สะพัด แผนหยุด ‘ป้อม’ 3 ป.สะบั้น ‘พี่ใหญ่’ สู้ เดิมพันจัดโผทหาร ส่องศึก ตท.23 ยึดกองทัพ

ความสัมพันธ์ของพี่น้อง 3 ป. เข้าขั้นวิกฤต ส่อเค้าแตกหักได้ในอนาคตอันใกล้ จากการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง และศึกศักดิ์ศรี พี่ใหญ่ และความทระนงของน้องรัก

แม้จะพบเจอหน้า พบปะพูดคุยกัน ก็เป็นแค่การแสดงละคร สยบข่าวร้าว แต่ในหมู่พี่น้องรู้ดีว่า บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ นั้นหลีกเลี่ยงที่จะเจอหน้าบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

ถ้าต้องประชุม ครม. หรือเจอหน้ากัน ก็จะรีบกลับ ส่วนขามา ก็จะมาช้า ให้ถึงเวลาเริ่มประชุมเลย

จะได้ไม่ต้องคุยนอกรอบ

 

สถานภาพความสัมพันธ์ของพี่น้อง 3 ป. สะท้อนออกมาจากการเดินเกมการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

ในส่วนของ พปชร.นั้น นอกจากอ้าแขนรับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กลับพรรคพลังประชารัฐ แบบมีเงื่อนไขว่าต้องไม่มีตำแหน่งใดๆ ในพรรค แล้ว พล.อ.ประวิตรยังจะดึงบิ๊กน้อย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา น้องรัก กลับมาอีกคน

โดยให้ลาออกจากหัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน มาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค พปชร. ตำแแหน่งที่ พล.อ.ประวิตรเคยนั่ง ก่อนนั่งหัวหน้าพรรค

โดยให้นำผู้สมัคร ส.ส.ที่มีอยู่ของพรรครวมแผ่นดิน มา พปชร.ด้วย แต่ยังให้คงพรรครวมแผ่นดินไว้ ไม่ยุบรวม เพราะจะเก็บไว้เป็นพรรคสำรองของ พล.อ.ประวิตร หาก พปชร.ถูกยุบ

เพราะมีข่าวสะพัดบ้านป่ารอยต่อฯ ที่ทำให้รอยร้าวยิ่งเซาะลึก ว่า พรรค พปชร.กำลังจะถูกยุบ เพราะจะเป็นหนทางเดียวที่จะสกัดไม่ให้ พปชร.ไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เป็นหนทางเดียวที่จะหยุด พล.อ.ประวิตร หลังจากมีข้อมูลรายงานเข้าหู พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา มี 2 ป. ตำรวจเก่าและทหารเก่า สายบ้านป่ารอยต่อฯ เดินทางไปดูไบ

สอดรับกับการขยับของ พล.อ.ประวิตร ที่ประกาศพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรี และประกาศจุดยืนก้าวข้ามความขัดแย้ง เปิดประตูสำหรับการพูดคุยกับทุกพรรคการเมือง อันหมายความถึงการพร้อมร่วมรัฐบาลกับทุกพรรคนั่นเอง

แต่เป็นที่รู้กันภายในว่า จุดยืนของ พล.อ.ประวิตร แม้พร้อมจะร่วมรัฐบาลกับทุกพรรค แต่ยกเว้นพรรคก้าวไกล เพราะจุดยืนเรื่องสถาบัน

มีรายงานว่า มีการพูดคุยกันระหว่างตัวแทน พล.อ.ประวิตร กับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และรวมถึงความเคลื่อนไหวของบ้านจันทร์ส่องหล้า ที่ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับ พล.อ.ประวิตร

รวมถึงการพูดคุยระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับแกนนำพรรคเป้าหมายที่จะร่วมรัฐบาลกันหลังเลือกตั้ง

แม้แกนนำพรรคเพื่อไทยจะออกมายืนยันว่า ไม่เคยมีดีลกับพรรคพลังประชารัฐก็ตาม แต่ก็รู้กันดีว่าแม้จะได้ ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 โดยไม่แลนด์สไลด์ ก็อาจจะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลรัฐเป็นนายกฯ ได้ เพราะยังมีด่าน 250 ส.ว. จึงต้องอาศัย พล.อ.ประวิตรกรุยทาง ด้วยการยอมให้เป็นนายกฯ อย่างน้อยก็เพื่อสกัด พล.อ.ประยุทธ์ออกไปจากอำนาจก่อน

 

