ซักฟอกครั้งสุดท้าย กระชากหน้ากากคนดี-ปิดสวิตช์ 3 ป. ประชาชนตัดสินในคูหาเลือกตั้ง

การอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 เมื่อวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ ถือเป็นศึกครั้งสุดท้ายของพรรคฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลประยุทธ์ที่อยู่ในอำนาจมาเกือบครบ 4 ปี เอาเข้าจริง รัฐบาลประยุทธ์ผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจมา 4 ครั้ง และอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติอีก 3 ครั้ง รวมถึงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติในครั้งนี้

แม้รัฐบาลประยุทธ์ผ่านศึกซักฟอกมาได้ทุกครั้ง แต่ความสำคัญของศึกสุดท้ายไม่ได้อยู่ในสภา แต่หมุดหมายอยู่ที่คูหาเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเร็ววัน พรรคเพื่อไทย ต้องการกระชากหน้ากากคนดี พรรคก้าวไกล ต้องการเช็กบิลปรสิต ปิดสวิตช์ 3 ป.

แต่เป้าหมายร่วมของฝ่ายค้านคือ ยิ่งประยุทธ์เสียหายหนักเท่าไหร่ก็จะทำให้ประชาชนตัดสินใจกาบัตรเลือกตั้งได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้าน เปิดญัตติอภิปรายคนแรก กระชากหน้ากากคนดี โดยสรุปเป็น 8 เปื้อนของนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปี ดังนี้

หนึ่ง เหมืองทองอัครา พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปิดเหมืองทองอัครา จนถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเข้าสู่คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ จนนำไปสู่การประนีประนอมยอมความด้วยการนำทรัพย์สินคือทรัพยากรประเทศมหาศาลนับแสนล้านไปแลกกับความอยู่รอดของตนเองและผูกพันเงื่อนไขไปสู่รัฐบาลหน้า

สอง หนี้สาธารณะของประเทศมหาศาล รัฐบาลประยุทธ์กู้หนี้มากว่า 5.7 ล้านล้านบาท ส่งผลให้หนี้สาธารณะสูงไปถึงเกือบ 10 ล้านล้านบาท ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นตามไป ตลอดจนความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนลำบากฝืดเคืองมากขึ้น

สาม สถิติคนไทยฆ่าตัวตายเพิ่มสูง เป็นอันดับหนึ่งของอาเซียน เพราะเศรษฐกิจที่แร้นแค้น ความเหลื่อมล้ำที่ทับถม ทุกคนเกิดมาอยากมีชีวิตที่ดี มีความสุข ทำประโยชน์แก่ตน ครอบครัว และประเทศชาติที่เขาภาคภูมิใจ แต่รัฐบาลนี้ไม่เคยอุ้มชูให้เขาอยู่รอดได้ในรัฐบาลนี้

สี่ ทุนจีนสีเทา ใช้อิทธิพลเงินเข้าครอบงำทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินธุรกิจอย่างไม่ถูกต้อง ระบาดหนักไปทั่วทุกหย่อมหญ้า

ห้า ทุจริตคอร์รัปชั่น การซื้อขายตำแหน่ง การตบทรัพย์ทั้งโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้รับรู้หรือไม่ และใครเป็นใครกันแน่ จับแล้วก็จบกันไปแบบเงียบ จนกลายเป็นปกติวิสัยของผู้คนในบ้านเมืองนี้ที่ไม่สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้

หก ธนกิจการเมือง การใช้เงินเป็นใหญ่ในการทำการเมือง เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดและเห็นชัดที่สุด เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้มากที่สุด เห็นได้จากการจับกุมข้าราชการรัฐระดับอธิบดีเรียกรับสินบน ปัญหานี้รัฐบาลต้องตอบให้ชัดเจนว่าจะทำอย่างไรกับคดีนี้ จะปกป้องอธิบดีคนนี้หรือไม่ หรือเห็นมีข่าวว่ามีความใกล้ชิดเป็นน้องชายเพื่อนสนิทของผู้มีอำนาจ

เจ็ด ยาเสพติด ประชาชนร้องเรียนปัญหายาเสพติดในพื้นที่ หนักหนากว่าปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เช่น ยาบ้า มีราคาถูกลงเหลือราคาเม็ดละไม่ถึง 20 บาท ระบาดไปทุกหมู่บ้าน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ภาครัฐจับกุมยาบ้าได้มหาศาล แต่ทำไมยาบ้าก็ยังมีมากในตลาด มีการเวียนของกลางมาใช้หรือเปล่า อันนี้ต้องขยายความพูดคุย

