“โหรวสุ” ชี้ รัฐบาลไม่ใช่ขั้วเดิม-อายุสั้น เตือนมีเกณฑ์คนดังถูกลอบสังหาร

“โหรวสุ” หรือวสุวัส คำหอมกุล โหราศาสตร์ชื่อดัง พยากรณ์ดวงเมืองปี 2566 ว่า การเมืองปีหน้า เมื่อดูจากดวงเมือง จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ คือการยุบสภาและมีการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนแรกของปี ตั้งแต่มกราคมถึงเมษายน เรียกได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้น

ผมคิดว่าจะเกิดการเลือกตั้งเกิดขึ้นไม่เกินเดือนพฤษภาคมแน่นอน

ส่วนผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไรผมมองว่าไม่ใช่ขั้วเดิมที่จะได้มาเป็นรัฐบาล

แต่ปัญหาสำหรับการเมืองปีหน้าก็คือ “การครองอำนาจ” เพราะดวงเมืองชี้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในช่วงปี 2567

เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดมีการเลือกตั้งในปี 2566 ไม่ว่าขั้วไหนได้เข้ามาเป็นรัฐบาลจะมีอายุไม่ยืน แล้วจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี-1 ปีครึ่ง

สาเหตุอาจจะมาจากเพราะ 1.อาจจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ 2.อาจจะมีการสั่นคลอนทางการเมืองหรือมีการปรับเปลี่ยน มีการกระทำอะไรบางอย่าง

ซึ่งถามว่า มีแนวโน้มจะเกิดรัฐประหารหรือไม่ ผมมองว่าต้องเรียกเป็นอีกแบบหนึ่ง คือมีการยึดอำนาจกันกลายๆ จากกลุ่มคนที่เป็นกลุ่มผู้อำนาจเก่า โดยใช้เหตุผลทางการเมืองหรือวิธีการแปลกใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมที่เคยทำมาตลอด ไม่น่าจะใช้วิธีเดิมๆ อีกแล้ว ในการให้ทหารทุบโต๊ะยึดอำนาจไม่มีแล้ว

อาจจะใช้วิธีทางการศาลหรือใช้ข้อกฎหมายทางรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เขาทำขึ้นมาเปิดช่องล้มรัฐบาล พูดง่ายๆ แค่ 250 ส.ว.ก็มีส่วนทำได้แล้ว ในการจะกระทำอะไรก็ตาม หรือกลไกต่างๆ ก็ยังมีอยู่อีกมากในรัฐธรรมนูญ

สิ่งที่โหรวสุเตือนให้รับมือคือมีเกณฑ์ที่บุคคลสำคัญจะเสียชีวิต แต่ไม่ใช่เสียชีวิตแบบปกติ อาจจะถูกลอบสังหาร เช่น ถูกทำให้ตายให้เป็นอุบัติเหตุ หรือถูกค้นพบว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่อาจจะถูกยิงก็ได้ไม่แน่ใจ

แต่ดวงเมืองมีเกณฑ์ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้ โดยจะเริ่มมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหรือคนที่มีตำแหน่งทางการเมือง หรือคนที่มีชื่อเสียง พูดชื่อไปทุกคนในสังคมรู้จักเสียชีวิต แต่จะเป็นการเสียชีวิตแบบไม่ปกติ

เขาอาจจะบอกว่าอุบัติเหตุ แต่จริงๆ ไม่ใช่อุบัติเหตุ อาจจะมีการค้นพบภายหลังว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ อันนี้ต้องรอดู เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่ตุลาคมปีนี้ไปจนถึงตุลาคม 2567

เป็นเหตุการณ์ที่ยาวนานพอสมควร อาจจะเป็นนักการเมือง เรียกได้ว่าถูกลอบสังหารก็ได้

เมื่อถามว่าคนไทยในปี 2566 จะมีความหวังอะไรหรือไม่?