เหล่านี้คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีกระแสข่าวฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ต้องหยุด พล.อ.ประวิตรให้ได้ ทางหนึ่งที่ลือกันคือการยุบ พปชร. ที่มีคดีเงินบริจาคจาก “ตู้ห่าว” ที่ตำรวจฟ้องร้องดำเนินคดีหลายข้อหา รวมถึงการฟอกเงินด้วยแล้ว แม้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะถูกสงสัยว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับ พล.อ.ประวิตรก็ตาม แต่ก็ไม่อาจต้านทานพลังบางอย่างที่แบ๊กอัพ พล.อ.ประยุทธ์ได้

จึงเป็นเหตุผลให้มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตรต้องเตรียมพรรครวมแผ่นดินของ พล.อ.วิชญ์ เป็นพรรคสำรองไว้ก่อน โดยเมื่อให้ พล.อ.วิชญ์ย้ายกลับ พปชร.แล้ว ก็ให้บิ๊กโป๊ป พล.อ.ชัชชัย ภัทรนาวิก รองหัวหน้าพรรค ที่เพิ่งเข้ามารับหน้าที่ เป็นหัวหน้าพรรคแทน และยังมีมาดามหยก กชพร เวโรจน์ คนใกล้ชิด พล.อ.วิชญ์ หัวหน้าพรรคสาขาเชียงใหม่ เป็นกำลังหลักอยู่

สำหรับ พล.อ.ชัชชัย อดีต ผบ.ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้าย (ศตก.) อดีต ผช.ทูตทหาร ประจำรัสเซีย ถือเป็นสายตรงบ้านป่ารอยต่อฯ ที่ทำงานการข่าวกรองให้ พล.อ.ประวิตรมาโดยตลอด เป็นเตรียมทหาร 21 รุ่นเดียวกับบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

จากนี้ ก็จะเป็นการวัดพลัง วัดอำนาจ และบารมีของ พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ กับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อยู่เคียงข้าง โดยที่ พล.อ.ประวิตรเสียเปรียบในเชิงคอนเน็กชั่น กองหนุน และแบ๊กอัพ เพราะฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์มีบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. เป็นน้องรัก และยังเป็น รมว.กลาโหมอีกด้วย

แต่ด้วยดีกรีพี่ใหญ่ ก็พร้อมสู้ เดิมพันศักดิ์ศรี พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ที่กำลังโดนน้องรักหักหาญ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ต้องการอยู่ใต้บารมี และคำสั่งพี่ใหญ่อีกต่อไป

ขณะที่น้องๆ ทหารในกองทัพ กำลังจับตามองสถานการณ์ของ 3 ป.อย่างใกล้ชิด เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เปลี่ยนนายกฯ และหากอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้กลับประเทศจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยหนทางใด อาจเกิดความวุ่นวายตามมา เพื่อเปิดช่องให้เกิดการรัฐประหารขึ้น

ท่ามกลางความลำบากใจของทหารในกองทัพ เมื่อพี่น้อง 3 ป.แตกแยก ขัดแย้ง แย่งชิงอำนาจกัน ก็พลอยทำให้น้องๆ ต้องเลือกข้างไปด้วย

โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลใหม่ และนายกฯ คนใหม่ หรืออาจเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จะได้จัดโผแต่งตั้งโยกย้ายทหารครั้งใหญ่ สิงหาคม-กันยายนนี้ ที่จะมีการตั้ง ผบ. 4 เหล่าทัพ ทั้ง ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. ผบ.ทร. ผบ.ทอ. รวมถึง ผบ.ตร. ด้วย เนื่องจากเกษียณราชการพร้อมกันหมด

เหลือเพียงบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหมคนเดียวที่มีอายุราชการถึงกันยายน 2568 และถือเป็นสายตรงบ้านป่ารอยต่อฯ แต่ทว่า ภริยาก็ทำงานใกล้ชิด เป็นทีมตึกไทยคู่ฟ้าของ พล.อ.ประยุทธ์มายาวนาน

ที่ถูกจับตามากที่สุด คือเก้าอี้ ผบ.ทบ. ที่ถึงขั้นวัดดวงกันเลยว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ ต่ออีกสมัย ก็จะดันบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. น้องรักสายทหารเสือราชินี ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป เป็นฐานค้ำเก้าอี้ได้แบบไม่ต้องระวังหลัง

แต่หาก พล.อ.ประวิตรได้เป็นนายกฯ ก็คาดกันว่า บิ๊กโต พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผช.ผบ.ทบ. จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

