เปิดขั้นตอนเลือกตั้ง “พระสันตะปาปา” องค์ใหม่

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส สิ้นพระชนม์แล้วในวัย 88 ปี

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 21 เมษายน ณ นครรัฐวาติกัน ด้วยวัย 88 ปี โดยสาเหตุการเสียชีวิตคือภาวะแทรกซ้อนจากโรคปอดบวมสองข้าง หลังจากเพิ่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลไม่นานก่อนหน้านี้

พระองค์ได้รับเลือกขึ้นเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาต่อจากพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ซึ่งลาออกจากตำแหน่ง ถือเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกจากทวีปอเมริกา, องค์แรกที่เป็นนักบวชเยซูอิต และองค์แรกที่ทรงเลือกพระนามว่า “ฟรานซิส” เพื่อเป็นเกียรติแก่เซนต์ฟรานซิสแห่งอัสซีซี

พระองค์ทรงมีภาพลักษณ์เรียบง่าย ใส่ใจคนยากไร้ ทรงปฏิเสธที่จะอยู่ในพระราชวังพระสันตะปาปา และเลือกพำนักที่บ้านพักแขกซานตามาร์ตาในวาติกันแทน

พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงมีแนวทางแบบเปิดกว้าง โดยสนับสนุนความเมตตามากกว่าการตัดสิน เช่น เคยตรัสว่า “เราเป็นใครเล่าจึงจะไปตัดสินผู้อื่น?” เมื่อถูกถามเรื่องกลุ่ม LGBTQ+

พระองค์ยังทรงเขียนสมณสาส์น Laudato Si’ ในปี 2015 เพื่อเรียกร้องให้โลกหันมาใส่ใจปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงทรงแต่งตั้งสตรีให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในวาติกัน และผลักดันให้เกิดความโปร่งใสในด้านการเงิน

แม้ว่าจะได้รับเสียงชื่นชมจากคนจำนวนมาก พระองค์ก็เผชิญกับเสียงวิจารณ์จากกลุ่มอนุรักษ์นิยมในคริสตจักร โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งสตรี, การเปิดรับผู้มีความหลากหลายทางเพศ และการจัดการปัญหานักบวชล่วงละเมิดทางเพศ แต่ตลอดรัชสมัย พระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ความเสมอภาค และการพูดคุยระหว่างศาสนา

ตามพระประสงค์ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะถูกฝังที่มหาวิหารซานตามาเรียมัจโจเร ในห้องสวดเล็กที่เรียบง่าย การประชุมเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ (คองเคลฟ) จะจัดขึ้นภายใน 15-20 วันนับจากวันสิ้นพระชนม์

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ จะมีการเลือกตั้งพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่

สำหรับ กระบวนการเลือกตั้งพระสันตะปาปาเป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญและเคร่งครัด สะท้อนถึงความศักดิ์สิทธิ์และประเพณีอันยาวนานของศาสนจักรโรมันคาทอลิก เพื่อคัดเลือกผู้นำสูงสุดของคริสตจักร ซึ่งดำรงตำแหน่งตลอดชีวิต ​

ขั้นตอนการเลือกพระสันตะปาปา

เมื่อพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์หรือทรงลาออก ตำแหน่งจะว่างลง โดยพระคาร์ดินัลคาเมอร์เลงโก (Camerlengo) จะเป็นผู้รับรองการสิ้นพระชนม์ และดูแลกิจการของวาติกันในช่วงนี้ ​พระคาร์ดินัลที่มีสิทธิ์ลงคะแนน (อายุต่ำกว่า 80 ปี) จะเดินทางมาที่วาติกัน เพื่อเข้าร่วมการประชุมลับในโบสถ์น้อยซิสทีน (Sistine Chapel) ​

ก่อนเริ่มการลงคะแนน พระคาร์ดินัลทุกองค์จะสาบานว่าจะรักษาความลับอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนจะถูกตัดขาดจากศาสนจักรทันที ​

ทั้งนี้ การลงคะแนนจะเป็นแบบลับ โดยพระคาร์ดินัลแต่ละองค์จะเขียนชื่อผู้ที่ตนเห็นว่าเหมาะสมลงในบัตรลงคะแนน แล้วหย่อนลงในภาชนะที่เตรียมไว้

ในแต่ละวันจะมีการลงคะแนนสูงสุด 4 ครั้ง (2 ครั้งในช่วงเช้า และ 2 ครั้งในช่วงบ่าย) จนกว่าจะมีผู้ได้รับคะแนนเสียงอย่างน้อย 2 ใน 3 ของจำนวนผู้ลงคะแนน ​

มีเงื่อนไขคือ หากยังไม่มีผู้ได้รับคะแนนเสียงเพียงพอ จะมีการเผาบัตรลงคะแนนพร้อมสารเคมีที่ทำให้เกิดควันสีดำ (fumata nera) เพื่อแจ้งแก่ผู้ที่รอคอยว่าการเลือกตั้งยังไม่เสร็จสิ้น

เมื่อมีผู้ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา จะมีการเผาบัตรลงคะแนนพร้อมสารเคมีที่ทำให้เกิดควันสีขาว (fumata bianca) เพื่อประกาศข่าวดีแก่สาธารณชน ​

ผู้ที่ได้รับเลือกจะถูกถามว่า “ท่านยอมรับหรือไม่?” หากตอบว่า “ยอมรับ” จะถูกถามต่อว่า “ท่านต้องการใช้พระนามใด?” จากนั้นจะมีการแต่งกายอย่างเป็นทางการ และปรากฏตัวที่ระเบียงมหาวิหารนักบุญเปโตร พร้อมประกาศว่า “Habemus Papam” (เรามีพระสันตะปาปาแล้ว) ​