สัมภาษณ์พิเศษ : ความหวัง “อนุทิน ชาญวีรกูล” เลือกตั้งเร็ว อนาคตไร้รัฐประหาร ร่วมกับใคร “รอ” จนกว่าผลลัพธ์จะเกิด

ความหวัง “อนุทิน ชาญวีรกูล” เลือกตั้งเร็ว อนาคตไร้รัฐประหาร ร่วมกับใคร “รอ” จนกว่าผลลัพธ์จะเกิด

“พรรคเราไม่ได้ตั้งเป้าหมายสูงสุดหรอก เราก็จะพยายามที่จะนำนโยบาย การทำงานของพรรคที่เป็นรูปธรรมมานำเสนอให้ประชาชนเข้าใจให้มากที่สุด เป้าหมายสูงสุดก็คือการนำนโยบายที่คิดว่าดีที่สุดเหมาะสมที่สุดและเป็นประโยชน์ที่สุดกับประชาชนและประเทศชาติ และสามารถปฏิบัติได้จริง เกิดผลโดยเร็วมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล นี่คือเป้าหมาย พรรคเราก็คิดว่าอะไรที่เหมาะสมกับประเทศไทยในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ได้คิดในเรื่องของจำนวนที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรหรือว่าจะต้องไปเป็นบทบาทไหนในช่วงหลังการเลือกตั้ง มันเป็นเรื่องรอง”

คือคำตอบจาก อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ต่อประเด็น “เป้าหมายสูงสุด” หลังเกิดการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า หลังมีชื่อและมีกระแสข่าวมาตลอดระยะเวลาว่าทางพรรคนี้อาจจะเป็น “กุญแจสำคัญ” อันหนึ่งในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น

ส่วนเป้าหมายสูงสุดของผู้ชายชื่ออนุทิน นั้น เขาบอกว่า “แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทุกวันที่ตื่นขึ้นมา ต้องทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ถ้าเป็นไปได้ก็ทำเพื่อส่วนรวม ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็แค่อย่าทำความเสียหายให้กับใคร ทำแต่สิ่งที่มันสร้างสรรค์ให้คุ้มค่าการมีชีวิตอยู่ ส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่ชอบคิดอะไรยาวๆ”

เมื่อถามถึงสิ่งที่อยากจะมาเติมเต็ม “ช่องว่าง” หรือ “จุดอ่อน” ที่คิดว่าขณะนี้ยังไม่ดี และหากตัวมีโอกาสได้เป็นรัฐบาลในอนาคตนั้น

อนุทินมองว่าไม่อาจไปก้าวล่วงได้ แต่ละคนมีสไตล์การทำงานที่ต่างกัน รวมถึงปัจจัยทั้งช่วงเวลา-สถานการณ์ที่แตกต่างกันไม่สามารถเทียบได้

“แต่ผมมองว่าสิ่งที่ควรจะทำคือต้อง “การสร้างความเชื่อมั่น” ไม่ว่ากลุ่มใดหรือคณะใดที่จะเข้ามาอาสารับใช้บ้านเมือง อย่าเพิ่งไปมองว่าเขาเหล่านั้นคิดร้าย-หวังร้าย อะไรที่ดีผมก็พร้อมที่จะสนับสนุน และโฆษณาชวนเชื่อให้ รวมถึงมอบให้กำลังใจ แม้เราไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติ ในทางกลับกันอะไรที่ไม่ดีเราก็ต้องกล้าที่จะนำขึ้นมาทักท้วง”

“ฉะนั้น ผมคิดว่าดีที่สุดก็คือการให้เกียรติซึ่งกันและกันและเชื่อมั่นในเจตนารมณ์ของกันและกัน รวมถึงถ้าเป็นไปได้ร่วมกันทำให้เจตนารมณ์ของแต่ละฝ่ายสามารถบรรลุวัตถุประสงค์เพื่อประเทศชาติได้อันนี้สำคัญมาก”

: ความพร้อมของพรรคภูมิใจไทย?

ผมพูดเสมอว่าผมพร้อมและมีความตื่นตัวที่จะรับกับสถานการณ์ทุกรูปแบบ แม้ขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะดำเนินกิจกรรมใดๆ ทางการเมืองได้ (เพราะมีข้อห้ามอยู่) แต่ก็หวังว่าภายในระยะเวลาอันสมควรนี้ น่าจะมีการปลดล็อคให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้

ยกเว้นว่าอาจมีเหตุอันควรที่ทำให้เงื่อนเวลานั้นถูกเลื่อนออกไปจากโร้ดแมปอีก ก็เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีอำนาจต้องสามารถอธิบายประชาชนให้ได้ และพร้อมรับผิดชอบต่อผลที่จะเกิดขึ้นตามมาได้