โหรวสุชี้ว่า อย่างแรกคือเรื่อง “เศรษฐกิจ” ภายใน 4 เดือนแรกถ้ามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นจะเห็นผลชัดเจนว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น

สำหรับดวงเมืองด้านเศรษฐกิจที่จะเห็นผลได้หลังวันที่ 19 เมษายน เนื่องจากดวงดาวต่างๆ เริ่มโคจรเป็นผลดีกับดวงเมือง โดยเฉพาะช่วงที่ผมบอก ถ้าจะเกิดมีเรื่องอะไรใหญ่ๆ ทำให้คนไทยมีโชคมีลาภ มีธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้น หรือจากความมีชื่อเสียงโดยมีปัจเจกบุคคลที่คิดหรือกระทำอะไรสักอย่างหนึ่งโกอินเตอร์ไปไกลระดับโลกทำให้เมืองไทยเป็นที่สนใจของต่างชาติ แบบว่ามีชื่อเสียงหรือมีกลุ่มธุรกิจที่มีชื่อเสียงโด่งดัง จนมีคนเข้ามาเริ่มลงทุน เข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น

ผมมองว่าถ้ารัฐบาลมีการเปลี่ยนหรือมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นก็ตาม บรรยากาศทางการเมืองมันจะดีขึ้นเป็นลำดับ คนจะเริ่มกลับมา

ดังนั้น เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจะเห็นได้ชัดเลยว่า เกิดการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว จะบูม สายการบินต่างๆ ก็ดี การค้าขายต่างๆ จะเริ่มดีขึ้น

สำหรับธุรกิจที่ผมมองว่าจะบูมในปีหน้าอย่างแรกเลยคือด้านการท่องเที่ยวแน่ๆ

ส่วนที่ 2 ธุรกิจเกี่ยวกับนายหน้า แต่ไม่ใช่นายหน้าปกติ แต่เป็นนายหน้าที่เอาของของประเทศไทยไปขายในต่างประเทศ ขายของที่คนไทยเรียกว่าราคาถูกในประเทศ แต่เอาไปขายได้ในต่างแดน แม้กระทั่งเป็นผักผลไม้หรือวัตถุดิบอะไรปกติที่ไม่ค่อยมีคนสนใจหรือราคาถูกบีบมาก แต่จะมีใครจับพลัดจับผลูหา Connection จนมีต่างชาติเข้ามาสนใจและส่งไปขายในต่างแดน จนธุรกิจมันบูม

อาจจะเป็นพืชผลทางการเกษตรก็ได้ที่ราคาตกแต่มีคนไปส่งออกแล้วขายดี เลยมีการกว้านซื้อกันเต็มที่ในเมืองไทย คนก็จะเริ่มแห่กันปลูก และจะเริ่มเห็นโอกาส จากที่ขายในประเทศก็อยากจะส่งออกนอกประเทศ

ซึ่งจะมองเป็นข้อดีก็ได้เหมือนกัน แต่ข้อเสียคือของในประเทศก็จะราคาแพงขึ้น

ในปีหน้า อาหาร ของใช้ทั่วไปยังไงก็จะราคาขึ้น แต่คนจะโวยวายน้อยลงหน่อย ที่น้อยลงเพราะว่ารายได้เมื่อเทียบกับปี 2565 จะดีขึ้นเพราะปีที่ผ่านมารายได้คนไม่เพิ่ม คนเลยบ่น แต่ปีหน้ารายได้คนจะเพิ่ม

ผมเลยมองว่าถ้าเกิดเป็นอย่างนี้ คนยังพออยู่ได้ แต่แนวโน้มในระยะยาวจะต้องมี “การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ” ตามที่บางพรรคการเมืองชูนโยบายว่าปี 2570 จะเพิ่มค่าแรงเป็น 600 บาท ผมมองว่ายังช้าไปด้วยซ้ำ

ผมมองว่าภายในปี 2568 ต้องไปถึง 600 บาทได้แล้ว เพราะว่าดวงปีหน้าพวกของต่างๆ ราคาจะขึ้น เศรษฐกิจจะดี แล้วขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลในตอนนั้นจะใช้นโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจกลับมาได้หรือไม่ ส่วนอะไรที่ตกไปใน 4-5 ปีที่ผ่านมาอาจจะพอกลับคืนมาได้อยู่

 