ดังนั้น ศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. ระหว่าง พล.อ.เจริญชัย และ พล.อ.สุขสรรค์ ที่เป็นเพื่อน ตท.23 ด้วยกัน และเป็นทหารคอแดงด้วยกัน จะยิ่งเข้มข้นขึ้น

แม้ พล.อ.เจริญชัยจะเป็นเต็งหนึ่ง เพราะอาวุโสกว่า เพราะขึ้นเป็นรอง ผบ.ทบ. ครองอัตราพลเอกพิเศษก่อน

แต่ก็ร่ำลือกันว่า พล.อ.สุขสรรค์มาแรงในสายคอแดง ทั้งสายสัมพันธ์กับบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ที่จะเกษียณ และในสายพระราม 5 แถมดวงชะตาอยู่ในเกณฑ์ที่จะเป็น ผบ.ทบ.

แต่ทว่า พล.อ.อภิรัชต์ น้องรักนายกฯ ก็ยังมีบทบาท และเป็นที่เคารพรักของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ดังนั้น พล.อ.เจริญชัย ก็ยังคงมีกองหนุนสำคัญ

มีการมองข้ามช็อตกันแล้วว่า หาก พล.อ.เจริญชัยไม่ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ก็จะต้องมีตำแหน่งรองรับที่เหมาะสม เช่น อาจต้องข้ามไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด หรือไม่

ที่บก.ทัพไทย นั้นมีบิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รอง ผบ.ทหารสูงสุด คอแดง เป็นเต็งหนึ่งอยู่ ชิงกับบิ๊กจ่อย พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง เสนาธิการทหาร สายคอเขียว เพื่อน ตท.24 อยู่แล้ว หาก พล.อ.เจริญชัยต้องถูกเด้งจาก ทบ. มา บก.ทัพไทย ก็จะสะเทือนทั้ง พล.อ.ทรงวิทย์ และ พล.อ.ธิติชัย ที่มีอายุราชการถึง 2568 พร้อมกัน ที่อาจต้องร้องเพลงรอ แข่งกันไปอีก 1 ปี เพราะ พล.อ.เจริญชัยเกษียณ 2567

แต่ในอีกทางหนึ่ง หาก พล.อ.เจริญชัยได้เป็น ผบ.ทบ. และ พล.อ.ทรงวิทย์ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ก็อาจต้องมีการชดเชยให้ คนทำงานอย่าง พล.อ.ธิติชัย ทหารคอเขียว ที่อาจจะถูกส่งข้ามไปเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แทนบิ๊กไก่ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม ที่จะเกษียณกันยายนนี้ ซึ่งถือเป็นสูตรการแก้ไขความไม่ลงตัวในการแต่งตั้งโยกย้ายทหารมาหลายปีตั้งแต่ยุค คสช. ที่ พล.อ.ประยุทธ์เอาทหารมาเป็นเลขาฯ สมช. ต่อเนื่องกันหลายคน

ขณะที่นายทหาร ตท.23 กำลังจ่อขึ้น ผบ.ทุกเหล่าทัพ โดยมี พล.อ.เจริญชัยเป็นประธานรุ่น และยังเป็นเต็งหนึ่งขึ้น ผบ.ทบ.คนต่อไป

 

ขณะที่กองทัพเรือนั้น บิ๊กโอ๋ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสธ.ทร. ถือเป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทร. ที่รู้กันดีว่า บิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย อดีต ผบ.ทร.คนก่อน วางตัวไว้ให้เป็น ผบ.ทร.คนต่อไป และ บิ๊กดุง พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.กองเรือยุทธการ เพื่อน ตท.23 ของ พล.ร.อ.ชลธิศ

แต่เหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง เมื่อ 18 ธันวาคม 2565 ส่งผลสะเทือนต่อการแต่งตั้งโยกย้ายและเก้าอี้ ผบ.ทร.คนใหม่ไม่น้อย

เพราะแม้แต่ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ โจมตีในช่วงแรกๆ ที่เกิดเหตุการณ์

ส่วนแคนดิเดต ผบ.ทร. หลายคนก็โดนพาดพิง หลังมีการปล่อยข่าวเชื่อมโยงว่า เป็นคนออกคำสั่ง “ห้ามเรือจม” และผู้บังคับบัญชาที่คุยกับผู้บังคับการเรือ รล.สุโขทัย ทั้งการนำเรือเข้าเทียบท่า และการตัดสินใจนำเรือกลับสัตหีบ จนเกิดอับปางในที่สุด จนทำให้ผู้การเรือไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเอง

แต่คนที่โดนพาดพิงมากที่สุดคือ บิ๊กล้อ พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผบ.ทัพเรือภาคที่ 1 ที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง เพราะ รล.สุโขทัย แม้จะเป็นเรือของกองเรือยุทธการ แต่เมื่อออกปฏิบัติหน้าที่ ก็จะขึ้นตรงกับ ผบ.ทัพเรือภาค

แต่อย่างไรก็ตาม พล.ร.ท.พิชัย ไม่ได้เป็นแคนดิเดต ผบ.ทร. แต่ก็ลุ้นขึ้น 5 ฉลามทัพเรือ และจะเป็นคนไขปริศนา และข้อเท็จจริงต่างๆ ร่วมกับผู้การเถื่อน น.ท. พิชิตชัย เถื่อนนาดี ผบ.รล.สุโขทัย ที่จะให้ข้อมูลกับคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ นายทหาร ตท.23 กำลังเป็นรุ่นที่กำลังขึ้นมารับไม้ต่อดูแลกองทัพจาก ตท.22 ที่นั่ง ผบ.เหล่าทัพยกแผง เป็นปีสุดท้าย เพราะทั้งบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. บิ๊กตุ๊ด พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. และบิ๊กเด่น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.

 

ขณะที่กองทัพอากาศนั้น เริ่มมีข่าวสะพัดถึงระยะห่างระหว่าง พล.อ.อ.อลงกรณ์ กับบิ๊กณะ พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ เสธ.ทอ. เต็งหนึ่ง ผบ.ทอ.คนต่อไป ที่เชื่อกันว่าบิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ.คนก่อน ได้วางตัวเอาไว้ให้เป็นต่อ ตามสูตร “ตุ๊ด-ณะ” คนละปี

แต่กลับมีกระแสข่าวถึงแนวทางการทำงานของ ผบ.ทอ. และ เสธ.ทอ. อาจจะไม่ค่อยรู้ใจกันนัก อาจเป็นเพราะเติบโตมาคนละสาย พล.อ.อ.ณรงค์ รุ่นน้อง ตท.23 เป็นนักบินเอฟ 16 ที่โตมาจากกองบิน 1 กับ พล.อ.อ.นภาเดช ส่วน พล.อ.อ.อลงกรณ์ โตมาจากกองบิน 56 และไม่ได้เป็นนักบินขับไล่ และเติบโตมาในสายปลัดบัญชี ทอ. ไม่ใช่สายยุทธการ

ในขณะที่ พล.อ.อ.อลงกรณ์มอบหมายให้บิ๊กหนึ่ง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รอง ผบ.ทอ. ดูแลโครงการเอฟ 35 แทนบิ๊กป้อม พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันท์ ที่ย้ายไปเป็นรองปลัดกลาโหม ซึ่ง พล.อ.อ.ชานนท์ ก็เป็นแคนดิเดตอีกคน ที่เป็น ตท.23 รุ่นเดียวกับ พล.อ.อ.ณะ

ที่น่าจับตามองคือ บิ๊กจ๋า พล.อ.อ.พงษ์สวัสดิ์ จันทสาร ผช.ผบ.ทอ. ตท.23 อีกคน ที่ พล.อ.อ.อลงกรณ์บอกสื่อว่า ให้จับตามองเพราะถือเป็นแคนดิเดตอีกคนหนึ่ง

โดยได้รับบทบาทหน้าที่สำคัญในช่วงการประชุมเอเปคในการคุมการปฏิบัติการทางอากาศ ในการรักษาความปลอดภัยผู้นำเอเปค และเครื่องบินของผู้นำเอเปค ในการดูแลจากทางอากาศ และงานการข่าวกรอง จนทำให้สถานการณ์ทุกอย่างเรียบร้อย

 

ไม่ว่า ตท.23 จะได้เป็น ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. หรือไม่ก็ตาม แต่ถึงอย่างไร ผบ.ทบ.คนต่อไป จะต้องเป็น ตท.23 ระหว่าง พล.อ.เจริญชัย และ พล.อ.สุขสรรค์

แต่อยู่ที่ว่า เพื่อนจะรักษาความเป็นเพื่อน ไม่ให้ได้ถูกกระทบกระเทือนจากศึกชิงอำนาจกันได้มากน้อยแค่ไหน เพียงใด

เพราะขนาดพี่น้อง 3 ป. ที่กินนอนอยู่บ้านหลังเดียวกัน อยู่ห้องเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกันมา คบหากันมา 40-50 ปี ก็ยังแตกแยกกันได้ แถมหนักขึ้นๆ ด้วย