ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
สร้างความฮือฮาประหลาดใจให้กับชาวโลกไม่น้อย กับภาพที่ “คิม จอง อึน” ผู้นำเกาหลีเหนือ เดินจับมือมากับเด็กหญิงในชุดเสื้อแจ๊กเก็ตสีขาว กางเกงดำ สวมรองเท้าแดง มาชมการทดสอบยิงขีปนาวุธด้วยเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ซึ่งถูกปล่อยออกมารัวๆ โดยสำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) กระบอกเสียงทางการเกาหลีเหนือ
กลายเป็นภาพขโมยซีนที่แทบจะกลบการทดสอบยิงขีปนาวุธครั้งสำคัญ ที่เกาหลีเหนืออวดโอ่ว่าเป็นขีปนาวุธยิงข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) “ฮวาซง-17” รุ่นล่าสุด ที่มีพิสัยยิงโจมตีได้ไกลถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐอเมริกา และเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกไปเสียสิ้น
เพราะในรายงานของเคซีเอ็นเอระบุว่าผู้นำคิมเดินทางมาชมการทดสอบขีปนาวุธไอซีบีเอ็มพร้อมกับภรรยาและลูกสาวอันเป็นที่รักของเขา ที่ถือเป็นการยืนยันชัดเจนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกต่อสาธารณชนถึงการมีตัวตนจริงของหน่อเนื้อเชื้อไขคิม จอง อึน
เนื่องจากที่ผ่านมาสื่อทางการเกาหลีเหนือไม่เคยเอ่ยถึงลูกๆ ของคิม จอง อึน แต่อย่างใด ขณะที่เรื่องครอบครัวและเรื่องส่วนตัวของผู้นำคิมถูกเก็บรักษาเป็นความลับชั้นสุดยอด
ที่ผ่านมามีแต่เสียงร่ำลือกันไป ขณะที่ข้อมูลของหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ระบุว่า คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือรุ่น 3 บุตรชายของคิม จอง อิล ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือรุ่น 2 ได้แต่งงานกับรี ซอล จู ผู้เป็นภรรยา ในปี 2009 ก่อนจะมีลูกคนแรกด้วยกันในปีต่อมา และมีลูกคนที่ 2 และ 3 ในปี 2013 และในปี 2017
อีกชุดข้อมูลเรื่องลูกของคิม จอง อึน เป็นชุดข้อมูลจากเดนนิส ร็อดแมน อดีตนักบาสเกตบอลเอ็นบีเอดาวดังชาวอเมริกัน ที่อ้างตนเป็นสหายสนิทของคิม จอง อึน บอกเล่าเมื่อครั้งเขาไปเยือนเกาหลีเหนือในปี 2013 ว่าเขาพบกับลูกสาวของผู้นำคิม ชื่อว่า “จู แอ” ซึ่งเขายังได้อุ้มเธอด้วย
ทั้งยังชื่นชมผู้นำคิมว่าเป็นพ่อที่ดี
ภาพการปรากฏตัวเคียงข้างกายกายคิม จอง อึนของเด็กหญิงที่เปรียบเป็นแก้วตาดวงใจของผู้นำเกาหลีเหนือผู้นี้ ซึ่งมีการคาดหมายว่าน่าจะมีอายุประมาณ 12-13 ปี ได้ทำให้นักวิเคราะห์วิจารณ์ตีความไปต่างๆ นานาว่าจะมีเจตนาหรือนัยอันใดแฝงไว้อยู่หรือไม่ หรือไม่ได้มีอะไรสลักสำคัญมากไปกว่าการใช้เวลาร่วมกันตามประสาพ่อลูกทั่วไปก็เท่านั้น
อย่างในความเห็นของชอง ซอง ชาง ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือศึกษา แห่งสถาบันเซจงในเกาหลีใต้ บอกว่า เด็กหญิงที่ปรากฏตัวเคียงข้างคิม จอง อึน ซึ่งเข้าใจกันว่าคือ จู แอ น่าจะเป็นลูกคนรองของคิม จอง อึน การเปิดตัวเธอสู่สายตาโลกภายนอก อาจบ่งบอกถึงความเป็นไปได้ว่าเธออาจถูกวางตัวเป็นผู้สืบทอดอำนาจผู้นำแห่งตระกูลคิมรุ่นต่อไป เหมือนตัวเขาเองที่เป็นผู้สืบทอดอำนาจต่อจากคิม จอง อิล พ่อของเขา ทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่ลูกชายคนโต
ชอง ซอง ซาง มองว่า คิม จอง อึน อาจต้องการทำแบบเดียวกับพ่อของเขาในการเลือกลูกคนที่มีความเหมือนตนเองมากที่สุด เป็นทายาทสืบทอดอำนาจ โดยหากยังเห็นเธอออกงานสำคัญๆ เคียงข้างกับพ่อของเธอต่อไป นี่ก็อาจจะเป็นสิ่งบ่งชี้ความเป็นไปได้นั้น
ส่วน คิม ซู นักวิเคราะห์อีกราย มองว่า การเปิดตัวลูกสาวให้โลกได้ยลโฉมในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ อาจเป็นการส่งสารไปทั่วโลกให้ได้รับรู้ว่าระบอบปกครองเกาหลีเหนือจะไม่ล้มหายไปไหน