แปด อบายมุขครบวงจร เว็บพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดูดเงินจากบัญชี ตลอดจนแชร์ลูกโซ่ระบาดลงไปทุกซอกมุม มีพี่น้องประชาชนเดือดร้อนร้องเรียนถูกฉ้อโกงไม่เว้นแต่ละวัน

ไฮไลต์คนต่อมาคือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ออกมาลอกคราบ ภายใต้รัฐบาลประยุทธ์ คนไทยตกอยู่ใน ‘ทศวรรษที่สูญหาย’ พร้อมชี้ทางออกว่า การเลือกตั้งคือโอกาส เปลี่ยนเป็น ‘ทศวรรษแห่งความหวัง’

พิธาฉายภาพเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้เงินภาษีประชาชนรวมกันไปแล้ว 28 ล้านล้านบาท เทียบเท่าทองคำพันล้านแท่ง สามารถเอาไปชุบถนนทั่วประเทศไทยได้เกือบ 2 รอบ อย่างที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี เคยบอกว่าถ้าประเทศไทยเลิกคอร์รัปชั่น จะปูถนนเป็นทองคำก็ทำได้ แต่ถึงวันนี้ ประเทศไทยยังไม่มีอนาคตเหมือนเดิม

สิ่งที่คนไทยได้จากการบริหารประเทศตลอดเกือบ 10 ปี คือ ‘การเมืองเดิม ปากท้องเดิม อนาคตแบบเดิม’ เราลงทุนไป 28 ล้านล้านบาทก็ได้อนาคตแบบเดิม อนาคตที่ประเทศไทยมีจีดีพีรั้งท้ายอาเซียนและยังไม่ฟื้นตัวจริงจากโควิด

ประเทศไทยสูญเสียเวลาที่จะได้ทำให้ 3 เรื่องสำคัญดีขึ้น คือ (1) การศึกษา ตอนนี้คะแนนภาษาอังกฤษของไทยรั้งท้ายอาเซียนและรั้งท้ายโลก (2) คอร์รัปชั่น ปี 2557 อันดับความโปร่งใสของเราอยู่ที่อันดับ 85 แต่ปี 2565 หล่นมาอยู่ที่อันดับ 110 และ (3) ภัยแล้ง ก่อนหน้านี้มีพรรครัฐบาลบอกว่า “มีลุง ไม่มีแล้ง” แต่ที่ผ่านมาเกือบ 1 ทศวรรษ พื้นที่แล้งซ้ำซากในภาคกลาง เพิ่มจาก 4 ล้านไร่ เป็น 14 ล้านไร่ ภาคอีสานเพิ่มจาก 40 ล้านไร่ เป็น 49 ล้านไร่

นอกจากนี้ ประเทศยังสูญเสียโอกาสในการปฏิรูปสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่มีผลกระทบต่อประชาชน คือการปฏิรูปตำรวจ ภาพลักษณ์ของตำรวจตอนนี้ ประชาชนมีคำถามว่าจริงหรือไม่ที่ตำรวจมีส่วนกับทุนจีนสีเทา จริงหรือไม่ตำรวจตั้งด่านรีดไถนักท่องเที่ยวไต้หวัน แทนที่จะเป็นผู้พิทักษ์ราษฎรกลับเป็นส่วนหนึ่งของการทำร้ายราษฎร รวมถึงระบบเส้นสาย-ตั๋ว ที่ทำให้ตำรวจมีปัญหาสุขภาพจิต

ส่วนการปฏิรูปกองทัพ รัฐบาลยังลอยตัว ประชาชนไม่ได้คำตอบ อะไรคือสาเหตุของเรือหลวงสุโขทัยล่ม ที่ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยสูญเสียมากขนาดนั้น เท่าไรคือค่าใช้จ่ายที่กองทัพใช้ในการบินเครื่องบินรบ F16 ที่เอาไปดูแลกิจกรรมในครอบครัวของอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ อะไรคือสาเหตุของการบริหารในกองทัพที่ทำให้เกิดเหตุการณ์กราดยิงโคราชและความรุนแรงต่อทหารชั้นผู้น้อย

พิธา แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกล สรุปการอภิปรายว่า อีกไม่นาน ประชาชนจะเข้าคูหา การเลือกตั้งครั้งนี้คือโอกาส ปิดสวิตช์ 3 ป. เปลี่ยนทศวรรษที่สูญหาย เป็นทศวรรษแห่งความหวัง เป็นจุดเริ่มต้นของทศวรรษที่มีอนาคต ทศวรรษที่ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

สําหรับ ส.ส.รุ่นใหม่ที่อภิปรายได้อย่างน่าสนใจคือ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ส.ส.น้ำ อภิปรายกรณีหลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดธุรกิจส่วนตัวในค่ายทหารเพื่อรับเหมาก่อสร้าง ส่อว่าจะเข้าข่ายฮั้วประมูลงานรัฐ พร้อมแฉกรณีธุรกิจหลานนายกฯ พัวพันกับกลุ่มทุนจีนสีเทา

“หลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ได้งานจากรัฐเข้าข่ายเป็นการฮั้วประมูล เป็นการทุจริตอย่างร้ายแรง พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะลุงและนายกรัฐมนตรีที่เคยประกาศว่าการปราบปรามเป็นวาระแห่งชาติ จนถึงตอนนี้เหลือเวลาในการดำรงตำแหน่งอีก 37 วัน ท่านจะดำเนินการอย่างไร เช่นเดียวกับกรณีทุนจีนสีเทาที่หลานท่านเข้าไปเกี่ยวพัน ท่านจะพลิกเอาคดีของหลานชายท่านมาทำให้คนไทยทั้งประเทศสิ้นความสงสัยได้หรือไม่”

ดาวเด่นอีกคนของพรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล โหมโรงการอภิปรายซักฟอกอย่างน่าสนใจผ่านโซเชียลว่า เราเสียหายมาเท่าไหร่กับรัฐบาลประยุทธ์และพรรคพวก? ชีวิตกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยที่เสียชีวิต 24 นาย สูญหาย 5 คน ค่าเก็บกู้ซากเรือหลวงสุโขทัยอีก 200 ล้านบาท และความเสียหายต่อการป้องกันประเทศอันประเมินค่ามิได้ ใครรับผิดชอบ? แม้แต่การเก็บกู้ซากเรือ ประเทศไทยยังไม่มีโอกาสได้คนที่มีมาตรฐานดีที่สุดจริงๆ หรือ?

โจรในคราบนายทหาร ทำนาบนหลังกำลังพล หัวคิว 5% โครงการกู้ซื้อบ้านทหารชั้นผู้น้อย สูงสุดหลังละ 5,000,000 บาท จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมโคราช หายนะของประชาชน ที่มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 30 คน ผู้บาดเจ็บอีก 58 คน เก็บหนี้ชีวิตนี้ที่ใคร?

จากกองทัพ รังสิมันต์นำเอาปัญหาโรงไฟฟ้าล้นประเทศ มาตอกย้ำอีกครั้ง โดยชี้ว่า วันนี้โรงไฟฟ้ายังไม่ได้เดินเครื่อง แต่ประชาชนยังต้องจ่าย “ค่าพร้อมจ่าย” เป็นเงินปากผีให้นายทุน หน่วยละ 1 สลึง ปีหนึ่งๆ นายทุนพลังงานกอบโกยปีละ 50,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลยังเตรียมอนุมัติโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 3,900 MW ผลประโยชน์เข้ากระเป๋าใคร?

รังสิมันต์เสนอให้ยกเลิกการประมูล ตั้งเกณฑ์การประเคน เดินรถ 30 ปี สัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้ม ทำประเทศเสียหายอย่างน้อย 68,613 ล้านบาท ใช้อภินิหารทางกฎหมาย ทุจริตเชิงนโยบายอย่างลอยหน้าลอยตา

รังสิมันต์ โรม ถามคนไทยว่า เราจะปล่อยให้ประเทศเดินไปแบบนี้จริงๆ ใช่ไหม?

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบโต้พรรคฝ่ายค้าน ในประเด็นเศรษฐกิจ โดยยืนยันว่ารัฐบาลทำมาหมดแล้ว เพียงแต่ยังไม่เห็นผลเท่านั้น จนทำให้พรรคฝ่ายค้านนำมาตีกิน หาเสียง พร้อมท้าทายว่า ถ้าฝ่ายค้านได้เป็นรัฐบาลก็ทำเถอะ …ถ้าท่านได้เป็นนะ!

ส่วนเรื่องทุจริต นายกฯ ประยุทธ์ชี้แจงว่า “การที่เอาผมไปโยงคนนั้นคนนี้ จะต้องเป็นญาติคนนั้นญาติคนนี้ ผมคือตัวผม คือครอบครัวผม และผมไม่เคยเอื้อประโยชน์ให้ใคร ก็ไปตรวจสอบมา เวลาสมัยก่อนท่านเป็นรัฐบาล เรื่องทุจริตไม่เห็นมีการพูดกันสักคำเลย”

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ วิปฝ่ายค้าน สรุปประเด็นการซักฟอกว่า วันนี้ประชาชนเห็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์ที่มืดมิดแล้ว ประชาชนกำลังรอเวลาเอาคืน โดยการเข้าคูหาแล้วฉีกหน้ากาก ‘คนดี’

จากนี้อีกไม่นาน พฤษภาคม ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินทางการเมือง!