สิ่งที่ผมไม่เคยรู้เกี่ยวกับอิสรเสรี และหมวกกันน็อก

ผมได้รับคำแนะนำในการซื้อหมวกกันน็อกจากเพื่อนคนหนึ่งที่ชื่อ อ.โด่ง (นามสมมุติ) ว่า “สมองมึงราคาเท่าไหร่ มึงก็ซื้อหมวกราคาเท่านั้นแหละ…”

และถึงแม้ว่ากฎหมายจะไม่บังคับให้ผมใส่หมวกกันน็อก แต่ด้วยกลัวมันจะว่าสมองผมไร้ราคา…ผมเลยมองหาแต่หมวกกันน็อกตัวท็อปอย่างเดียว…

ปัจจุบัน อ.โด่ง (นามสมมุติ) ใส่หมวกกันน็อกอย่างสวย มือสอง ราคาไม่แพงเท่าไหร่…คิดไปคิดมา ไม่น่าถามมันเลย

เราไปดูกฎหมายหมวกกันน็อกกัน…

พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 7 พ.ศ.2550)

มาตรา 122 ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และคนโดยสารรถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตรายในขณะขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์

ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามวรรคหนึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ในขณะที่คนโดยสารรถจักรยานยนต์มิได้สวมหมวกที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตราย

ลักษณะและวิธีการใช้หมวกเพื่อป้องกันอันตรายตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

ความในวรรคหนึ่ง มิให้ใช้บังคับแก่ภิกษุ สามเณร นักพรต นักบวช หรือผู้นับถือลัทธิศาสนาอื่นที่ใช้ผ้าหรือสิ่งอื่นโพกศีรษะตามประเพณีนิยมนั้น หรือบุคคลใดที่กำหนดในกฎกระทรวง

(ที่มา http://www.decha.com/article/section/relieve_lawyer/1483)

ผมไม่เคยใส่หมวกกันน็อกมาตั้งแต่เริ่มขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่เคยทำความรู้จักกับมัน ไม่เคยลองใส่ ไม่เคยหาซื้อมาใส่ เพราะผมไม่มีความจำเป็นต้องใส่ตามกฎหมายข้อนี้… “มิให้ใช้บังคับแก่…หรือผู้นับถือลัทธิศาสนาอื่นที่ใช้ผ้าหรือสิ่งอื่นโพกศีรษะตามประเพณีนิยมนั้น”

นั่นไง…กฎหมายให้ข้อยกเว้นผมไว้…

แต่ผมชอบหมวกกันน็อก และมีความฝันอยากจะใส่มัน เพราะ Eddie Lawson ใส่แล้วเท่มาก Kevin Schwantz ก็ใส่แล้วดูดี รวมไปถึง Wayne Gardner, Wayne Rainey และรวมไปถึง The Doctor หรือบางคนเรียกว่า Joker, Valentino Rossy นั่นไง

หรืออาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ใส่แล้วทุกคนดูเท่มาก (สงสัยเพราะซ่อนความไม่เท่เอาไว้ใต้หมวกกันน็อกเต็มใบนั้น)

…และที่สำคัญ ไม่ว่าใครจะหน้าตาอย่างไร ทุกคนจะดูดีเหมือนกันหมด เพราะใส่แล้วมองไม่เห็นหน้า

…ผมก็อยากจะดูดีบ้าง

และหลังจาก 20 ปีที่มอเตอร์ไซค์ห่างหายไปจากชีวิต เพราะมัวแต่ทำงาน…เมื่อมันกลับเข้ามา ผมก็ค่อนข้างจะคิดมากเรื่องของความปลอดภัย

เพราะผมอยากจะขี่นานๆ และคิดว่า ผมคงจะมีอิทธิพลกับลูกในการที่เขาจะขี่มอเตอร์ไซค์ ก็อยากจะมีอิทธิพลในเรื่องการใส่ใจในความปลอดภัยด้วย

นั่นแหละผมก็ไปลองหมวกกันน็อก แล้วก็วางแผนว่าจะมีหมวก 2 แบบ เพื่อการขับขี่ 2 แบบ คือแบบขี่ในเมืองกับแบบขี่ทางไกล

