นโยบายก้าวไกล ‘โดนใจ’

ทวีศักดิ์ บุตรตัน

การเมืองไทยขยับเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ส.ส.ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พรรคการเมืองจัดทัพปรับขบวนระดมนักการเมืองฝีปากกล้าขึ้นเวทีปราศรัยเรียกเสียงหาคะแนนนิยมกันคึกคัก จนรู้สึกเหมือนเข้าใกล้วันหย่อนบัตรเต็มทีแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่มีประกาศยุบสภากำหนดวันเลือกตั้ง

บรรดาชาวบ้านออกจะงงๆ กับนักการเมืองบ้านเรามีจุดยืนตรงไหน เพราะมีการย้ายพรรคกันอุตลุด บางคนก็ทิ้งไปอยู่กับฝ่ายตรงข้าม บางคนโดนขับออกจากพรรคไปแล้วก็ย้อนมาอยู่พรรคเดิม บางคนเคยเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ดีๆ ก็ทิ้งพรรคไปอยู่พรรคใหม่ สุดท้ายก็กลับมาอยู่พรรคเดิมที่เคยตั้งมากับมือและมีห้วหน้าพรรคคนใหม่แล้ว

ส่วนนโยบายของหลายๆ พรรคนั้น ดูเหมือนจะขายฝัน ลดแลกแจกแถม โอกาสทำได้จริงนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลยเพราะต้องใช้เงินงบประมาณมหาศาล เวลานี้สถานะการเงินของประเทศก็ง่อนแง่นเต็มที

เศรษฐกิจทรุดแล้วทรุดอีก คนจนเพิ่มกระจาย คนรวยมีแค่กระจุกเดียว

 

วันอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แฉให้เห็นภาพการบริหารของ พล.เอ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 กว่า 8 ปีใช้งบประมาณไปแล้ว 28 ล้านล้านบาท ตีเป็นราคาทอง พล.อ.ประยุทธ์ใช้ทองเป็นงบประมาณไปแล้วกว่า 1,000 ล้านแท่ง เอามาปูเป็นพื้นถนนไปกลับทั่วประเทศไทยได้ถึง 2 รอบ แต่เศรษฐกิจถดถอย แก่ก่อนรวย ป่วยก่อนตาย เลือกความสงบจบที่ลำบาก

คุณพิธายังบอกอีกว่า ช่วง 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ทำให้ 3 สิ่งที่สูญหายไปกับกาลเวลา ทั้งการศึกษา คอร์รัปชั่น ภัยแล้ง ประเทศไทยมีอันดับการศึกษาด้านภาษาอังกฤษรั้งท้ายโลก อยู่ที่อันดับ 97 จาก 117 ประเทศ คอร์รัปชั่น ได้คะแนนขี้โหล่ 36 จากคะแนนเต็มร้อย

และภัยแล้ง เพิ่มขึ้นจาก 10 ปีมี 3 ครั้ง เป็น 10 ปีมี 6 ครั้ง ภาคกลางมีพื้นที่ภัยแล้งซ้ำซากจาก 4 ล้านไร่เป็น 14 ล้านไร่

พื้นที่ภัยแล้งที่เพิ่มขึ้นนี้หากเป็นการตรวจสอบตามความเป็นจริงจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตการณ์ภัยแล้งหนักหนาสาหัส

แต่ถ้าเป็นตัวเลขที่ยกเมฆหวังผลเบิกงบประมาณฉุกเฉิน นั่นหมายถึง มีการฉกฉวยเอาเรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นข้ออ้างเพื่อคอร์รัปชั่น

พูดถึงบทบาทพรรคก้าวไกลในสภาต้องยอมรับว่าเป็นฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ได้สมบทบาท ส.ส.แต่ละคนที่ลุกขึ้นมาอภิปราย เตรียมตัวทำการบ้านมาอย่างดี มีข้อมูลพร้อมพรั่ง พูดจาไม่ส่อเสียดก้าวร้าว เป็นตัวอย่างฝ่ายค้านยุคใหม่ที่น่าชมเชย

ตรงกันข้ามกับบทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะผู้นำประเทศที่ไม่สามารถชี้แจงข้อมูลหรือตอบคำถามของฝ่ายค้านให้เกิดความกระจ่าง เปรียบเหมือน “ถามหมูตอบควาย”

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงนโยบายสิ่งแวดล้อมกลางน้ำด้วยแรงบันดาลใจจาก “ไซมอน คอฟ”

ไม่เพียงบทบาทของพรรคก้าวไกลในสภาที่ทำหน้าที่ได้เยี่ยมยอดเท่านั้น แต่นโยบายของพรรคจัดวางได้อย่างเป็นระบบมี 9 ชุด 1 ในนั้นเป็นนโยบายสิ่งแวดล้อมไทยก้าวหน้า

คุณพิธาเอานโยบาย “สิ่งแวดล้อมไทยก้าวหน้า” ไปแถลงที่ชุมชนปากคลองรังสิต ปทุมธานี แต่การแถลงของคุณพิธาครั้งนี้มีความต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ นั่นคือเอาโพเดียมไปตั้งกลางน้ำ

หัวหน้าพรรคก้าวไกลออกมาว่าการแถลงนโยบายกลางน้ำครั้งนี้ได้แรงบันดาลใจจากคุณไซมอน คอฟ (Simon Kofe) รัฐมนตรีต่างประเทศตูวาลู ในการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP26

การแถลงนโยบายกลางน้ำของคุณพิธาเป็นสัญลักษณ์ว่าปัญหาโลกร้อนเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคนมากกว่าที่คิด และส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนโดยตรง เช่น ปัญหาน้ำท่วมที่รุนแรงและถี่ขึ้น