ส่วนธุรกิจอีกอันหนึ่งที่จะได้รับความสนใจคือธุรกิจเกี่ยวกับสายมูเตลู อะไรที่เกี่ยวข้องกับการแก้เคล็ดดวงชะตา การดูดวง ไปจนถึงสิ่งของเครื่องประดับเสริมดวงสายมู จะยังคงเป็นสิ่งที่คนจะนิยมมาก รวมถึงวัดวาอารามที่มีเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังๆ ที่คนจะแห่ไปกันเยอะ คนจะเข้าไปทำบุญกันมากมายและจะมีการแข่งกันหลายๆ จังหวัดหลายภาค เรียกได้ว่าจะเห็นพวกงานอีเวนต์ของวัดหรือศาล-สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จะจัดขึ้นมาเพื่อโปรโมตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำให้คนเข้ามากราบไหว้บูชา เมื่อการท่องเที่ยวเริ่มกลับมา สายมูก็จะมาด้วย คนจะเดินทางไปเที่ยวไหว้ ไปงานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไปไหว้ขอพร ดังนั้น ธุรกิจสายนี้ก็จะกลับมาบูม

ขณะที่วงการบันเทิงบ้านเราถ้าเทียบกับปี 2565 ที่ผ่านมาจะถือว่าไม่ค่อยหวือหวามาก เพราะปี 2565 มีข่าวคราวดารามาก ปีหน้าเหมือนราหูอ่อนแรง แต่สำหรับวงการบันเทิงในลักษณะที่เรียกว่าการเดินทางส่งออกศิลปิน-ดาราไปโกอินเตอร์ต่างประเทศ อันนี้จะดี

ผมคิดว่าน่าจะเห็นแววแล้วว่าจะมีศิลปินไทยหลายๆ คนจะโกอินเตอร์ และปีหน้าจะมีคนดังโกอินเตอร์มีหน้าใหม่ๆ เพิ่มมากกว่าปีนี้ ในวงการบันเทิงจะมีประมาณนี้

สายอาชีพที่ปีหน้าน่าจะบูมและคนจะแห่เลือกทำงานและไปสมัครกัน ผมคิดว่าจะเป็นวงการการทำฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์ การทำ application ที่ต้องการคนที่เขียนโค้ดดิ้งเป็น ปีหน้าคนเหล่านี้สามารถเลือกงานได้เลย จะบูมมาก แต่ปัญหาก็คือบุคลากรในเมืองไทยในตอนนี้มีน้อยในธุรกิจประเภทนี้ตอนนี้

เพราะอย่างที่บอกว่าปีหน้าธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจการเป็นนายหน้า หรือการเดินทาง-ขนส่งจะเติบโต จำเป็นต้องใช้บุคคลเหล่านี้เยอะในการทำแอพพ์ เขียนแอพพ์ พัฒนาแพลตฟอร์มต่างๆ

ดังนั้น ใครจบการเขียนโค้ดดิ้งได้ จะสามารถเลือกงานได้เลย

ส่วนสายที่จะดร็อปลง จะเป็นภาคราชการ แม้ว่า 3-4 ปีที่ผ่านมาคนอาจจะแห่สอบราชการ แต่ปีหน้าคนจะไม่ไปแล้ว เพราะรู้ว่าสอบไปแล้วก็ไม่ได้ค่าจ้างที่คุ้ม หรืออาจจะมองว่าอนาคตมันจะไม่เหมือนเดิม ยิ่งถ้าติดตามข่าวเรื่องเกี่ยวกับเงินบำนาญของข้าราชการจะเข้าเค้าแล้วว่า อนาคตข้างหน้าหลังปี 2569-2570 ข้าราชการจะยังได้บำนาญอยู่หรือไม่ เป็นคำถามสำคัญ ที่อาจจะพุ่งไปหารัฐบาลเนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลใช้เงินงบประมาณไปเยอะ

ทำให้ปีถัดๆ ไป คนเกิดความรู้สึกว่าไม่อยากจะทำงานราชการต่อแล้วก็ได้ในอนาคต ฝ่ายข้าราชการหรือรัฐวิสาหกิจก็เลยจะมีปัญหาความนิยมตกลง

 

ส่วนสิ่งที่ต้องระวังในปีหน้าที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นคิดว่าเป็นเหตุที่ทำให้คนลำบากเดือดร้อนและเสียชีวิต

ประการแรก คือเรื่องอุทกภัย เหมือนจะมีพายุเข้าตามพื้นที่จังหวัดที่อยู่ติดริมทะเลทั้งหมด

โปรดระวังเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันจนมีคนเสียชีวิต เหตุการณ์เรือล่ม เช่น อุตุฯ อาจจะเตือน แต่เตือนเบาไป คนไม่เชื่อเลยออกเรือไปจนเกิดพายุแรงลมมาก จนมีคนสูญหาย น้ำขึ้นฉับพลัน กระทั่งโป๊ะตามแม่น้ำเจ้าพระยาอาจจะมีปัญหา หรือคนไปยืนกันเยอะแล้วล้มมีคนบาดเจ็บเสียชีวิตได้ ต้องระวังอุบัติเหตุทางน้ำ

อีกประการคืออุบัติเหตุทางการขนส่งสายการบิน ปีหน้าเราดูแล้วการท่องเที่ยวจะบูมมาก จะมีการบินกันเยอะ ต้องระวังพายุฝน ช่วงไหนที่มีพายุฝนมากจะมีเหตุเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ

อาจจะไม่ถึงขั้นตกตายยกลำ แต่จะมีอุบัติเหตุชนิดที่ว่าเครื่องบินลงจอดฉุกเฉิน หรืออาจจะลงสนามบินแล้วมีปัญหาอาจจะมีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตได้เหมือนกัน นี่คือสิ่งที่จะต้องระวังในปีหน้า

สำหรับปีหน้าเรียกได้ว่าเป็นปีแห่งพายุลม มีฝน แต่ที่หนักที่สุดคือลม ลมจะแรงมาก จำเป็นต้องระวังอย่างยิ่ง ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไปถึงพฤศจิกายน

อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรคระบาด อาจจะไม่เหมือนกับโควิด แต่จะเน้นไปที่อาหารการกินเป็นหลัก เช่น จะมีโรคระบาดในสัตว์ที่ทุกคนชอบรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นหมูหรือไก่ จะมีเชื้อไวรัส แบคทีเรียพันธุ์ใหม่กลายพันธุ์ และสามารถจะติดในอาหารที่ปรุงไม่สุกหรืออาหารเก็บแช่แข็ง จนส่งผลทำให้คนที่ไปกินข้าวตามร้านอาหารเกิดอาการล้มป่วย

ให้รอติดตามข่าวว่าปีหน้าจะมีคนป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลครั้งใหญ่จากการไปกินอาหารประเภทใดประเภทหนึ่ง

จริงๆ แล้วปีหน้าผมมองว่าพวกร้านอาหารต้องระวังมากเป็นพิเศษเ พราะธุรกิจร้านอาหารปีหน้าน่าจะบูม แต่พอมีข่าวแบบนี้พวกบุฟเฟ่ต์หมูกระทะต้องเร่งควบคุมวัตถุดิบให้มากกว่านี้ เพราะมันจะขาดความเชื่อมั่นพอมีข่าวประเภทนี้ออกมา ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเห็นแววแล้ว เช่น ข่าวที่เราเห็นว่าหมูที่แช่ฟอร์มาลิน แต่นั่นเป็นเหตุเล็กๆ ยังมีผลขนาดนี้ ถ้าปีหน้าเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศเป็นเรื่องใหญ่ ร้านทั้งหลายจะเป็นอย่างไร

เรื่องเหล่านี้ต้องระวัง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขไทยในยุคหน้าจะต้องเคร่งในการตรวจตรา การประกาศให้ประชาชนรับทราบเพื่อสร้างความเชื่อมั่น

กลายเป็นว่าภาพรวมๆ ปีหน้าทุกอย่างจะดีหมด แต่กลายเป็นว่าคนไทยไม่มีความสุขจากการกินอาหารนอกบ้าน เพราะกลัวจะติดโรค อาจจะเป็นเรื่องพยาธิหรืออะไรก็ได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องแค่คนสองคน จะกลายเป็นป่วยหลักสิบหลักร้อย ต้องระวังอย่างยิ่ง แล้วมันจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก

จริงๆ จะเห็นได้ตั้งแต่ช่วงหน้าร้อนปลายเดือนเมษายนจะเริ่มมีข่าวคนไทยที่ออกไปกินอาหารนอกบ้านในปีหน้าต้องเลือกร้านให้ดีที่สุด มิเช่นนั้นจะพาตัวเองไปอยู่บนความเสี่ยง