ในทางหนึ่งนี่เป็นภาพเชิงสัญลักษณ์สื่อถึงการส่งไม้ต่อของผู้นำคิมสู่คนรุ่นต่อไป และยังทำให้เห็นความใกล้ชิดสนิทสนมและความสบายใจระหว่างคิม จอง อึน ที่มีกับลูกสาว ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ว่าเธอกำลังได้รับการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นผู้นำในอนาคต
ขณะที่จอห์น เดลูรี ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนืออีกราย มองในอีกมุมหนึ่งว่า การปรากฏตัวในที่สาธารณะกับภรรยา โดยเฉพาะกับลูกสาวของคิม จอง อึน นั้น ทำให้ภาพของเขาดูซอฟต์ลง อย่างน้อยก็ในหมู่ชาวเกาหลีเหนือเองว่าบุรุษผู้นี้ไม่ใช่พวกกระหายสงครามหรือพวกหลงตัวเอง แต่เป็นพ่อที่ดี เป็นผู้ปกป้องครอบครัว เหมือนอย่างที่เขาปกป้องประเทศชาติ
ยังมีนักวิเคราะห์ที่มองว่าการเปิดตัวลูกสาวของคิม จอง อึน ได้ทำให้เกิดคำถามขึ้นหลายประการ หนึ่งนั้นคือ นี่หมายถึงการวางตัวทายาทสืบอำนาจไว้แล้วของคิม จอง อึน หรือไม่ ที่แน่นอนว่าเขาย่อมต้องเลือกเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองไม่คนใดก็คนหนึ่งในการเป็นผู้นำคนต่อไป
อีกคำถามคือ เหตุใดถึงเปิดตัวลูกสาวในตอนนี้ ทั้งๆ ที่เธอยังเด็กมาก หากคิม จอง อึน ในวัยเพียง 38 ปี เตรียมการวางตัวทายาทเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ นั่นอาจหมายความว่าเขามีปัญหาด้านสุขภาพรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ปัญหาสุขภาพของคิม จอง อึน เป็นเรื่องที่มีการคาดเดากันหลังเขาหายหน้าไปช่วงหนึ่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของระบอบผู้ปกครองเกาหลีเหนืออยู่มาก
และอีกคำถามก็คือนัยที่มีต่อโครงการอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ โดยมองว่าการเปิดตัวลูกสาวคิม จอง อึน ในการทดสอบอาวุธสำคัญของเกาหลีเหนือครั้งนี้ อาจบ่งบอกได้ว่าสักวันหนึ่งเธออาจจะมีบทบาทสำคัญในการสืบสานการพัฒนาโครงการอาวุธเกาหลีเหนือต่อจากพ่อของเธอ จากที่คิม จอง อึน เคยประกาศกร้าวว่าจะไม่ทิ้งอาวุธนิวเคลียร์ และยังเดินตามเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นต่อไปในการเป็นหนึ่งชาตินิวเคลียร์ของโลก
ขณะเดียวกันยังมีนักวิเคราะห์บางคนมองว่าโอกาสที่ผู้หญิงจะได้รับการยอมรับในการก้าวขึ้นเป็นผู้ปกครองประเทศอย่างลูกสาวของคิม จอง อึน ในสังคมปิตาธิปไตยอย่างเกาหลีเหนือนั้นแทบจะเป็นศูนย์
แต่ผู้สันทัดกรณีอีกส่วนหนึ่งโต้แย้งว่าโอกาสนั้นไม่ได้ปิดไปเสียทีเดียว เพราะผู้หญิงที่อยู่ล้อมรอบกายคิม จอง อึน หลายคน ก็ได้รับการสนับสนุนให้ร่วมทำงานในตำแหน่งระดับสูง เช่น คิม โย จอง น้องสาวของคิม จอง อึน ที่ออกหน้าแทนพี่ชายงัดข้อกับเกาหลีใต้และชาติตะวันตกให้เห็นอยู่บ่อยๆ หรือโช ซอน ฮุย ที่ขึ้นเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศผู้หญิงคนแรกของเกาหลีเหนือ
ราเชล มินยอง อี จากองค์กรวิจัย 38 นอร์ธ ให้ความเห็นว่า คิม จอง อึน นั้นเป็นคนในรุ่นที่ต่างไปจากยุคพ่อและปู่ของเขา ที่ก็คือ คิม อิล ซุง ผู้ก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ โดยคิม จอง อึน ดูเหมือนจะเปิดกว้างยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงได้มากกว่า
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เชื่อว่าหากในอีก 10 ปีข้างหน้า ลูกสาวของคิม จอง อึน ได้เข้าไปมีบทบาทคลุกคลีกับการพัฒนาเศรษฐกิจและโครงการขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ กลไกทางการเมืองและการทหารที่มีอยู่ก็อาจยอมรับการวางตัวเธอเป็นผู้นำรุ่นต่อไปแห่งเขาเพ็กตูได้
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022