9 เรื่องต้องรู้ วีรกรรมไม่ธรรมดา “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” จากเรื่องฉาว สู่หมายจับ

1. ชื่อเล่นว่า “จ๊อบ” เกิดเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2526 เริ่มมีชื่อเสียงจากการช่วยเหลือผู้เสียหายจากคดีแชร์ลูกโซ่หลายคดีจนได้รับแต่งตั้งเป็นประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ในปี 2557 นอกจากนั้นเขายังเคยเขียนหนังสือให้ความรู้เกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่

2. เข้าสู่เส้นทางการเมือง ในปี 2562 ด้วยการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โดยได้รับบทบาท เป็นกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ, อนุกรรมการติดตามการหาเสียงพรรคพลังประชารัฐ และผู้อำนวยการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของกลุ่มสามมิตร ที่นำโดยสมศักดิ์ เทพสุทิน และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่อยู่ในพรรคพลังประชารัฐในเวลานั้น หลังการเลือกตั้งปี 2562 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติกรรม ซึ่งนายสามารถ จึงได้รับตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ

3. แซะม็อบคนรุ่นใหม่  ปี 2563 ขณะดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสามารถเป็นข่าวดังจากการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ประชดประชันเยาะเย้ยคนรุ่นใหม่ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า “ทุกคนล้วนอยากช่วยประเทศ แต่ไม่มีใครอยากช่วยแม่ล้างจาน..” ข้อความดังกล่าวได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยเฉพาะจากกลุ่มเยาวชนนักศึกษา ที่กำลังจัดกิจกรรมชุมนุมต่อต้านรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยนายสามารชี้แจงภายหลังว่า ที่โพสต์ต้องการเตือนสติเยาวชนไม่ให้ตกเป็นเครื่องการเมือง

4. ถูกม.รามสอบสวน ส่งคนสอบแทน ในปี 2564 มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ทำหนังสือถึงพรรคพลังประชารัฐ ว่าได้ตรวจสอบพบว่ามีเข้าเรียนและเข้าสอบแทน นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ในหลักสูตรปริญญาเอก ตั้งแต่วันที่ 6 – 7 มีนาคม 2564 โดยทางสถาบันฯ ได้ตัดสิทธิ์ในการเรียนวิชาดังกล่าวของ นายสามารถ ต่อมานายสามารถประกาศ จะให้เงินรางวัล 200,000 บาทกับใครก็ตาม ที่บอกได้ว่าผู้ใดเป็นคนเอาข้อมูลไปให้นักข่าว ทำให้นาย สิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯ ขณะนั้น ออกมาระบุว่าเป็นฝีมือตนเอง

ทำให้พรรคพลังประชารัฐตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งคณะกรรมการมีมติว่านายสามารถผิดจริง จึงเสนอปลดออกจากทุกตำแหน่ง รวมทั้งตำแหน่งผู้ร่วยรัฐมนตรี และห้ามไม่ให้ใช้ตราเครื่องหมายพรรค ต่อมา วันที่ 28 ต.ค.2564 มหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยนายสามารถด้วย

5.โชว์ช่วยเหลือเหยื่อแชร์ลูกโซ่  ปี 2565 นายสามารถยันคงเคลื่อนไหวต่อ โดยกลับมาเคลื่อนไหวในฐานะ​ประธาน​สมาพันธ์​ต่อ​ต้าน​แชร์​ลูกโซ่​แห่ง​ประเทศไ​ทย พร้อมโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความเห็นทางการเมืองบ่อยครั้ง เช่นวันที่ 30 มีนาคม 2565 นายสามารถ ออกมาแสดงความเห็นสนับสนุน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่ตอบโต้นายพิธา ลิ้มเจิรญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลขณะนั้น

