ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 กันยายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
ผู้เขียน | มงคล วัชรางค์กุล |
เผยแพร่ |
พรรค Democrats จัดงาน Democratic National Convention – การประชุมเดโมแครตแห่งชาติ ที่นครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ระหว่างวันที่ 19-22 สิงหาคม 2024
เพื่อประกาศเป็นทางการรับรองการส่งรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
และประกาศรับรองการส่ง ทิม วอลซ์ (Tim Walz) ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา เข้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี
การประชุมใหญ่เดโมแครตเริ่มต้นเมื่อค่ำคืนวันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม ด้วยการเปิดตัวกมลา แฮร์ริส ขึ้นปราศรัยเป็นคนแรก
กมลากล่าวขอบคุณประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่เป็นผู้นำมาตลอดชีวิตและในช่วงเวลาที่เหลือในตำแหน่ง
กมลากล่าวชวนให้ทุกคนไปลงคะแนนเสียงเดือนพฤศจิกายน หนึ่งคะแนนหนึ่งเสียง เพื่อก้าวไปข้างหน้า
Hillary Clinton ขึ้นมากล่าวในฐานะที่เป็นผู้หญิงที่เคยเข้าชิงประธานาธิบดีมาก่อน แล้วสนับสนุนโอกาสของกมลา แฮร์ริส
มีประธานสหภาพแรงงานขึ้นมากล่าวสนับสนุนกมลา
ผู้ว่าการหลายมลรัฐและวุฒิสมาชิกหลายคนขึ้นเวทีปราศรัย
แล้วถึงคิวของจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลข 1 เธอเล่าว่ารู้จักชื่อกมลา แฮร์ริส จากลูกชายที่เป็นอัยการอยู่ที่เดนเวอร์ เล่าว่า กมลา แฮร์ริส คนนี้ “ไม่ธรรมดา”
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขึ้นเวทีเป็นคนสุดท้ายตอนเที่ยงคืน คนดู 50,000 คนใน Areena ยืน standing ovation ยืนปรบมือโห่ร้องกึกก้องยาวนานถึง 4 นาที พร้อมชูป้าย We Love Joe
ยิ่งใหญ่ อลังการ
ไบเดน วัย 81 ปี ปราศรัยต่อเนื่องนาน 48 นาที โดยไม่มีโพย ด้วยลีลาหนักแน่น จริงจัง คนดูยืน standing ovation ปรบมือเป็นระยะตลอดเวลา
ไบเดนกล่าวว่า เขาเคยเป็นวุฒิสมาชิกที่หนุ่มเกินไป เพราะอายุยังไม่ถึง 30 ปี (เป็นเมื่ออายุ 29 ปี) อยู่ในการเมืองมา 50 ปี
แล้วพูดว่า “วันนี้ฉันแก่เกินไปที่จะเป็นประธานาธิบดี…”
ไบเดนกล่าวเชียร์กมลาว่า
“She’s tough, She’s experienced and she has enormous integrity”
“เธอแข็งแกร่ง, เธอมากประสบการณ์ล้นเหลือ และเธอมีคุณธรรมอันยิ่งใหญ่”
แน่นอนว่า ไบเดนเป็นคนเลือกกมลา แฮร์ริส ให้ลงสมัครตำแหน่งรองประธานาธิบดีเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทำงานมาร่วมกันจนถึงวันที่ไบเดนประกาศยกเลิกการสมัครชิงประธานาธิบดีรอบสองเมื่อเดือนที่แล้ว พร้อมเสนอชื่อกมลาเข้าชิงประธานาธิบดีแทนนั้น
ไบเดนย่อมรู้จักกมลา แฮร์ริส ดีที่สุดมากกว่าใครอื่นทั้งหมด
ผู้บรรยายของ CNN บอกว่าการปราศรัยของไบเดนกินใจยิ่งนัก
คืนที่สอง ไฮไลต์อยู่ที่คำปราศรัยของมิเชล โอบามา และอดีตประธานาธิบดี Barack Obama
มิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 กล่าวว่า การแข่งขันชิงประธานาธิบดีคราวนี้คือ Uphill Battle เป็นการชิงชัยที่ยากลำบาก แต่เธอเชื่อมั่นในกมลา แฮร์ริส
