ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 มีนาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | คุยกับทูต |
เผยแพร่ |
คุยกับทูต | แพทริก เบิร์น ความเป็นไอริช ประเทศไอร์แลนด์…ที่ไม่ใช่ ไอซ์แลนด์ (2)
ความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างไทยและไอร์แลนด์
“ทั้งไอร์แลนด์และไทยมีจุดแข็งด้านภาพยนตร์ ผมจึงอยากเห็นความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนในด้านนี้ ตอนนี้เราจึงมุ่งเน้นไปที่การฉายภาพยนตร์ไอริชที่ประเทศไทย เพื่อนำไปสู่การพัฒนาทั้งในด้านการติดต่อและการแลกเปลี่ยนกันระหว่างผู้สร้างภาพยนตร์ โดยเฉพาะดาวรุ่งที่มากความสามารถ”
นายแพทริก หรือ แพต เบิร์น (H.E. Mr. Patrick Pat Bourne) เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เล่าถึงตัวอย่างของความร่วมมือ
“สำหรับที่นี่ วรรณกรรมไอริชก็ค่อนข้างเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย มีกรณีตัวอย่างที่ชัดเจนในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างนักเขียนรุ่นเยาว์ของกันและกันจากทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นการดีที่จะช่วยนำเสนองานทางวัฒนธรรมและศิลปะของไทยในไอร์แลนด์ให้มากขึ้นอีกด้วย”
เทคโนโลยีและประสบการณ์ของไอร์แลนด์ที่น่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย
“เป็นคำถามที่ดี และเป็นหัวใจของการสนทนาที่เรามีกับคู่ค้าชาวไทย ไอร์แลนด์อยู่ในระดับแนวหน้าของนวัตกรรมในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ในขณะเดียวกับที่เราก็เติบโตขึ้น เช่น ฟินเทค (FinTech) และบริการดิจิทัล และในด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตทั้งหมด รวมถึงเภสัชกรรมและเมดเทค (Medtech) นอกเหนือจากชื่อเสียงและผลงานในประวัติศาสตร์ของเราด้านการเกษตรและการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน”
“ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นที่ที่ได้มีการประสานความร่วมมือกันอย่างสอดคล้องกับประเทศไทย”

FinTech มีที่มาจากคำว่า Financial และ Technology แปลตรงตัวได้ว่า เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเงิน หรือการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจการเงิน เช่น ใช้กับระบบธนาคาร ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ ตัวกลางในการระดมทุน เงินสกุลดิจิทัล ระบบการใช้จ่ายเงิน บัตรเครดิต การโอนเงินออนไลน์ เทคโนโลยีประกันภัย เป็นต้น
MedTech หรือ Medical Technology คือ การนำเอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการด้านการแพทย์ให้กับผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นการวินิจฉัยโรค การรักษา การติดตามอาการ ไปจนถึงการประเมินภาวะสุขภาพ การตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะในแล็บด้วยเครื่องตรวจที่ทันสมัย เอ็กซเรย์ร่างกาย CT scan หรือ MRI ล้วนแล้วแต่เป็นผลผลิตจาก Medical Technology ทั้งนั้น
เอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทยที่ท่านทูตแพทประทับใจเป็นพิเศษ
“ผมชอบความสุภาพอ่อนน้อมของคนไทย ทุกคนมักจะกล่าวคำว่า ‘สวัสดี’ ซึ่งกันและกัน และกล่าวคำว่า ‘ขอบคุณ’ เสมอ ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่พิเศษสุดและสร้างความโดดเด่นอย่างมากในสิ่งที่เราได้ประสบพบเห็นในชีวิตประจำวัน”
“ในแง่ของการสืบสานเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและประเพณี ผมและภรรยาได้มีส่วนร่วมในพิธีการเฉลิมฉลองเทศกาลลอยกระทงทั้งในจังหวัดสุโขทัยและกรุงเทพฯ ที่งดงามมาก”

ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ร่วมกันระหว่างสองประเทศ
“ไอร์แลนด์และไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 1975 แม้จะมีประวัติศาสตร์ด้านความสัมพันธ์ทางการทูตที่ใกล้ครบรอบ 50 ปีอีกไม่นานนี้ แต่ความเชื่อมโยงระหว่างประเทศของเราบางส่วนไปไกลกว่านั้นมาก”
ท่านทูตแพตเล่าว่า
“เป็นความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์ที่แข็งแกร่งระหว่างไอร์แลนด์และไทยซึ่งไม่เป็นที่รู้จักกันเท่าที่ควร ได้แก่ เจมส์ แม็กคาร์ธี (James McCarthy) นักเขียนแผนที่ชาวไอริช ผู้มีบทบาทสำคัญในการระบุพรมแดนทางตอนเหนือของประเทศไทยในช่วงศตวรรษที่ 19”
การทำแผนที่แบบตะวันตกเริ่มมีขึ้นครั้งแรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เจมส์ ฟิตซ์รอย แม็กคาร์ธี (James Fitzroy McCarthy) หรือ พระวิภาคภูวดล พ.ศ.2396-2462 (1853-1919) เป็นนักสำรวจและนักทำแผนที่ชาวไอริชที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดเขตแดนของประเทศไทย (ซึ่งรู้จักกันในตอนนั้นชื่อว่าสยาม) ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ช่วงเปลี่ยนสยามให้เป็นรัฐชาติสมัยใหม่
เจมส์ แม็กคาร์ธี ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมแผนที่คนแรก (ปัจจุบันคือ กรมแผนที่ทหาร) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในวันที่ 3 กันยายน ปี พ.ศ.2428 (1885) แผนที่หลักระวางแรกที่กรมแผนที่จัดทำขึ้น เป็นแผนที่พระราชอาณาจักรสยาม “Map of The Kingdom of Siam and its Dependencies” หรือเรียกตามชื่อเจ้ากรมแผนที่ ว่า “แผนที่แมคคาร์ธี” ส่งไปพิมพ์ที่อังกฤษเมื่อ พ.ศ.2430 (1887)
ภายในแผนที่มีส่วนแทรกเป็นแผนที่ผังเมืองขนาดย่อ 3 เมือง ได้แก่ เมืองกรุงเทพฯ เมืองเชียงใหม่ และเมืองหลวงพระบาง เจมส์ แมคคาร์ธี ดำรงตำแหน่งนี้ยาวนานถึง 16 ปี ก่อนจะกราบถวายบังคมลาออกจากราชการเนื่องจากครบกำหนดสัญญาเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ.2444 (1901) (จากหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่)
“อาเธอร์ เคอร์ (Arthur Ker) เป็นชาวไอริชอีกคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในด้านการศึกษาพฤกษศาสตร์และความหลากหลายทางชีวภาพของพืชในประเทศไทย”

ดร.อาเธอร์ คาร์ (Dr.Arthur Kerr) แพทย์ชาวไอริชที่มาใช้ชีวิตและทำงานในประเทศไทยเป็นเวลา 30 ปี พ.ศ.2445-2475 (1902-1932) ส่วนใหญ่อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีคุณูปการสำคัญต่อสังคมไทยโดยเฉพาะในด้านการศึกษาพฤกษศาสตร์ในประเทศไทย โดยเป็นช่างภาพและนักทำแผนที่ที่ยอดเยี่ยม พูดภาษาไทยได้คล่องและมักเดินทางด้วยเท้าหรือช้างไปยังพื้นที่วิจัย
ดร.เคอร์ ก่อตั้งหอพรรณไม้กรุงเทพฯ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักพฤกษศาสตร์ของรัฐบาล ต่อมาสำนักพระราชวังแต่งตั้งให้เป็นอธิบดีกรมเกษตรที่ตั้งขึ้นใหม่เป็นตำแหน่งที่สูงมากและเป็นเกียรติแก่ชาวต่างประเทศ โดยได้รับรางวัล ‘เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือกสูงสุด – ชั้นที่ 4’ ผลงานของเขาได้สร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไอร์แลนด์และประเทศไทยในวงการพฤกษศาสตร์ (จาก Citylife Chiang Mai)
“ยังมีชาวไอริชอีกหลายคนที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการศึกษา บริการสุขภาพ และการพัฒนาสังคมในประเทศไทย”
ท่านทูตแพตย้ำว่า
“คนรุ่นต่อๆ มาได้สร้างรากฐานทางประวัติศาสตร์ของความปรารถนาดีเพื่อพัฒนาความเชื่อมโยงใหม่ๆ ในธุรกิจ การท่องเที่ยว การลงทุน และวัฒนธรรม และแน่นอนว่า ผมตั้งใจจะทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างสะพานเชื่อมระหว่างเราให้มากขึ้นในช่วงเวลาที่ผมอยู่ที่นี่”
คำแนะนำสำหรับนักเรียนไทยที่ต้องการไปศึกษาต่อที่ไอร์แลนด์ไม่ว่าจะด้วยทุนหรือทุนส่วนตัว
“คำแนะนำของผมก็คือ แค่ลงมือทำ”
“เพราะไอร์แลนด์มอบประสบการณ์การศึกษาอันยอดเยี่ยม ด้วยการสอนที่มีคุณภาพสูงและสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสนุกสนาน”
“ชาวไอริชและคนไทยมีลักษณะนิสัยและทัศนคติที่คล้ายคลึงกันมาก เราทั้งคู่ต่างมีครอบครัวและสังคมที่เข้มแข็ง เราชอบที่จะยิ้มและหัวเราะ เรากระตือรือร้นที่จะต้อนรับคนแปลกหน้าและทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนอยู่บ้านในประเทศของเรา นี่คือเหตุผลว่า ทำไม ผมถึงรู้สึกเหมือนอยู่บ้านตั้งแต่มาถึงประเทศไทย และผมก็รู้ว่านักเรียนไทยที่ไปไอร์แลนด์ต่างก็มีความรู้สึกแบบเดียวกัน”
“แน่นอนว่าคุณภาพของการศึกษามีความสำคัญมากเช่นกัน และมหาวิทยาลัยที่ไอร์แลนด์ก็ทำคะแนนได้ดี เช่น Trinity College Dublin, University College Dublin, University College Cork และ Dublin City University (DCU) ซึ่งผมเป็นศิษย์เก่าที่ DCU สถาบันที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงในระดับสากล”

DCU เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านคุณภาพการสอน, สภาพแวดล้อมการเรียนรู้, การวิจัยและนวัตกรรม QS World University Rankings ให้คะแนน DCU ว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกและ Times Higher Education ได้จัดอันดับให้มหาวิทยาลัยเป็นหนึ่งใน 100 มหาวิทยาลัยชั้นนำ มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงในเรื่องอัตราส่วนนักศึกษาต่ออาจารย์ที่ดีที่สุดในประเทศไอร์แลนด์
“ข้อดีอีกประการหนึ่ง คือการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของไอร์แลนด์ ทำให้นักเรียนในไอร์แลนด์สามารถเข้าถึงโปรแกรมของสหภาพยุโรปได้อย่างเต็มที่ เช่น Erasmus และ Horizon รวมทั้งโอกาสในการแลกเปลี่ยนและการวิจัยอื่นๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป” •
รายงานพิเศษ | ชนัดดา ชินะโยธิน
Chanadda Jinayodhin
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022