ถอดรหัส! จาก “ใจเพชร” ถึง “สู้เพื่อแผ่นดิน” “บิ๊กตู่” บอกอะไรใน 2 เพลงใหม่นี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือโอกาสระหว่างที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล มารดน้ำขอพร เนื่องในวันสงกรานต์ 2561 ที่ทำเนียบรัฐบาล เปิดตัวเพลงที่แต่งขึ้นใหม่ “สู้เพื่อแผ่นดิน”

นับเป็นซิงเกิลที่ 6 แล้ว ตั้งแต่ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่เริ่มจากแต่งเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” โดยแต่งหลังจากยึดอำนาจได้ไม่นาน เพลงนี้เป็นเสมือนคำสัญญาที่ “บิ๊กตู่” ลั่นวาจาไว้กับประชาชน ว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า นั่นก็คือเหตุการณ์ความรุนแรงในการชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อยาวนาน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 ถึงเดือนพฤษภาคม 2557

เป็นเพลงที่มีท่อนฮุกติดหู “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน”

ปลายปี 2558 นักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ถามด้วยความสงสัยว่า “นายกฯ ไม่คิดจะเปลี่ยนเพลงบ้างเหรอครับ”

ต่อมาเดือนธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ออกเพลงใหม่ “เพราะเธอคือ…ประเทศไทย” โดยพยายามสื่อให้เห็นว่า การแก้ไขปัญหาที่สั่งสมมานานนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. เพียงลำพัง คงแก้ไขปัญหาไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนคนไทย โดยเป็นเพลงที่ พล.อ.ประยุทธ์แต่งเพื่อขอความร่วมมือและเข้าใจจากประชาชน

เพลงในลำดับที่ 3 “ความหวังและศรัทธา” ถูกปล่อยออกมาในวันที่ 26 ตุลาคม 2559 มีความหมายไม่แตกต่างจากเพลง “เพราะเธอคือ…ประเทศไทย” โดยขอให้ทุกคนมีความรัก สามัคคี เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองได้ทำอยู่ เพื่อให้สิ่งที่หวังไว้กลายเป็นจริง

แต่ด้วยความที่เพลงถูกปล่อยออกมาในช่วงอารมณ์โศกเศร้าของคนไทย เพลงนี้จึงไม่ค่อยคุ้นหูคนมากนัก

4 มกราคม 2560 “บิ๊กตู่” ปล่อยเพลงใหม่ออกมาอีก ชื่อเพลง “สะพาน” เพลงนี้แต่งเมื่อตอนรัฐบาลและ คสช. อยู่ในอำนาจจะเข้าสู่ปีที่ 3 โดยทั้งองคาพยพได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากนักการเมืองและประชาชนที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งวิจารณ์ คสช. ว่าไม่ยอมคืนอำนาจ ไม่รักษาสัญญา

“บิ๊กตู่” จึงเริ่มท่อนแรกในเพลงลำดับที่ 5 นี้ว่า “อาจจะนานที่สู้เพื่อเธอ เพื่อแผ่นดินที่แสนยึดมั่น นานแค่ไหนรู้ไว้ไม่หวั่นหัวใจ”

ตามด้วย “เมื่อต้องเจอแม่น้ำเชี่ยวกราก อุปสรรคที่แสนยิ่งใหญ่ จะพาเธอให้พ้นทุกข์ภัยเช่นไร”

ในท่อนสุดท้าย “บิ๊กตู่” ได้นำท่อนฮุกยอดฮิตของเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” ที่ร้องว่า “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน…” เข้ามาอยู่ในเพลงด้วย เพื่อสื่อให้รู้ว่าไม่ได้ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน และตอนนี้ก็กำลังทำหน้าที่เป็น “สะพาน” ให้คนไทยก้าวข้ามปัญหาและอุปสรรคทั้งปวง

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงเพลง “สะพาน” ว่า ครม. ต้องทำตัวเป็นสะพานที่ให้คนเหยียบย่ำและก้าวข้ามพ้นน้ำที่เชี่ยวกราก ซึ่งเปรียบเสมือนอุปสรรคสิ่งกีดขวางไปให้ได้ โดยทุกคนต้องทำตัวเป็นสะพาน ไม่ใช่ตนเพียงคนเดียว และขอประชาชนอย่าแออัดกันข้ามสะพาน เพราะจะเหยียบกันตาย ซึ่งสะพานเองก็จะรับน้ำหนักไม่ไหว สุดท้ายทุกคนก็จะตกน้ำตายกันทั้งหมด