อดีตประธานาธิบดี 2 สมัย Barack Obama (ปี 2009-2017) ปราศรัยนานกว่าครึ่งชั่วโมง เต็มไปด้วยความหวังและพลังที่ว่า Kamala Harris มีประสบการณ์ยาวนานในรัฐบาล และ hype – ตื่นเต้นในความสามารถการเป็นผู้นำที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมของเธอ
คืนที่สาม
ไฮไลต์อยู่ที่การปราศรัยของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน
คลินตันกล่าวยกย่องแฮร์ริสว่าเป็น President of Joy และกล่าวเตือนมิให้มีความมั่นใจจนเกินขอบเขต (Overconfidence)
“กมลา แฮร์ริส คือผู้แข่งขันที่มีวิสัยทัศน์, มีประสบการณ์, มีภววิสัย – the temperament , the will – ความมุ่งมั่นและ the sheer joy – ความร่าเริงใจ”
ปิดท้ายค่ำคืนนั้นด้วยการเปิดตัว Tim Walz ผู้สมัครตำแหน่งรองประธานาธิบดี
นำขึ้นเวทีด้วยทีมอเมริกันฟุตบอลที่ทิม วอลซ์ เคยเป็นโค้ช ป้ายที่ใช้เชียร์คือ ในฮอลล์ คือ COACH WALZ
Tim Walz อายุ 60 ปี ผู้ว่าการรัฐ (Governor) มินนิโซตา 3 สมัย
ทิมขึ้นเวทีมีท่วงท่ายกมือไหว้ ตอนจบปราศรัยก็ยกมือไหว้
ทิมเล่าว่า เขาเกิดและเติบโตที่ Bitte เมืองเล็กในรัฐ Nebraska มีพลเมืองแค่ 400 คน นักเรียนร่วมชั้นไฮสกูล 24 คน ไม่มีคนไหนได้ไปเยล (Yale University)
ทิมเล่าว่า ผู้คนในเมืองเล็กเดินบนถนน ดูแลกันและกัน เขาอาจจะไม่คิดเหมือนคุณ ไม่สวดมนต์เหมือนคุณ ไม่รักเหมือนคุณ แต่เขาเป็นเพื่อนบ้านกัน (neighbors) เอื้อเฟื้อกัน และเขาเป็น neighbors คุณเสมอ
ทิมเข้าเป็นทหาร National Guard 2 วันหลังจากเขาอายุครบ 17 ปี และอยู่ในกองทัพ 24 ปี นั่นทำให้เขาได้ทุนไปเรียน College จาก GI Bills เหมือนกับพ่อเขาและเด็กอเมริกันอีกหลายล้านคน
พ่อเขาเป็นทหารผ่านศึกเกาหลี กลับมาได้ทุนเรียนมหาวิทยาลัยจาก GI Bills ต่อมาเสียชีวิตจากมะเร็งปอด ทิ้งหนี้ก้อนใหญ่ค่ารักษาพยาบาลไว้ให้ แต่ครอบครัวก็รอดมาได้จากเงิน Social Security Benefits (เงินประกันสังคม)
ทิมเรียนจบ College ออกมาเป็นครูไฮสกูล เขารักการเป็นครู และเป็นโค้ชทีมอเมริกันฟุตบอลของโรงเรียนที่ได้แชมป์แห่งรัฐมินนิโซตา
ทิมแต่งงานกับครูโรงเรียน เหมือนกับที่เพื่อน 3 ใน 4 คนทำกัน
ทิมเล่าถึงความดีใจวันที่ได้ลูกสาว ตั้งชื่อให้เธอว่า Hope ลูกสาวทำมือรูปหัวใจให้พ่อ
แล้วเล่าถึงความพยายามจากการมีลูกยาก ต้องเลี้ยงไข่จนได้ลูกชายคนที่สอง
ลูกชาย Gus Walz อายุ 17 ปี ปรบมือ น้ำตาคลอ ชึ้มือมาที่เวทีพร้อมพูดว่า
“That my Dad”
เป็นภาพไวรัลบนทีวีทุกช่อง
Tim Walz เล่าว่าลูกทีมอเมริกันฟุตบอลยุให้เขาสมัครรับเลือกเป็นผู้ว่าการ ในขณะที่ความรู้ทางการเมืองของเขาเป็นศูนย์ (Zero) แถมไม่มีเงิน
แต่เขาก็ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา และได้รับเลือกต่อเนื่องถึง 3 สมัย
ทิมเล่าว่า ช่วยให้เด็กนักเรียนทุกคนในรัฐมินนิโซตามีอาหารเช้าและอาหารกลางวันทุกวัน ในขณะที่เด็กในรัฐอื่นพูดกันแต่เรื่องเรียนหนังสือ (Books)
และช่วยให้คนจนเข้าถึงการรักษาพยาบาล ไม่ต้องเป็นหนี้ค่ารักษาพยาบาลเหมือนที่ครอบครัวเขาเคยผจญมา
วันนี้เขามีความภูมิใจและพร้อมแล้วที่จะแข่งขันตำแหน่งรองประธานาธิบดี
ข้อสังเกต ตอนที่ทิมเดินเข้ามาและเดินออกจากโพเดียม เขายกมือไหว้หลายครั้ง อาจจะเป็นการซึมซับจากวัฒนธรรมของผู้อพยพชาวม้งที่อยู่กันนับแสนคนใน Minneapolis, รัฐ Minnesota
คืนที่สี่
