เผยแพร่ |
---|
เรื่องนี้กลายเป็นข่าวดังของไต้หวัน เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างไต้หวันและจีน และความกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงของจีนในไต้หวัน ซึ่งเป็นเกาะที่ปกครองตนเอง
เมื่อหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของไต้หวันตัดสินใจเพิกถอนวีซ่านักอินฟลูเอนเซอร์จีนคนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในไต้หวัน โดยต้องเดินทางออกจากเกาะภายในไม่กี่วัน มิฉะนั้นจะถูกเนรเทศ หลังจากที่เธอโพสต์วิดีโอสนับสนุนแนวคิดที่ว่าจีนควรใช้กำลังเข้ายึดครองไต้หวัน
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไต้หวัน (NIA) ซึ่งเป็นผู้ยกเลิกวีซ่าของเธอ ระบุว่า “พฤติกรรมของเธอเป็นการเรียกร้องให้ล้มล้างอธิปไตยของไต้หวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมไต้หวันไม่สามารถยอมรับได้”
โดย ผู้อำนวยการฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองของไต้หวัน กล่าวว่า แม้ทางการจะพิจารณาผลกระทบต่อครอบครัวของเธอแล้ว แต่ก็ตัดสินใจเดินหน้าตามกฎหมาย เนื่องจาก ความคิดเห็นของเธอส่งผลกระทบต่อระบอบประชาธิปไตยของไต้หวัน และบ่อนทำลายอธิปไตยของประเทศ
อินฟลูเอนเอซอร์สาวดังกล่าว ถูกแจ้งความโดยประชาชนที่มองว่าการแสดงความเห็นของเธอที่สนับสนุนให้จีนใช้กำลังรวมชาตินั้น เข้าข่ายละเมิดกฎหมาย ทำให้ทางการต้องเปิดการสอบสวนว่าเธอทำผิดตาม กฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่
โพสต์อะไรถึงโดนไล่ออกนอกประเทศ?
อินฟลูเอนเซอร์รายนี้ถูกระบุโดยทางการในชื่อสกุลว่า “หลิว” รู้จักกันในโลกออนไลน์ว่า “หยาหยาในไต้หวัน” ได้รับสิทธิพำนักถาวรจากการแต่งงานกับสามีชาวไต้หวัน
หลิวมีเวลาถึงวันที่ 24 มีนาคมในการเดินทางออกจากไต้หวัน มิฉะนั้นจะถูกส่งตัวกลับประเทศ ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น และ ตามคำแถลงของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในวันเสาร์ที่ผ่านมา เธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขอวีซ่าติดตามสามีอีกเป็นเวลา 5 ปี
หลิว ซึ่งเป็นที่รู้จักบนโซเชียลมีเดียในไต้หวันในชื่อ “หยาหยา” มักโพสต์วิดีโอที่สนับสนุนรัฐบาลจีน โดยมีลูกสาวตัวน้อยของเธออยู่ในวิดีโอด้วย
ในวิดีโอของเธอ หลิวมักเรียกไต้หวันว่าเป็น “มณฑลไต้หวัน” และสะท้อนแนวคิดของรัฐบาลจีนที่ว่าไต้หวันเป็น “ส่วนหนึ่งที่ขาดออกจากจีนไม่ได้”
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือไต้หวันและไม่ปฏิเสธการใช้กำลังเพื่อเข้าควบคุม ขณะที่ไต้หวันมองว่าตัวเองเป็นเอกเทศจากจีน
“การรวมประเทศให้เป็นหนึ่งเดียวเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น ไม่ว่าชาวไต้หวันจะต้องการหรือไม่” หลิวกล่าวในวิดีโอหนึ่งบน Douyin (แอปเวอร์ชันจีนของ TikTok) ซึ่งเธอมีผู้ติดตามกว่า 480,000 คน
เธอยังระบุอีกว่า “การรวมประเทศโดยสันติเป็นเรื่องยากกว่าการรวมโดยใช้กำลัง มันขึ้นอยู่กับทางเลือกของชาวไต้หวัน”
เสรีภาพในการพูด “ไม่ใช่ข้ออ้าง”
อย่างไรก็ตามจุดยืนของเธอถูกวิจารณ์อย่างหนัก หลังจากที่ถูกวิจารณ์โพสต์ความเห็นลงบน Douyin เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่าเธอ “จะไม่มีวันถอย” ต่อมาเธอกล่าวว่า เธอเพียงแค่พยายาม “นำเสนอสิ่งดี ๆ ของทั้งสองฝ่าย” และ “ลดช่องว่างระหว่างประชาชน”
“ฉันแค่กำลังวิเคราะห์อย่างเป็นกลางและแชร์มุมมองของตัวเอง” เธอกล่าว ทั้งยังระบุว่า “พวกที่ผลักดันให้ไต้หวันเป็นอิสระต่างหากที่สร้างปัญหาให้กับสังคมไต้หวัน”
คำพูดของเธอทำให้เจ้าหน้าที่ไต้หวันออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยรัฐมนตรีมหาดไทย หลิว ซื่อฟาง ระบุว่า เสรีภาพในการพูด “ไม่ใช่ข้ออ้าง” สำหรับการเรียกร้องให้จีนบุกไต้หวัน
หลิวเป็นหนึ่งใน 360,000 ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ย้ายมาอยู่ในไต้หวันหลังแต่งงาน และตอนนี้ ทางการไต้หวันกำลังจับตากิจกรรมของกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีไต้หวัน ไล่ ชิงเต๋อ ได้ประกาศมาตรการใหม่เพื่อลดอิทธิพลของจีนในไต้หวัน โดยเน้นย้ำว่าจีนใช้ช่องทางการแลกเปลี่ยนข้ามช่องแคบ “เพื่อสร้างความแตกแยกภายในไต้หวัน”
คำเตือนต่อสตรีมเมอร์ออนไลน์
และจากเรื่องนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไต้หวัน (NIA) เตือนเหล่า สตรีมเมอร์และอินฟลูเอนเซอร์ ว่าไม่ควร แสดงความคิดเห็นที่อ่อนไหว เพียงเพื่อเพิ่มยอดผู้ชมและเรียกความสนใจ
ทางการระบุว่าการกระทำลักษณะนี้ อาจนำไปสู่การกระทำผิดกฎหมาย และทำให้รัฐบาลต้องเสียเวลาและทรัพยากรไปกับการดำเนินการต่างๆ
สุดท้าย NIA ย้ำว่า การกระทำใด ๆ ที่เป็นอันตรายหรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยของประเทศ จะไม่ได้รับการยอมรับ
-ที่มา BBC,taipeitimes