การย้ายถิ่นฐานและการพลัดถิ่น ในเอเชียตะวันตกและแอฟริกาเหนือ (1)

จรัญ มะลูลีม

มุมมุสลิม | จรัญ มะลูลีม

 

การย้ายถิ่นฐานและการพลัดถิ่น

ในเอเชียตะวันตกและแอฟริกาเหนือ (1)

 

เมื่อวันที่ 15-16 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมนานาชาติในฐานะแขกรับเชิญ (Guest of Honour) ร่วมกับนักวิชาการจากตะวันออกกลางทั้งจากประเทศโอมาน ตุรกี อิรัก และนักวิชาการจากประเทศไทย (ผศ.ดร.อาทิตย์ ทองอินทร์) จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช รวมทั้งนักวิชาการอีกจำนวนมากจากหลากหลายมหาวิทยาลัยของอินเดีย

ในการประชุมนานาชาติครั้งนี้ ซึ่งมีผู้นำเสนอถึง 161 ผลงานมีชื่อว่า การย้ายถิ่นฐานและการพลัดถิ่นในภูมิภาคเอเชียตะวันตกและแอฟริกาเหนือ (WANA) : ข้อกังวลระดับโลกและผลกระทบต่ออินเดีย (Migration And Diaspora In West Asian and North African (WANA) Region : Global Concern And Implication For India) จัดโดยภาควิชาเอเชียตะวันตกและแอฟริกาเหนือศึกษา (Department of West Asian and African Studies) Aligarh Muslim University (AMU) Aligarh, UP. India

ซึ่งเนื้อหาสำคัญของการประชุมในครั้งนี้มีดังต่อไปนี้

 

การย้ายถิ่นฐานและการพลัดถิ่นได้เชื่อมโยงกันเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันตกและแอฟริกาเหนือ (WANA) มาตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว

การข้ามผ่านการเดินทางของชาวยิวพลัดถิ่นจำนวนมากไปสู่การอพยพของกองกำลังต่างชาติเข้ามาในภูมิภาคผ่านการค้าและการรุกรานได้ทิ้งร่องรอยถาวรไว้ในสังคม การเมือง เศรษฐกิจโดยรวม

การโยกย้ายถิ่นฐานและการพลัดถิ่นในภูมิภาค WANA เกิดขึ้นตรงทางแยกของโลกและในอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ วิถีการอพยพยังถูกชี้นำด้วยการมีส่วนในแหล่งพลังงานร่วมกัน โดยเฉพาะน้ำมันและก๊าซ

คำว่าการพลัดถิ่นถูกใช้ครั้งแรกสำหรับการแพร่กระจายของชาวยิวและการกระจัดกระจายใน ค.ศ.70 เมื่อชาวโรมันขับไล่พวกเขาออกจากบ้านที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่เมื่อพันปีที่แล้ว

เมื่อก้าวไปข้างหน้าในหน้าประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการโยกย้ายถิ่นฐานและการพลัดถิ่นในภูมิภาค WANA เราก็จะได้เห็นกระแสการย้ายถิ่นเข้าและออกจำนวนมหาศาล ซึ่งทำให้ภูมิภาคนี้เป็นอย่างทุกวันนี้

นอกจากนี้ การก่อตั้งประเทศอิสราเอลในปี 1948 บนดินแดนปาเลสไตน์ได้บังคับให้ชาวปาเลสไตน์ต้องลี้ภัยไม่เพียงแต่ในประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในส่วนต่างๆ ของโลกอีกด้วย

 

การเฟื่องฟูของน้ำมันในปี 1973 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ได้กระตุ้นให้เกิดการอพยพของแรงงานและเปลี่ยนชะตากรรมของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันในโลกอาหรับไปตลอดกาล

การย้ายถิ่นของแรงงานทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของผู้ย้ายถิ่นและกลายเป็นประโยชน์ทั้งต่อประเทศผู้ส่งออกแรงงานและผู้รับเข้าแรงงาน ในประเทศกลุ่มสภาความร่วมมือแห่งอ่าว (Gulf Cooperation Council หรือ GCC) (ในที่นี้หมายถึงอ่าวเปอร์เซียหรือเรียกโดยชาวอาหรับว่าอ่าวอาหรับ) จะพบว่าในดินแดนเหล่านี้จำนวนแรงงานข้ามชาติได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

แรงงานข้ามชาติเหล่านี้จำนวนมากมีทักษะต่ำในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น การก่อสร้างและการบริการ หรือแรงงานรับใช้ในบ้าน ในขณะที่คนอื่นๆ อยู่ในงานที่มีทักษะสูงและอยู่ในธุรกิจที่มีความมั่นคง

แรงงานข้ามชาติมีส่วนร่วมอย่างมากในการพัฒนาประเทศปลายทาง และส่งเงินกลับที่สำคัญไปยังครอบครัวและชุมชนของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม หลายคนต้องเผชิญกับความท้าทายในการทำงานที่ดี ภูมิภาคนี้มีส่วนแบ่งแรงงานข้ามชาติสูงที่สุดในโลก

เมื่อคิดเป็นสัดส่วนของแรงงานทั้งหมดพบว่าสูงถึงร้อยละ 41.4 ในปี 2019 เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่มีอยู่เพียงร้อยละ 5