และในที่สุดผมก็หาที่ถูกใจได้สำเร็จ โดยแบบขี่ทางไกลเป็นหมวกเต็มใบ (full face) ปิดหน้าของ SHOEI ผลิตสำหรับการขับขี่แบบ Touring

ผ่านความปลอดภัยจากทุกสำนัก น้ำหนักก็ไม่มาก เป็นหมวกที่ดีที่ผมไม่คิดจะทดลองใช้ (ไถลไปกับพื้น) และหวังว่าจะไม่ได้ใช้ (ไถลไปกับพื้น) ถึงแม้จะใส่เป็นประจำแต่ก็ตั้งใจขี่เพื่อหลบเลี่ยงการใช้งาน (ไถลไปกับพื้น)

ส่วนแบบขี่ในเมืองเป็นหมวกเปิดหน้า ที่เรียกว่า open face ได้ของ Arai Classic Mod มา ก็สวยดีทีเดียว ลมเย็น เท่ หน้าตาหล่อเหลา ตรงตามโบรชัวร์มอเตอร์ไซค์หลายๆ สำนัก

หมวกเปิดหน้าเป็นหมวกที่ใส่แล้วเท่แน่นอน เท่กว่าหมวกปิด เพราะมันเปิดส่วนที่หล่อที่สุดของเราเอาไว้ และปิดส่วนที่ไม่หล่อเอาไว้…ละมั้ง

โฆษณามอเตอร์ไซค์ Harley Davidson (บางปี) ไม่ว่าจะเป็นใน Catalog หรือ VDO คนที่เท่ที่สุด ใส่แล้วดูว่าอินกับมอเตอร์ไซค์มากที่สุดคือคนที่ใส่หมวกเปิด

อันที่จริงมันเท่มากซะจนผมไม่อยากซื้อหมวกเต็มใบเลยด้วย แต่ภรรยาผมอยากจะลองใส่ดู แล้วพอลองใส่ก็พบว่ามันเงียบ เราเลยได้หมวกเต็มใบมา 1 คู่ เอาไว้ใส่คนละใบ

แต่ถ้าไม่ได้เดินทางไปไหนไกล หมวกเปิดหน้า เท่ที่สุด ไม่ร้อน และสัมผัสได้ถึงอิสรเสรี

เช้าวันที่สดใสอย่างมากวันหนึ่ง เป็นวันหยุดราชการ เพราะส่วนใหญ่ต่างหลับใหลอยู่เพราะไม่ต้องตื่นมาทำงาน

ผมใส่หมวกเปิดหน้า ขี่มอเตอร์ไซค์สองสูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ท่อไอเสียคู่ ออกไปสัมผัสกับอิสรเสรีกับเช้าที่อากาศเย็นสบาย ไม่มีรถวุ่นวาย อิสรเสรีเหนือสิ่งอื่นใดจริงๆ…ขี่ออกถนนทางหลวงหมายเลข 11 แล้วเลี้ยวขวาขึ้นสะพานข้ามแยก เพื่อเข้าสู่ถนนวงแหวนรอบสอง

ทันใดนั้นเองผมก็พุ่งลงไปที่พื้นอย่างแรง เสียงมอเตอร์ไซค์กระแทกพื้นดังสนั่นและแรงมาก เหมือนถูกพระเจ้าจับทุ่ม

หมวกกันน็อกไถไปกับพื้น แล้วก็อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง กะพริบตาอีกครั้ง จมูกผมกำลังไถกับพื้น กะพริบตาอีกครั้ง ปากผมกำลังไถไปกับพื้น ผมรีบยกหัวขึ้นเพื่อไม่ให้ไถไปมากกว่านี้ จากนั้นมอเตอร์ไซค์ไหลไปชนขอบทางแล้วหยุด

ผมเปลี่ยนจากการไถไปเป็นการกลิ้ง รองเท้าหลุด (ไม่ใช่รองเท้าสำหรับขี่มอเตอร์ไซค์)

โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าหลังกางเกงยีนส์ ไหลไปกับพื้น

แล้วทุกอย่างก็หยุดลง ผมลุกขึ้นยืน เก็บของ ใส่รองเท้า และเมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เพื่อจะโทร.หาใครสักคน เลือดก็หยดติ๋งติ๋งลงบนโทรศัพท์ ผมก็มุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาล โชคยังเป็นของผมที่ผมไม่เป็นอะไรมาก (แต่โชคดูจะไม่เป็นของบริษัทประกันเท่าไหร่ เพราะค่าซ่อมแพงมาก)

แต่ก็รู้สึกแปลกใจว่า หมวกเปิดหน้าเวลาเกิดอุบัติเหตุมันเป็นอย่างไร สงสัยจริงๆ หมวกเราไม่ดีหรือเปล่า?