ไฮไลต์อยู่ที่การปราศรัยของ Josh Shapiro ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย คนนี้เคยเป็นอัยการสูงสุดรัฐเพนซิลเวเนียมาก่อน และเป็นที่เก็งกันว่าจะได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรองประธานาธิบดี แต่ต้องพลาดไป เพราะว่า
เขาเป็นยิว
ไฮไลต์สำคัญที่ชี้เป็นชี้ตายอีกจุดคือการปราศรัยของ Oprah Winfrey เจ้าของรางวัล Emmy Award ด้าน Talk show host เธอเป็นนักแสดง, Producer, นักเขียนและ media proprietor เธอเป็นเจ้าของรายการ The Oprah Winfrey Show เมื่อหลายปีก่อน เป็นผู้ก่อตั้ง the Oprah Winfrey Network (OWN) เป็นเจ้าของ the Oprah Magazine
เหนืออื่นใด Oprah Winfrey คือผู้หญิงผิวดำที่รวบรวมพลัง Black Votes ผลักดันให้ Obama ขึ้นสู่ประธานาธิบดีสำเร็จมาแล้ว
วันประกาศชัยครานั้น มี 3 คนบนเวที คือ Michelle Obama, Barack Obama และ Oprah Winfrey
วันนี้ Oprah Winfrey ปราศรัยบนเวที หนุน Kamala Harris ลูกครึ่งผิวดำ พร้อม Black Votes เทคะแนนให้ อะไรก็เกิดขึ้นได้
ปิดท้ายคืนสุดท้ายด้วย Speech ของกมลา แฮร์ริส
เธอเล่าถึงแม่ที่เป็นผู้อพยพจากอินเดีย (ชาวทมิฬนาดูร) และพ่อชาวจาเมกัน
เธอเล่าถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้เธออยากเป็นอัยการคือเพื่อนหญิงสนิทของเธอถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน ทำให้เธอเรียนกฎหมายแล้วสมัยเป็นอัยการจนได้เป็นอัยการสูงสุดแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย
ต่อมาเข้าสู่การเมือง เป็นวุฒิสมาชิกจากแคลิฟอร์เนีย, เป็นรองประธานาธิบดีและเข้าแข่งขันเป็นประธานาธิบดี
กมลาเล่าว่า แม่เธอสอนว่า อย่าให้คนมาถามว่าเราคือใคร แต่ให้แสดงให้เขารู้ว่าเราคือใคร
กมลาใช้เวลา 45 นาที ปราศรัยแสดงตัวตนของเธอ
เธอเล่าว่า เธอมาจากชนชั้นกลางธรรมดาใน Oakland, California
เธอปราศรัยว่า ถ้าเธอได้เป็นประธานาธิบดี เธอจะเน้นไปที่การลดค่าครองชีพใน “everyday needs” รวมทั้งค่ารักษาพยาบาล (healthcare), ค่าที่อยู่อาศัย (housing) และอาหารการกิน (groceries) เน้นเรื่อง abortion rights
เธอพูดว่าในฐานะ Commander in chief เธอจะดูแลกำลังพลอย่างทั่วถึง
เธอพูดชัดเจนว่า เธอจะยืนหยัดกับยูเครน (stand for Ukraine) และพันธมิตรนาโต
กมลาพูดถึงสงครามกาซาว่า ประธานาธิบดีไบเดนและเธอทำงานตลอดเวลาเพื่อตกลงเรื่องการปล่อยตัวประกันและหยุดยิง เธอบอกว่าอิสราเอลมีสิทธิจะป้องกันตัวเอง ยกตัวอย่างการถูกโจมตีจากฮามาสเทื่อ 7 ตุลาคม ซึ่งมีความรุนแรงมาก รวมทั้งการข่มขืนที่มิอาจบรรยายถึงในที่นี้ อย่างไรก็ตาม เธอกล่าวว่า ปาเลสไตน์มีสิทธิอยู่ในดินแดนนี้
ผู้วิจารณ์ของ CNN บอกว่า นโยบายของกมลา แฮร์ริส เป็น Hawk Way-สายเหยี่ยว
จบการปราศรัย ผู้วิจารณ์ของ CNN วิจารณ์ว่าเป็น speech ที่ยอดเยี่ยม แสดงตัวตนของกมลาอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนและคาดไม่ถึง เพราะเธออยู่ใต้เงาที่ไบเดนปิดบังไว้
และนี่คือ speech ทำนองเดียวกับที่พาให้โอบามาได้เป็นประธานาธิบดีมาแล้ว
ต้องจับตาดูว่าอีก 74 วันข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้น
ผู้หญิงอายุ 59 ปี ลูกครึ่งผิวดำจะได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอเมริกาหรือไม่
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022