภูเขาสูงตอนกลางของจีน ในมณฑล Sichuan/Shaanxi และ Gansu ปัจจุบันหมีแพนด้าป่าอพยพลงมาอยู่ในเขตป่าที่ไม่สูงเพราะป่าไม้ถูกโค่นจนไม่มีสภาวะเหมาะสมที่จะอยู่
แต่ดั้งเดิม หมีแพนด้าอาศัยอยู่ในป่าไผ่ของเทือกเขา Qinling และภูเขาในมณฑล Sichuan โดยไม่อยู่เป็นฝูง วันๆ ก็เอาแต่กินใบไผ่และหน่อไม้ประมาณ 9-14 กิโลกรัมต่อวัน เหตุที่กินมากเช่นนี้ ก็เพราะถึงแม้จะเป็นสัตว์ที่กินเนื้อและพืชผักได้ แต่ก็เลือกที่จะกินพืชผักโดยเฉพาะไผ่เกือบทั้งหมด อย่างไรก็ดี ไผ่ไม่ใช่แหล่งให้คุณค่าทางอาหารสูง ดังนั้น จึงต้องกินไผ่ตลอดวันเพื่อให้ลำไส้ย่อยอาหารเต็มอยู่เสมอ
สัตว์ที่หมีแพนด้ากินก็คือหนู ปลา นก และสัตว์เล็กต่างๆ อย่างไรก็ดี เมื่อเอามาเลี้ยงในสวนสัตว์ก็ให้กินแต่ไผ่ น้ำผึ้ง ไข่ ส้ม กล้วย และอาหารที่เต็มวิตามิน บางแห่งก็ให้กินปลาด้วยเพื่อให้ได้คุณค่าอาหารครบ
สวนสัตว์ต่างๆ ในโลกที่เลี้ยงหมีแพนด้าล้วนได้รับการยืมจากรัฐบาลจีน (แหล่งเดียวเท่านั้น ที่มีหมีแพนด้าก็คือจีน และในบริเวณที่กล่าวถึงเท่านั้น) ต้องทำสัญญาไม่เกิน 10 ปี จ่ายค่าธรรมเนียมอาจถึง 1 ล้านเหรียญต่อปี และลูกที่เกิดมาเป็นสมบัติของรัฐบาลจีน
สวนสัตว์เหล่านี้ได้แก่ เชียงใหม่ สิงคโปร์ ไทเป ญี่ปุ่น (Wakayama กับ Kobe) Adelaide ในออสเตรเลีย เบอร์ลิน เวียนนา สเปน สกอตแลนด์ เม็กซิโกซิตี้ San Diego วอชิงตันดีซี แอตแลนตา เมมฟิส ฯลฯ
หมีแพนด้าเป็นสัตว์น่ารักที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีนสมัยใหม่ เป็นตัวแทนประเทศจีนที่ชาวโลกรู้จักและรักใคร่ ถึงขนาดตีคู่ขึ้นมาเทียบมังกรซึ่งเป็นสัญลักษณ์ดั้งเดิมมายาวนาน
ชาวโลกเพิ่งรู้จักหมีแพนด้ากันอย่างกว้างขวางครั้งแรกเมื่อมีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาในทศวรรษ 1970 รัฐบาลจีนได้มอบหมีแพนด้าสองตัวให้แก่ US National Zoo ในกรุงวอชิงตัน และหมีแพนด้าก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือสัมพันธ์ทางการทูตในอีกหลายกรณีในเวลาต่อมาจนถูกเรียกว่าเป็น “Panda Diplomacy”

อย่างไรก็ดี ข้อมูลประวัติศาสตร์ระบุว่า คนตะวันตกรู้จักหมีแพนด้ากันตั้งแต่ ค.ศ.1869 เมื่อหมอสอนศาสนาชาวฝรั่งเศส Armand David ได้รับหนังหมีแพนด้าจากคนล่าสัตว์ (หมีแพนด้ามีลักษณะพิเศษของการมี 2 สี คือ ขาวและดำ แขนขา ลำตัวด้านบน หู และตามีสีดำ ที่เหลือเป็นสีขาวทั้งหมด) ในปี 1936 Ruth Harkness นำลูกหมีแพนด้ามาเลี้ยงที่ Brookfield Zoo ในเมืองชิคาโก และในปี 1938 หมีแพนด้า 5 ตัว ถูกนำมาเลี้ยงในลอนดอน
สงครามกลางเมืองในจีนและสงครามโลกทำให้หมีแพนด้าโชคดี ไม่มีใครไปยุ่งกับมันในป่า มันถูกลืมไปนานจนมาถูกรื้อฟื้นอีกครั้งในทศวรรษ 1970
ในประวัติศาสตร์จีน หมีแพนด้าเป็นสัตว์พิเศษและหายาก แต่ที่แปลกก็คือ ไม่มีหลักฐานศิลปะที่เกี่ยวกับหมีแพนด้าก่อนศตวรรษที่ 20 ให้เห็นเลย และถึงแม้ว่าศูนย์ที่ Wolong ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1958 แต่ก็ไม่มีอะไรก้าวหน้า จนกระทั่งจีนเปิดประเทศในทศวรรษ 1970
ไม่ว่าในอดีตจะเป็นอย่างไร ปัจจุบันหมีแพนด้ารับใช้รัฐบาลจีนอย่างมีประสิทธิภาพและซื่อสัตย์ ความหลักแหลมในการใช้สัตว์น่ารัก หายาก และมีเฉพาะในจีนเป็นตัวแทนของประเทศจีนในยุคของการรักสัตว์และสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อจีนอย่างไม่อาจหาสิ่งอื่นหรือสัตว์อื่นมาสู้ได้
ถึงแม้ค่าเลี้ยงดูหมีแพนด้าหนึ่งตัวในสวนสัตว์ในสหรัฐอเมริกาทั้งปีจะแพงกว่าช้างถึง 5 เท่า
และหมีแพนด้ากินไผ่เป็นว่าเล่นถึงหลายตันต่อปีและถ่ายวันละไม่ต่ำกว่า 30-40 ครั้ง
แถมค่าธรรมเนียม “ขอยืม” แพนด้าสูงก็ตาม สวนสัตว์ใหญ่ในโลกต่างก็พร้อมที่จะ “ขอยืม” หมีแพนด้ามาเป็น “แม่แรงดึงดูด”



