เส้นทาง สังเคราะห์ แป๊ะเฮี่ยวเซ็ง กะซิมก่ำไต้ซือ ใครอยู่ ‘เบื้องหลัง’

บทความพิเศษ

 

เส้นทาง สังเคราะห์

แป๊ะเฮี่ยวเซ็ง กะซิมก่ำไต้ซือ

ใครอยู่ ‘เบื้องหลัง’

 

เพียงการวางแผนผ่านสมองก้อนโตของลี้คิมฮวง ประสานกับการซัด “มีดสั้น” เข้าใส่คอหอยของแป๊ะเฮี่ยวเซ็งอย่างเฉียบขาดแม่นยำ

ช่วยชีวิตของซิมโอ้วไต้ซือ เจ้าอาวาส

ผนวกเข้ากับการใช้แท่งน้ำแข็งแทงปลิดชีวิตเสียงงัก ศิษย์ทรยศอันเคยได้ฉายาซิมก่ำไต้ซือของบุรุษหนุ่มนามว่าอาฮุย

ก็สร้างภาวะตะลึง ตึงเป็นอย่างสูงอยู่แล้ว

ที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ ในท่ามกลางความแคลงคลาง กังขา ต่อพฤติการณ์และข้อกล่าวหาลี้คิมฮวงว่าอาจเป็น “โจรดอกเหมย”

ทั้งลี้คิมฮวงและอาฮุยก็ได้คลี่คลายออกมาอย่างหมดจด

ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการสังเคราะห์และวิเคราะห์สถานการณ์อันเกิดขึ้นภายในวัดเสียวลิ้มยี่ จำเป็นต้องให้ความสนใจต่อบทบาทของ “อาฮุย”

ถามว่าเป้าหมายของมันคืออะไร

ตอบได้เลยว่า เพื่อชำระสะสางข้อแคลงคลางกังขาทั้งหมดที่เคยมีต่อลี้คิมฮวง สหายที่มันรักและให้ความเคารพ

ต้องเริ่มจากสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง

 

ซิมโอ้วไต้ซือจับตามองหน้าซีดขาวของอาฮุยแน่วนิ่ง มิทราบควรกล่าวกระไรเลย ขณะที่อาฮุยไม่ยอมเหลือบแลพวกมันแม้สักแวบเดียว

เพียงแต่จับตามองลี้คิมฮวงแน่วนิ่ง จากนั้น ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มทีละน้อย

ลี้คิมฮวงก็กำลังแย้มยิ้มอยู่ ซิมโอ้วไต้ซือประนมมือกล่าวเสียงแหบพร่า “สองท่านโปรดไปที่กุฏิอาตมา”

อาฮุยเหลียวขวับกลับไปสอดคำ “ลี้คิมฮวงเป็นบ๊วยฮวยเต๋าหรือไม่”

ซิมโอ้วไต้ซือก้มศีรษะตอบ “มิใช่”

“ข้าพเจ้าใช่บ๊วยฮวยเต๋าหรือไม่”

“ประสกก็มิใช่”

“ในเมื่อไม่ใช่ พวกเราพอจะไปได้แล้ว”

ซิมโอ้วไต้ซือพยายามฝืนยิ้มกล่าว “ย่อมได้แน่นอน เพียงแต่ประสก ประสกคล้ายยังเคลื่อนไหวมิใคร่สะดวก มิสู้ขอเชิญไป…”

อาฮุยสอดคำด้วยเสียงเย็นชาอีกครั้ง

“นี่ไม่ต้องให้ท่านกังวลด้วย อย่าว่าแต่ข้าพเจ้ายังพอเดินได้เลย แม้นับว่าคลานก็จะรีบคลานลงจากเขาไป”

ทั้งหมดล้วนเป็นบทบาทอาฮุย ขณะที่ลี้คิมฮวงมิได้กล่าวคำ

 

ต้องยอมรับท่าทีของอาฮุยต่อสำนักเสียวลิ้มยี่ค่อนข้างแข็งกร้าว ต้องยอมรับว่าท่าทีของลี้คิมฮวงต่อสำนักเสียวลิ้มยี่ค่อนข้างผ่อนปรน

แป๊ะเฮี่ยวเซ็งตายไปแล้วด้วยมีดสั้น เสียงงักตายไปแล้วด้วยแท่งน้ำแข็ง

แต่คำถามที่ยังค้างคาอยู่ 1 ใครเป็นโจรดอกเหมยกันแน่ 1 คัมภีร์ที่ถูกขโมยไปจากสำนักเสียวลิ้มยี่ตกไปอยู่ในมือใคร