 

ข้อมูลขององค์การแรงงานโลก (ILO) แสดงให้เห็นว่าเกือบร้อยละ 83 ของแรงงานข้ามชาติทั้งหมดเป็นแรงงานชาย ส่วนแรงงานหญิงมีเพียงร้อยละ 17 ของประชากรที่เป็นแรงงานข้ามชาติในภูมิภาคนี้ เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่มีอยู่ร้อยละ 41 เท่านั้น (ILO 2021)

ก่อนหน้านี้การย้ายถิ่นฐานและภูมิทัศน์ของเมืองเป็นแง่มุมที่ไม่ค่อยได้มีการกล่าวถึงมาก่อน ดังนั้น การประชุมในครั้งนี้จึงมีขึ้นเพื่ออภิปรายถึงมุมมองต่างๆ เกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐาน การขยายตัวของเมือง และการพัฒนาเมืองระดับโลกในภูมิภาค

ระดับการขยายตัวของเมืองนั้นสูงมากในหลายๆ ประเทศในเอเชียตะวันตกหรือตะวันออกกลาง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ GCC ซึ่งกว่าร้อยละ 80 มีลักษณะเป็นเมือง

ดังนั้น เมืองต่างๆ ยังคงดึงดูดผู้คนที่แสวงหาชีวิตที่ดีขึ้นและโอกาสในการทำงานและการบริการที่ดียิ่งขึ้น

 

วัตถุประสงค์ประการหนึ่งของการประชุมครั้งนี้คือการระบุและหารือเกี่ยวกับปัจจัยที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นศูนย์กลางในการกำหนดแนวโน้มของปริมาณ อัตราความเร็ว และรูปแบบการไหลเข้าของแรงงานข้ามชาติในอนาคตสู่เมือง และปัจจัยที่กำหนดการย้ายถิ่นฐานไปยังเมืองต่างๆ

การอพยพย้ายถิ่นฐานและการพลัดถิ่นของประชากรหลังเหตุการณ์ Arab Spring /การจลาจลในปี 2011 เริ่มต้นขึ้นในตูนิเซีย ต่อมาได้แพร่กระจายไปในหลายประเทศในภูมิภาค WANA

การประชุมในครั้งนี้อีกเช่นกันที่ได้มีการหารือกันในเรื่องดังกล่าวว่าด้วยวิกฤตผู้ลี้ภัยที่เลวร้ายที่สุดในต้นศตวรรษที่ 21

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของการอพยพระหว่างและหลังการระบาดของ COVID-19 อีกด้วย

ที่น่าสนใจก็คือพลวัตการอพยพของชาวอินเดียไปยังประเทศในเอเชียตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปยังประเทศในกลุ่ม GCC ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง

ในขณะที่ประเทศอินเดียกำลังเฉลิมฉลอง 75 ปีแห่งการประกาศอิสรภาพอยู่นั้นอินเดียมีผู้พลัดถิ่นที่ขยายตัวออกไปจำนวนมากถึง 18 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งประมาณ 8 ล้านคนอยู่ในประเทศแถบเอเชียตะวันตกหรือตะวันออกกลาง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ขนาดมหึมา

 

จุดประสงค์ในการพิจารณาประเด็นเหล่านี้ คณะเอเชียตะวันตกและแอฟริกาเหนือศึกษา (West Asian and North African Studies) มหาวิทยาลัยมุสลิมอลีการ์ (Aligarh Muslim University) จึงได้จัดประชุมในหัวข้อ การย้ายถิ่นฐานและการพลัดถิ่นในภูมิภาคเอเชียตะวันตกและแอฟริกาเหนือ (WANA) ข้อกังวลระดับโลกและผลกระทบต่ออินเดีย ในวันที่ 15-16 มีนาคม 2023 ขึ้น โดยในการประชุมครั้งนี้ได้มีการพูดถึงปัญหาจากแง่มุมต่างๆ ดังต่อไปนี้

แง่มุมทางประวัติศาสตร์

– การย้ายถิ่นและการพลัดถิ่นในภูมิภาค WANA : จากแง่มุมทางประวัติศาสตร์

– การอพยพและการพลัดถิ่นจากประเทศในภูมิภาค WANA ไปยังส่วนต่างๆ ของโลก

– การอพยพกลับของชาวยิวจากทั่วโลกไปยังปาเลสไตน์ : จากแง่มุมทางประวัติศาสตร์

แง่มุมของการเคลื่อนย้ายแรงงาน

– รูปแบบ ประเด็น และความท้าทายของการย้ายถิ่นในแถบอ่าวเปอร์เซียก่อนและหลังยุคน้ำมันเฟื่องฟู : มิติทางภูมิศาสตร์ สังคมวิทยา การเมือง และเศรษฐกิจ

– ส่วนต่างของค่าจ้างและการเคลื่อนย้ายแรงงาน

– กลุ่มประเทศ GCC เป็นจุดที่เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการอพยพจากประเทศในเอเชียใต้

– พลวัตของการย้ายกลับ; การโยกย้ายรุ่นที่สองและการย้ายถิ่นที่ผิดกฎหมาย