บางคนอาจจะคิดว่าเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้นในปีหน้าแต่ผมเชื่อว่าเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นในระยะเวลาอันเหมาะสมและสมควร ส่วนใครจะเชื่ออย่างไรก็ตาม ผมก็เชื่อว่า ภายในระยะเวลาไม่นานเกินรอ การเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้น และผมบอกกับตัวเองเสมอ เหมือนกับที่ผมพูดหรือตอบคนภายนอก ผมพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์

ผมคิดเสมอว่าถ้าพรุ่งนี้มีเลือกตั้งผมต้องทำตัวเองให้พร้อมตลอดเวลา ที่ผมมักจะคิดว่าถ้าพรุ่งนี้มีเลือกตั้งอยู่ตลอด เพื่อให้ผมมีความพร้อมเสมอ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พรรคภูมิใจไทยและสมาชิกพรรคทุกคนก็พร้อมกันทุกคนนี่คือสิ่ง ที่เราจะให้ความสำคัญมากกว่า จะรอเมื่อไหร่เขาประกาศแล้วค่อยเตรียมมันสายเกินไปไม่ได้มันต้องพร้อมทุกวัน!

ทั้งนี้ ผมเองพยายามทำตัวให้เป็นผู้ที่อยู่ในกติกาที่ดี ไม่พยายามที่จะสร้างภาระหรือพยายามที่จะทำให้เกิดปัญหาใดๆ อันจะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น หรือว่าเป็นอุปสรรคต่อโรดแม็ป เราพร้อมให้ความร่วมมือในทุกวิถีทางที่ถูกที่ควร

: ถ้ามีการเลือกตั้ง “พรรคภูมิใจไทย” จะชูอะไร?

ผมตอบได้เลยว่าสบายมาก ตามสโลแกนของพรรคเลย สงบ สันติ สามัคคี ปกป้องสถาบัน มันครบอยู่ในนั้น เราจะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดความสงบในประเทศอยู่ได้ด้วยความเข้าใจและสันติมีความสามัคคีกัน รวมถึงเชื่อมั่นว่าประเทศนี้มีสถาบันอันเป็นที่เคารพรักของคนในประเทศ เรื่องอื่นเป็นเรื่องเล็กมาก เพราะถ้าเกิดตามนี้แล้วความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เราต้องเริ่มตรงนี้ก่อน เราอยากเห็นความสันติทุกคนมีถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ผมตั้งใจว่าถ้ามีเวทีผมจะทำเป้าหมายนี้ให้บรรลุให้ได้ ไม่มีทางเป็นอื่น

: เวลา คสช. ว่านักการมือง “เลว” รู้สึกอย่างไร

ไม่มีใครรู้จักตัวเองเท่าตัวเอง ใครจะมองยังไงก็แล้ว แต่เราไม่ต้องไปหวั่นไหวเพราะว่าเราทำอะไรเรารู้อยู่แก่ใจ ถ้าเรามีความตั้งใจดีที่กับบ้านเมือง ไม่มีเรื่องวาระซ่อนเร้นหรือฉวยโอกาส ผลลัพธ์ที่ออกมาให้เห็นเอง เราไม่ต้องไปเดือดร้อนคนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ อย่าไปฟังว่าใครจะชมหรือด่า ผมไม่รู้สึกอะไรของการถูกมองว่านักการเมืองเป็นหัวหน้าพรรคไม่ได้มีความหมายสำหรับผมความหมายที่จะทำให้หวั่นไหว

: อยากให้คนจำภาพ “ภูมิใจไทย” แบบไหน?

กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว ผมมาเป็นหัวหน้าพรรคปีนี้เข้าปีที่ 5 จังหวะอาจจะยังไม่ค่อยดีนิดนึง เพราะการเลือกตั้งผ่านไปครั้งหนึ่งก็ต้องถูกยกเลิกไป แต่เลือกตั้งครั้งต่อไปจะเป็นการเลือกตั้งที่ผมในฐานะหัวหน้าพรรคต้องพิสูจน์ฝีมือตัวเอง ผมก็พร้อมเสมอและอยากให้ดูผลลัพธ์ของมัน อันจะเป็นตัวชี้วัดว่าเราควรที่จะวางอนาคตทางการเมืองของเราแบบไหนหรือทิศทางใดที่จะเดินไป

ส่วนใครจะมองว่าเราจะเป็นนั่นนี่กับทหาร มันเป็นเรื่องนานาจิตตัง อย่างที่ผมบอกเราเองยังไม่รู้เลยว่า เราจะนำพาจำนวนของ ส.ส. เข้าไปในสภาได้กี่คน หลังการเลือกตั้งเรารู้อย่างเดียวว่าเราต้องสู้เต็มที่ และเป็นสิทธิ์ของผู้ที่ไม่เลือกเรา ไม่สามารถบังคับเขาได้ เราจะมาวางแผนอะไรหลังเลือกตั้งมันทำไม่ได้ มันได้แต่คิดแต่ฝันว่า มันจะวางได้ก็ปิดหีบ แล้วเห็นคะแนน/ตัวเลข นั่นคือตัวชี้วัดว่าเราสำเร็จหรือล้มเหลว ในการเล่นการเมือง

: มองการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ (น่าจะ) เกิดก่อนอย่างไร?