ใครคือ “ผู้บงการ” อย่างแท้จริง

คำถามก็คือ เหตุปัจจัยใดทำให้อาฮุยมีความแข็งกร้าวและดูเหมือนจะไม่ต้องการสืบสาวไปยังรากฐานของโจรดอกเหมย

ความน่าสนใจจึงอยู่ที่ข้อกังขาของนักบวชแห่งสำนักเสียวลิ้มยี่

เป็นความกังขาที่พวกมันมิอาจคลี่คลายจนได้คำตอบ เป็นความกังขาที่พวกมันต้องถูกสกัดจากท่าทีอันแข็งกร้าวของอาฮุย

จำเป็นต้องมอง “สถานการณ์” อย่างมีการวิเคราะห์แยกแยะ

จำเป็นต้องย้อนกลับไปสำรวจรากฐานความเป็นมาของเสียงงักในโฉมของซิมก่ำไต้ซือ ประสานกับความสัมพันธ์กับแป๊ะเฮี่ยวเซ็ง

มีแต่ลี้คิมฮวงเท่านั้นที่มีความกระจ่าง

 

โจรดอกเหมยเมื่อ 30 ปีก่อนอาจมิใช่โจรดอกเหมยที่ปรากฏกายในครั้งนี้ พวกมันอาจมีความสัมพันธ์ฉันอาจารย์กับศิษย์

หรืออาจเป็นพ่อ ลูกกัน

แป๊ะเฮี่ยวเซ็งก็มิใช่จอมบงการให้ขโมยคัมภีร์ ทั้งนี้เพราะมันไม่สามารถสั่งให้ซิมก่ำเสี่ยงอันตรายเพื่อมัน

ก่อนที่ซิมก่ำจะเข้าสู่เสียวลิ้มยี่ก็ออกท่องยุทธจักรมาก่อน

หากต้องการทรัพย์สินเงินทองนับว่าง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ ดังนั้น ผลประโยชน์ลาภยศไม่อาจโยกคลอนซิมก่ำได้

แป๊ะเฮี่ยวเซ็งแม้มีฝีมือสูงเยี่ยม

แต่เมื่อเข้าสู่เสียวลิ้มยี่ก็ไม่มีโอกาสใช้ออก ดังนั้น ซิมก่ำไม่วิตกมันข่มขู่ บีบคั้น เช่นกัน ก่อนที่จะเข้าสู่เสียวลิ้มยี่ พฤติการณ์ของ “เสียงงัก” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “ซิมก่ำ”

ทั้งนี้เพราะบรรพชิตถือหลัก “พอวางดาบประหารสำเร็จเป็นอรหันต์”

แป๊ะเฮี่ยวเซ็งไม่อาจใช้พฤติการณ์ก่อนที่ซิมก่ำจะออกบวชมาเป็นเครื่องข่มขู่ได้ เมื่อซิมก่ำเข้าสู่เสียวลิ้มยี่ก็ไม่สามารถกระทำการใดๆ อีก

ทั้งนี้เพราะหากซิมก่ำคิดก่อการร้ายก็ไม่เข้าสู่เสียวลิ้มยี่แล้ว

เสียวลิ้มยี่ตรากฎวินัยเข้มงวด ทั่วทั้งแผ่นดินล้วนทราบกระจ่าง ซิมก่ำต้องไม่กล้าเสี่ยงอันตราย นอกจากมีอีกเรื่องหนึ่งสามารถโยกคลอนซิมก่ำ เรื่องที่สามารถโยกคลอนซิมก่ำต้องมิใช่ชื่อเสียงและมิใช่ผลประโยชน์

ที่สามารถโยกคลอนบุคคลเช่นนี้มีแต่โฉมสะคราญแห่งยุค ความงามที่พอล่มเมืองได้

มีแต่สตรีเช่นโจรดอกเหมยจึงสามารถโยกคลอนให้ซิมก่ำยินยอมเป็นศิษย์ทรยศของเสียวลิ้มยี่

มีแต่สตรีเช่นโจรดอกเหมยจึงกล้าขโมยคัมภีร์วิชาฝีมือของเสียวลิ้มยี่

 

การสังเคราะห์ของลี้คิมฮวง การวิเคราะห์ของลี้คิมฮวง ดำเนินไป ณ เบื้องหน้าคำถามจากอาฮุย

โดยเฉพาะเมื่อมันลงความเห็นอย่างรวบรัด

รวบรัด 1 ชื่อเสียง ผลประโยชน์ไม่อาจโยกคลอนซิมก่ำได้ รวบรัด 1 มีแต่โฉมสะคราญแห่งยุค ความงามที่พอล่มเมืองได้จึงสามารถโยกคลอนซิมก่ำได้

เป็นการโยกคลอนที่จิตใจ

บทสรุปนี้ดำเนินไปภายใต้คำถามจากอาฮุย “ในเมื่อชื่อเสียง ผลประโยชน์ไม่อาจโยกคลอนซิมก่ำได้ ยังมีเรื่องใดสามารถโยกคลอนซิมก่ำ”

แต่เมื่อประสบกับคำถาม “ท่านทราบได้อย่างไรว่าโจรดอกเหมยเป็นโฉมสะคราญงามล่มเมือง”

คำตอบคือ “บางทีข้าพเจ้าคาดเดาผิด หวังว่าข้าพเจ้าคาดเดาผิด”

ต้องยอมรับว่าการสังเคราะห์และวิเคราะห์กระทั่งสามารถประมวลผลเป็นบทสรุปโดยพื้นฐานดำเนินไปในลักษณะของการหว่านพืชพันธุ์

เรียกตามสำนวนพรรคอนาคตใหม่ก็ต้องว่า “ปักธงในทางความคิด”

 

การหวนกลับไปหาลิ่มเซียนยี้ของอาฮุยจึงเป็นการหวนกลับไปพร้อมกับ “คำถาม” และความรู้สึกมากมาย

เริ่มจาก “ท่านเข้าใจข้าพเจ้าตายไปแล้ว พอเห็นข้าพเจ้าจึงตระหนกขึ้นเฮือกใหญ่”

ตามมาด้วยการปรับตัวอย่างทันควันของลิ่มเซียนยี้ นางฉุดแขนอาฮุย รั้งอาฮุยเข้ามาในห้อง มือของนางนุ่มนิ่ม อบอุ่น เรียบลื่น

พอจะลูบบาดแผลให้ทุกคนทุเลาได้

อาฮุยสะบัดมือนางหลุดออกไป ขณะที่นางเอนกายซบไปในอ้อมอกของอาฮุย ร่างของนางก็อบอุ่น นุ่มนิ่มอย่างยิ่ง ยังมีกลิ่นหอมจางๆ เพียงพอบันดาลให้บุรุษทั้งหลายลุ่มหลงงงงวยอยู่ที่ชายกระโปรง

อาฮุยสะบัดมือฟาดฉาดเข้าใส่ ลิ่มเซียนยี้เซถลากระแทกลงกับพื้น ตะลึงลานไปแล้ว

จนครู่หนึ่งนางจึงมีน้ำตาหลั่งไหลลงอย่างเชื่องช้า ก้มศีรษะกล่าว “เป็นข้าพเจ้ามีที่ใดก้าวร้าวล่วงเกินท่าน ท่านเหตุใดต้องทำต่อข้าพเจ้าดังนี้ ข้าพเจ้ามีที่ใดไม่ดีต่อท่าน ท่านบอกมา ข้าพเจ้าถูกท่านตบตีตายคามือก็ยินยอม”

มือของอาฮุยกำแนบแน่น คล้ายดั่งกำลังบีบหัวใจตัวเองให้แหลกสลาย

อาฮุยพบเห็น หนังสือที่ลิ่มเซียนยี้อ่านเมื่อครู่ตอนที่มันเข้ามาเป็นคัมภีร์ ถึงกับเป็นคัมภีร์อันสูงส่งของเสียวลิ้มยี่

เพียงเท่านี้อาฮุยก็รู้แจ้งในความเป็นจริง

เนื่องเพราะความเป็นจริงที่มันประสบเมื่อนำมาวางเรียงเคียงข้างกับที่ลี้คิมฮวงสังเคราะห์และวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ

ภาวะอย่างที่เรียกว่า “ตาสว่าง” ก็บังเกิด

 

ใครที่ชมชอบอาฮุยตั้งแต่แรกที่ปรากฏผ่านบทที่ 1 รูปสลักจากมีดสั้นใน “ฤทธิ์มีดสั้น” ใครที่ชมชอบอาฮุยตั้งแต่แรกที่ปรากฏผ่านบทที่ 1 มีดบินกับกระบี่ไว ใน “เซี่ยวลี้ปวยตอ มีดบินไม่พลาดเป้า”

ย่อม “แอบ” ดีใจเงียบๆ ให้กับ “อาฮุย”

เพียงเห็นอาฮุยฟาดมือใส่ใบหน้าของลิ่มเซียนยี้ก็ย่อมรู้สึกตื่นตาตื่นใจและเห็นในความชาญฉลาดของลี้คิมฮวงที่หว่านเมล็ดพืช ปักธงในทางความคิดเช่นนี้

ถามว่าอาฮุยรอดจากเงื้อมมือของลิ่มเซียนยี้ได้ละหรือ