ต่อมาเพลงที่ 5 “ใจเพชร” พล.อ.ประยุทธ์ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 เพลง “ใจเพชร” แต่งในช่วงที่รัฐบาลและ คสช. ถูกโจมตีอย่างหนัก ทั้งจากกรณีที่ไม่ยอมปลดล็อกการเมืองอย่างที่เคยสัญญาเอาไว้ ว่าหลังพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวง ร.9 จะเปิดให้พรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมทางการเมืองได้ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ พ.ร.ป.พรรคการเมือง

ซ้ำยังออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 เลื่อนกำหนดเวลาในการดำเนินการด้านธุรการของพรรคการเมือง โดยให้โอกาสพรรคการเมืองใหม่แจ้งจัดตั้งพรรคได้ก่อน นับจากวันที่ 1 มีนาคม 2561 ส่วนพรรคการเมืองเก่าอนุญาตให้ยืนยันสมาชิกพรรคได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2561

นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. ถูกวิจารณ์ว่ามีใบสั่งเลื่อนเลือกตั้ง เพราะสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอแก้ไขร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. ให้มีผลบังคับใช้ 90 วันหลังจากวันประกาศ แทนที่จะบังคับใช้ได้เลย

ดังนั้น จึงทำให้โรปแม็ปการเลือกตั้งจากที่ประกาศไว้ว่าจะเป็นเดือนพฤศจิกายน 2561 ต้องเลื่อนออกไปอีก

นอกจากนี้ คสช. ยังแบกรับเสียงวิจารณ์ปมร้อนนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่เจ้าตัวถูกโจมตีอย่างรุนแรงและต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2560

ขณะที่ผลโพลในช่วงนั้นพบว่า คะแนนความนิยมของรัฐบาลลดลงจนถูกมองว่าเป็นช่วงขาลงของรัฐบาลและ คสช.

ด้วยเหตุนี้ “บิ๊กตู่” จึงต้องแต่งเพลง “ใจเพชร” ซึ่งเป็นเพลงเร็วเพลงแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่งขึ้น โดยมีจังหวะและเนื้อหาสนุกสนาน คล้ายอารมณ์ความตึงเครียดที่ประสบพอเจอ โดยเพลงได้เน้นเนื้อหาให้กำลังใจทุกคนที่ทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตรที่ถูกโจมตีจนคนหลายคนเป็นห่วง

บิ๊กตู่จึงเขียนเนื้อร้องว่า “ทำใจให้เป็นเพชรแท้ ไม่แพ้อะไรเสียอย่าง วันนี้มีเราเคียงข้าง อุปสรรคก็ไร้ความหมาย”

“บทเรียนสอนเรา ไม่เหมือนในวันวาน ความฝันที่ใจของเราต้องการ ต้องสร้างมันด้วยกันจึงยั่งยืน”

ท่านหลังนี้เป็นข้อความที่ “บิ๊กตู่” ย้ำอยู่เสมอว่า ปัญหาที่ประเทศไทยประสบอยู่นั้นแตกต่างจากอดีตมาก เป็นเหตุผลที่ต้องใช้เวลาแก้ไขนานพอสมควร เพื่อสร้างความฝันให้เกิดความยั่นยืน

เพลงนี้ฟังเผินๆ จะดูเหมือนเพลงให้กำลังใจทั่วไป เพราะด้วยความที่เป็นเพลงเร็วและมีจังหวะสนุกสนาน นัยยะของเพลงจึงถูกมองข้ามไปด้วย

ผ่านไปเพียง 2 เดือน พล.อ.ประยุทธ์ออกซิงเกิลใหม่ “สู้เพื่อแผ่นดิน” เพลงนี้แต่งในช่วงที่ละครดัง “บุพเพสันนิวาส” กำลังฮ็อต เพลงจึงมีกลิ่นอายของความเป็นไทยจากเครื่องดนตรีไทยผสมสากล และ “บิ๊กตู่” ก็ยอมรับเองว่า เป็นเพลงที่อิงกระแสละครบุพเพสันนิวาส ซึ่งปล่อยออกมาหลังนักแสดงจากละคร “บุพเพสันนิวาส” เข้าพบเพียง 1 สัปดาห์

“สู้เพื่อแผ่นดิน” ได้ “วิเชียร ตันติวิมลพันธ์” นักร้องและนักแต่งเพลงมือดีมาเรียบเรียงให้ ซึ่งที่ผ่านมา “วิเชียร” คนนี้ก็เรียบเรียงให้ พล.อ.ประยุทธ์ทุกเพลงยกเว้นเพลง “ความหวังและศรัทธา” และเป็นคนเดียวกับที่แต่งเพลงประกอบละคร “บุพเพสันนิวาส”

ในบรรดา 6 เพลงจากปลายปากกาของ “บิ๊กตู่” เพลงใหม่ล่าสุดนี้ ถือเป็นเพลงที่ “บิ๊กตู่” นำความคิดทางการเมืองเข้าไปอยู่ในเนื้อหามากที่สุด

อาจด้วยเป็นเพลงที่แต่งขึ้นเมื่อรัฐบาลได้เดินหน้าโครงการไทยนิยมยั่งยืนแล้ว และถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นเครื่องมือหนึ่งในการล้างสมองประชาชน

และอาจด้วยหลายฝ่ายกำลังจับจ้องมองว่า พล.อ.ประยุทธ์กำลังจะวางเกมสืบทอดอำนาจ

เป็นการสืบทอดอำนาจด้วยการเป็นนายกฯ ต่อ สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของหลายฝ่ายที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เช่น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ สนับสนุนให้รัฐมนตรีในสังกัดตั้งพรรคการเมือง ขณะที่เจ้าตัวออกปากว่าเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อ

ในท่อนแรกของเพลง “บิ๊กตู่” ยืนยันถึงความมุ่งมั่นเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ แม้จะมีคนไม่เข้าใจและวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้าง แต่ก็ต้องทำงานด้วยความอดทน

ท่อนฮุก พล.อ.ประยุทธ์ใช้ลีลาภาษาเดียวกับที่เคยใช้มาแล้วในเพลง “คือความสุขให้ประเทศไทย” โดยพยายามบอกว่ามีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ จะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าในอนาคต

ถ้าเพลง “คืนความสุขฯ” เป็นเพลงที่ “บิ๊กตู่” สัญญากับประชาชนว่าทุกอย่างจะดีกว่าเดิม เพลง “สู้เพื่อแผ่นดิน” ก็จะเป็นการย้ำกับประชาชนว่า ยังหวังและเชื่อมั่นอย่างนั้น เหมือนที่เขียนท่อนฮุกว่า “ฉันยังมีความหวังเชื่อว่าวันพรุ่งนี้อะไรต้องดีกว่าเดิม สิ่งที่เรามุ่งหมายในวันที่เราริเริ่ม จับมือกันเดินข้ามมา”

ขณะที่ท่อนสุดท้าย ฟังแล้วทำให้มองเห็นความเป็นโครงการไทยนิยมยั่งยืน และแนวคิดทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ได้อย่างชัดเจน เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เขียนเนื้อเพลงว่า “ขอให้คนร้ายพ่ายสักวัน ให้คนหลงทางตื่นสว่างใจพลัน หันมาร่วมกัน ร่วมทำเพื่อแผ่นดิน”

เพลงนี้จึงถือเป็นเพลงแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ ใส่อารมณ์ทางการเมืองลงไปอยู่ในเพลงแบบเต็มๆ

สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการสื่อสารผ่านเพลงนี้ ไม่ต่างจากที่เคยสื่อสารกับประชาชนมาแล้วในรูปแบบของ 4 คำถาม และ 6 คำถาม และไม่ต่างจากโครงการไทยนิยม ที่ “บิ๊กตู่” ยอมรับเองว่าเป็นการชี้นำ

เพลง “สู้เพื่อแผ่นดิน” เป็นเหมือนกับข้อความที่ พล.อ.ประยุทธ์ส่งถึงประชาชนอยู่บ่อยๆ โดยขอให้คนไทยพิจารณาก่อนตั้งสินใจเลือกผู้แทน

จะให้ดี ต้องเลือกรัฐบาลที่ดี มีธรรมาธิบาล