เวลาเราค้นหาหมวกกันน็อกแบบเปิดหน้า เราเจอแต่หมวกสวยๆ กับรูปสวยๆ แห่งอิสรเสรี แต่เวลาเราค้นใน internet เรื่องอุบัติเหตุกับหมวกกันน็อกแบบเปิดหน้า เรื่องราวนั้นต่างออกไปมากทีเดียว

ซึ่งผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า หลายคนเจ็บหนักมากจริงๆ และจากความเห็นของผู้ที่เกิดอุบัติเหตุเหล่านั้น เขาไม่รู้ว่าหมวกกันน็อกแบบเปิดหน้า หรือพูดอีกอย่างว่า การใช้หมวกกันน็อกแบบเปิดหน้าจะทำให้ได้รับบาดเจ็บได้มากถึงเพียงนี้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เหมือนกับว่าหมวกกันน็อกมันก็คือหมวกกันน็อก ไม่น่าจะเจ็บขนาดนี้

และในที่สุด ทุกคนก็บอกว่า ถ้าฉันรู้อย่างนี้ ฉันคงจะใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ…จริง ถ้ารู้อย่างนี้ เราก็จะทำอย่างนี้ คือใส่หมวกเต็มใบ

สิ่งที่หมวกเปิดหน้าให้ประโยชน์เวลาที่เกิดอุบัติเหตุคือ การปกป้องส่วนที่สำคัญมากที่สุดของหัว นั่นก็คือสมองนั่นเอง

สำหรับผม หมวกกันน็อกแบบเปิดหน้าใบนี้ ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมมากในการรักษาสมอง ดูจากรอยแล้วผมคงเจ็บกว่านี้มาก

ความจริงนี้ปรากฏเช่นกันในความเห็นใน internet นั่นคือมันปกป้องสมอง ซึ่งถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดไว้ได้จริงๆ

แต่หน้าตาเละทีเดียว

นั่นคือประโยชน์ของมัน แต่ก็นั่นแหละ คนที่ประสบอุบัติเหตุกับหมวกกันน็อกแบบเปิดหน้า ส่วนใหญ่จะมีความผิดหวังกับหมวก เพราะคาดว่าจะเจ็บน้อยกว่านี้

สิ่งนี้ตรงกันข้ามกับหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ

เหรียญมีสองด้าน ก็ต้องลองค้นหาดูใน internet เช่นกันว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุกับหมวกกันน็อกเต็มใบคนส่วนใหญ่จะคิดว่าอย่างไร…

ปรากฏว่าส่วนใหญ่จะขอบคุณหมวกกันน็อกแบบเต็มใบของตัวเอง และมีความประทับใจกับหมวกเต็มใบเป็นอย่างมาก หลายใบดูแล้วมันเละมากจริงๆ แต่เจ้าของหมวกก็อธิบายว่าหมวกมันทำงานได้อย่างดีมากจริงๆ ดีจนน่าประทับใจ

และก็เป็นเพราะหมวกใบนี้เอง ที่ทำให้เขาเหล่านั้นยังคงมีชีวิตรอดมาลง internet นี้ได้

เช้าวันนั้น ถนนที่ราบเรียบ ท้องถนนที่เงียบสงบ สายลมสัมผัสหน้า แสงแดดอ่อนนุ่ม อากาศเย็นสบาย กับมอเตอร์ไซค์สองสูบระบายความร้อนด้วยอากาศ ผมได้รับอิสรเสรีไป 12 แผล ผมเจ็บไม่มากนักที่หน้าของผม จากนั้นผมก็เก็บหมวกเปิดหน้ากับรอยที่หมวกไว้เป็นที่ระลึก

และตั้งแต่นั้นมา…ผมสัมผัสอิสรเสรีของสายลม แสงแดด แห่งการขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านหมวกกันน็อกเต็มใบเท่านั้น