แต่เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2565 นายสามารถ ได้ส่งข่าวให้กับสำนักข่าวหลายสำนัก โดยขึ้นประโยคว่า “ผ้าสีขาว ยังไงมันก็ขาว​ ต่อให้มีคนเอาสีดำมาป้าย​ พอฝนตกน้ำล้าง​ ผ้ามันก็กลับมาขาวเหมือนเดิม​” ได้รับความยุติธรรมแล้ว ระบุว่า งานวินัยนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ส่งหนังสือมาถึงตนเอง (1ก.ค.) ลงนามโดย ผศ.เตมีย์ ระเบียบโลก รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา (ในขณะนั้น) โดยชี้ว่า ผลสอบสวนไม่มีมูล นายสามารถไม่มีความผิดส่งคนอื่นเข้าสอบภาษาอังกฤษแทน ดังนั้นจึงไม่ควรถูกตัดสิทธิ์ใดๆ

ต่อมานายสามารถประกาศให้สื่อมวลที่ยังเผยแพร่ข่าวที่ตัวเองถูกตั้งคณะกรรมการสอบ ให้ลบภายใน​ 15 วัน​ ไม่งั้นจะให้ทีมกฏหมายยื่นฟ้องต่อศาล​ ข้อหา ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และผิดประมวลกฏหมายอาญาข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และทำหนังสือไปยัง พล.อ.ประบุวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อขอความเป็นธรรม

6. ผงาด! กลับมาเป็นใหญ่ในพปชร. และแล้วนายสามารถก็ได้กลับเข้ามานั่งในพรรคพลังประชารัฐสมใจอยาก เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 พล.อ.ประวิตร ลงนามคำสั่งแต่งตั้งนายสามารถนั่งโฆษกหัวหน้าพรรค ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ ก็ได้แต่งตั้ง นายสามารถ เป็นหัวหอกปราบแชร์ลูกโซ่ ดำรงตำแหน่ง “ประธานคณะทำงานเผยแพร่นโยบายกองทุนเยียวยาผู้เสียหายในคดีฉ้อโกงประชาชน” ด้วย โดยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงช่วงการเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐา นายสามารถก็ได้แสดงความเห็นเป็นข่าวอยู่หลายครั้ง ทั้งการวิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกล และ รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ปกป้องพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างแข็งขัน

ต่อมา นายสามารถยังได้รับการแต่งตั้งเป็น ที่ปรึกษากรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร

7.ตัวแทนบ้านป่าฯสู้บ้านจันทร์ฯ ช่วงปลายเดือนกรกฏาคม ปี 2567 นายสามารถออกมาเปิดศึกท้าชนรัฐบาลเศรษฐา ทั้งที่พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะเลขาธิการพรรคขณะนั้นถึงกับประกาศจะขับพ้นพรรค แต่นายสามารถไม่กลัว ประกาศว่ามีผู้หนุนหลังที่ดี ซึ่งรู้กันในพรรคว่าคือพล.อ.ประวิตร

ท่ามกลางความหวังของ “บิ๊กป้อม” จะพลิกฟ้าคว้าดาว นั่งเก้าอี้นายกฯ หาก “เศรษฐา” พ้นจากตำแหน่ง แต่จากครั้งนั้น ทำให้นายสามารถ กลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญ ตัวเร่งปฏิกิริยา ให้พรรคเพื่อไทย เขี่ยพลังประชารัฐพ้นรัฐบาลในเวลาต่อมา

ช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นช่วงที่บารมีนายสามารถในพรรคพลังประชารัฐพุ่งไม่หยุด มีบทบาทชักชวนคนรุ่นใหม่เข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ยังเคลมว่าเป็นคนชักชวน “วัน อยู่บำรุง” เข้าพลังประชารัฐ โดยเปิดตัวร่วมกับ พล.อ.ประวิตร เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ภายหลังโบกมือลาพรรคเพื่อไทย

8.โดนเพื่อนร่วมรุ่นประท้วง กลับมาเรียนป.เอก ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายสามารถ เข้าสอบปริญญาเอกที่คณะ ท่ามกลางการประท้วงของเพื่อนร่วมรุ่น นำโดยส.ส.เพื่อไทยคนหนึ่ง ระบุว่า นายสามารถยังมีข้อครหาที่ยังไม่ได้รับการสอบสวนให้จบสิ้น

ต่อมา เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตั้งโต๊ะชี้แจง ปมสอบนายสามารถ

ผศ.วุฒิศักดิ์ ระบุว่า กรณีสังคม เกิดขึ้อสงสัยว่าเหตุใดผู้บริหารยุคก่อนจึงยุติสอบนายสามารถ กรณีถูกร้องส่งคนเข้าสอบปริญญาเอกแทน ทั้ง ๆ ที่การเข้ามานั่งสอบแทนเป็นเรื่องที่เสื่อมเสีย ซึ่งผู้บริหารยุคนี้จะหยิบเรื่องดังกล่าว นำขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง ว่าการยุติเรื่องดังกล่าว เป็นไปตามกฏหมายหรือไม่ เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพราะการยุติเรื่องก่อนหน้านี้ ไม่ได้หมายความว่า ทางม.รามฯ ได้ข้อสรุปแล้วใครทำผิด หลังจากนี้ ม.รามฯ จะนำข้อมูล หลักฐานต่าง ๆ มาตรวจสอบใหม่ เพื่อคลายข้อสงสัยในสังคมว่านายสามารถได้ให้ใครมานั่งสอบแทนในวิชาภาษาอังกฤษ ช่วงวันที่ 6-7 มีนาคม 2564 สมัยเรียนปริญญาเอก ของคณะรัฐศาสตร์

ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายสามารถ เข้าสอบปริญญาเอกที่คณะ ท่ามกลางการประท้วงของเพื่อนร่วมรุ่น นำโดยส.ส.เพื่อไทยคนหนึ่ง

9.เกมแล้ว เพราะดิไอคอน  นายสามารถกลับมาเป็นที่สนใจในสังคมอีกครั้ง จากคดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” มีหลักฐานคลิปเสียง ในฐานะนักการเมืองที่ถูกพาดพิงว่าเป็นนักการเมือง “ส.” ใช้ตำแหน่งทางการเมืองเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งช่วงแรก นายสามารถปฏิเสธ และขู่สื่อมวลชนที่นำคลิปไปเผยแพร่ จะฟ้องร้องทั้งหมด เมื่อถูกกดดันอย่างหนักจากในพรรค นายสามารถตัดสินใจลาออกจากพรรคในวันที่ 25 ตุลาคม

ต่อมาถูกสอบสวนในข้อหาฉ้อโกงประชาชนและแชร์ลูกโซ่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับบัญชีของแม่ของนายสามารถ รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรับโอนเงินจากทางอื่น แต่ในส่วนที่รับโอนโดยตรงจากบอสพอลมีประมาณ 2.5 ล้านบาท

โดยในวันที่ 25 พ.ย.2567 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายจับนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช พร้อมแม่ ข้อหาฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน โดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ สรุปรวบรวมพยานหลักฐาน จากเส้นทางการเงิน มีการโอนเงินจากบอสพอล โดยตำรวจจับนายสามารถได้ที่ จ . เชียงราย ส่วนแม่ของนายสามารถก็โดนจับกุมตัวด้วย

ทั้งนี้ในวันจับกุม นายสามารถไหวตัวทัน ทิ้งมือถืิอไว้ที่บ้านเพื่อหลอกว่าตัวยังอยู่บ้าน จนท.เข้าไปพบบ้านภายในโครงการบ้านหรูแห่งหนึ่ง บนถนนราชพฤกษ์ ยังเปิดแอร์อยู่มีร่องรอยรีบออกจากบ้าน  ต่อมาพบไปปรากฏตัวที่ จ.เชียงราย จึงประสานตำรวจภาค 5 ติดตามจับกุมตัวมายังดีเอสไอ ดำเนินการตามกฎหมาย

วันจับกุม นายสามารถไหวตัวทัน ทิ้งมือถืิอไว้ที่บ้านเพื่อหลอกว่าตัวยังอยู่บ้าน จนท.เข้าไปพบบ้านภายในโครงการบ้านหรูแห่งหนึ่ง บนถนนราชพฤกษ์ ยังเปิดแอร์อยู่มีร่องรอยรีบออกจากบ้าน
นายสามารถปรากฏตัวที่ จ.เชียงราย จึงประสานตำรวจภาค 5 ติดตามจับกุมตัวมายังดีเอสไอ ดำเนินการตามกฎหมาย