ผมมองว่าไม่สามารถสะท้อนการเลือกตั้งใหญ่ได้ เราจะเห็นตัวอย่างที่ผ่านมาในอดีตเลือกตั้งใหญ่คนก็จะเลือกกลุ่มหนึ่ง แต่ถ้าเป็นท้องถิ่นจะได้คนอีกกลุ่มหนึ่ง ความเหมาะสมของคนในแต่ละบทบาทอาจจะมีความแตกต่างกันคนที่เป็นนายก อบต. อาจจะชนะถล่มทลาย แต่พอส่งตัวแทนลงในจังหวัดอาจจะแพ้ราบคาบ มีให้เห็นอยู่มากมาย

ในกรณีเดียวกัน ถ้าเราไปคิดว่าเดี๋ยวถ้ามีการเลือกตั้งเล็กก่อน เราจะมองเห็นแนวโน้มได้ว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะเป็นอย่างไรผมมองว่าเป็นความคิดที่ผิด

คำว่าการเมืองบางครั้งก็เหมือนกีฬาลูกกลมๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อเราเข้าสู่สนามการเมือง เราต้องทำทุกวิถีทาง อย่างใช้ทุกอย่างที่มี ทั้งมันสมองและความสามารถในการต่อสู้ และแปลความสามารถเหล่านี้เป็นความนิยมและความน่าเชื่อถือและให้คนที่เลือกเรา

ผมเป็นคนที่ชอบอยู่กับสถานการณ์ความเป็นจริง ผมพยายามที่จะแปลทุกอย่างเพื่อเป็นตัวเลขให้ได้และคำนวณมันออกมาว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นอย่างไร ถ้าเราสามารถแปรสถานการณ์ต่างๆ ให้เป็นตัวเลขได้ โดยคำนึงถึงตัวแปรที่ผกผัน บวกลบคูณหารแล้วมันออกมาใกล้เคียงมันจะเป็นน่าเชื่อถือ และต้องยอมรับผลที่ตามมา

: บรรยากาศที่อยากจะเห็นก่อนถึงช่วงเลือกตั้ง

อยากขอให้ทุกคนรักษากฎกติกา ทุกคนผ่านประสบการณ์มาแล้วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาหลายครั้ง จะเห็นว่าถ้าไม่เคารพกติกา-ไม่รักษากติกา-ไม่ยอมรับกติกาแล้วออกมาต่อสู้ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้มีใครทำผิดกติกา มันก็จะมีผลที่ผิดเพี้ยนออกไป เมื่อไม่ยอมรับเสียงของประชาชนมันก็จะไม่มีอะไรเป็นเกราะกำบัง ให้กับคนที่ดูถูกเสียงของประชาชน

ความคาดหวังของพรรคภูมิใจไทยก็คือขอให้ดำเนินการทุกอย่างด้วยความเป็นธรรม และให้เกิดความสงบเรียบร้อยมากที่สุดมา ไม่ให้มีโอกาสที่นำไปสู่ความรุนแรงความวุ่นวายหรือให้เกิดความทุจริตการโกงการเลือกตั้งได้ พรรคการเมืองเองก็ต้องสอดส่องดูแลและกำชับควบคุมในทุกๆ ด้านด้วย

สุดท้ายผมก็หวังว่าจะมีเลือกตั้งโดยเร็ว และหวังว่าจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นอีกในอนาคต ประเทศไทยน่าจะเรียนรู้บทเรียนต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมา คนไทยต้องเข้าใจว่าไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับความสามัคคีของคนในชาติและพยายามที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ด้วยความมีเหตุมีผลให้มากขึ้น พอเราไม่รับผลลัพธ์ของอีกฝ่ายหนึ่งแล้วเราลุกขึ้นมาต่อสู้สุดท้ายก็แพ้ทั้งคู่

นี่เป็นไปตามพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9 คือถ้าไม่เอาประเทศชาติเป็นที่ตั้งแล้วมัวแต่ทะเลาะกันไม่มีใครชนะ มันจะแพ้ทั้งคู่…