พื้นที่ที่แถลง อยู่ในปทุมธานี ในอดีตน้ำท่วม 2-3 เดือนต่อปี แต่ปัจจุบันน้ำท่วม 5-6 เดือนต่อปี ปี 2549 พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก 10 ล้านไร่ ขณะนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าเป็น 27 ล้านไร่

สอดคล้องกับรายงานธนาคารโลกระบุปี 2554-2558 ปัญหาโลกร้อนสร้างความเสียหายต่อภาคการเกษตรของไทยราว 3 ล้านล้านบาท ผลผลิตพืชลดลง เช่น ข้าวลดลง 13 เปอร์เซ็นต์ มันสำปะหลังลดลง 21% อ้อยลดลง 35%

“รัฐบาลบอกว่า เราสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับสหประชาชาติ แต่ตัวเลขเหล่านั้น เราเก็บเองเขียนรายงานเอง ต่างจากการประเมินขององค์กรระหว่างประเทศที่บอกว่า การรับมือของไทยในเรื่องนี้อยู่ในระดับ ไม่เพียงพอขั้นวิกฤติ (Critically Insufficient) ถ้าทำตามนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน จะทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น 4 องศาเซลเซียส แต่ทั่วโลกต้องการให้อุณหภูมิลดลง ต่ำกว่า 2 เซลเซียส”

คุณพิธาอธิบายระหว่างแถลงกลางน้ำ

ไซมอน คอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศตูวาลู แถลงถึงปัญหาโลกร้อนกลางทะเล (ที่มาภาพ : กระทรวงยุติธรรม การสื่อสารและกิจการต่างประเทศตูวาลู)

หัวหน้าพรรคก้าวไกลบอกว่า ปัญหาโลกร้อนเป็นภัยความมั่นคงของยุคปัจจุบัน นี่คือศัตรูตัวจริงของรัฐบาล ไม่ใช่ความมั่นคงทางทหารแบบเดิมอีกต่อไป พรรคก้าวไกลต้องการประกาศศึกกับภาวะโลกร้อน ซึ่งมีนโยบายชัดเจนทั้งการรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วและมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นจากสภาพอากาศที่แปรปรวน

ในเชิงรุกพรรคก้าวไกลรุกไปที่ต้นตอปัญหาเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้จริงควบคู่กับการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม

นโยบายของพรรคก้าวไกล จะเร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 ในด้านการผลิตไฟฟ้าจะเปิดตลาดเสรี ส่งเสริมไฟฟ้าพลังงานสะอาด ทั้งเรื่องโซลาร์เซลล์ครัวเรือน เปิดเสรีทำโซลาร์รูฟ ปลดล็อกระเบียบ สร้างตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรีและประกันราคาไฟฟ้าพลังงานในครัวเรือน

พรรคก้าวไกลตั้งเป้าปลดระวางโรงไฟฟ้าถ่านหินซึ่งเป็นตัวการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ภายใน 12 ปี จัดงบประมาณปรับตัวตำบลละ 3 ล้านบาทใน 1,000 ตำบลเพื่อควบคุมการเผาซากพืชเกษตรภายใน 3 ปี จัดงบฯ อุดหนุนปลูกข้าวเปียกสลับแห้ง แทนการเผาทิ้ง สร้างอุตสาหกรรมแปรรูปฟางข้าว ซังข้าวโพด

นอกจากนี้ ยังปรับปรุงขนส่งให้สะอาดที่สุด มีรถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัดภายใน 7 ปี รณรงค์ลดใช้รถยนต์ส่วนตัว มีวันขนส่งฟรี เปลี่ยนรถไฟดีเซลเก่าเป็นไฟฟ้า ตรวจสภาพรถยนต์ฟรีปีละครั้ง ควบคุมปริมาณรถบรรทุกในเขตเมือง นโยบายขยะอาหาร กำจัดขยะอาหารเหลือทิ้ง บังคับแยกขยะ เก็บข้อมูล ทำบัญชีขยะอาหาร เอาอาหารเหลือทิ้งแลกสินค้าเกษตรอินทรีย์ ส่งเสริมให้ชุมชนทำปุ๋ยจากอาหารเหลือทิ้ง

ด้านการเพิ่มพื้นที่สีเขียว มีนโยบายต้นไม้ปลดหนี้ รัฐจ่ายหนี้ค้างให้เกษตรกรแลกกับการใช้ที่ดินปลูกต้นไม้ยืนต้น มีนโยบายต้นไม้บำนาญ คนปลูกมีรายได้เดือนละ 1,200 บาทต่อไร่ต่อเดือน เป็นเวลา 20 ปี ต้นไม้ชุมชน อุดหนุนชุมชน 1,000 แห่ง ปลูกป่า 4,000 บาทต่อไร่ต่อปี

พรรคก้าวไกลยังวางนโยบายเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น กองทุนปรับตัวรับมือกับภัยพิบัติน้ำท่วม ประกันภัยพืชผลฟรีในทุกพื้นที่รับน้ำ

คุณพิธายังบอกอีกว่า พรรคก้าวไกลยังมีนโยบายสิ่งแวดล้อมในมิติอื่นๆ จะชี้แจงรายละเอียดอย่างต่อเนื่อง เช่น ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ปัญหามลพิษทางอากาศ

ใครชื่นชมบทบาทพรรคก้าวไกลก็ติดตามเฝ้าดูนโยบายใหม่ๆ กันต่อไป •

 

 

สิ่งแวดล้อม | ทวีศักดิ์ บุตรตัน

[email protected]